ในทางโลก ‘การไม่รู้’ ทำให้เราไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ ดังนั้นจึงต้องเรียนรู้ สะสมความรู้ ทดลองเยอะๆ ตั้งสมมติฐานแล้วหาคำตอบ เอาข้อมูลใส่เข้าไปในตัวเองเยอะๆ จึงจะกลายเป็นคนเก่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญ
แต่ในการปฏิบัติธรรม การรู้เยอะเกินไป เหมือนน้ำเต็มแแก้ว ทำให้มีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด สงสัยมาก ยิ่งทำให้ติดขัดในการศึกษา พอน้ำเต็มแก้ว เติมอะไรลงไปไม่ได้ คิดว่าตนรู้ธรรมแล้ว ก็เติมธรรมอะไรลงไปไม่ได้ ในทางธรรมจึงมีสองคำคือ
'วิชา' คือ การรู้ รู้จัก รู้จำ เป็นการนำความรู้จากข้างนอกใส่เข้าไปในตัว ต้องเติมความรู้เข้าไป จึงจะรู้เพิ่มขึ้น ๆๆ เรื่อย ๆ
ส่วน ‘วิชชา’ คือ การรู้แจ้ง เห็นแจ้ง เป็นการรู้ ‘ตัวรู้’ ที่อยู่ในตัวเรา รู้ว่า ‘ปัญญา’ นี้ไม่ต้องแสวงหาจากภายนอก เพราะมันเต็มเปี่ยมอยู่ภายในอยู่แล้ว บางครั้งเราก็เรียกว่า ‘สภาวธรรม’ ซึ่งทุกคนต่างมีสภาวะนี้ในตนเอง แต่เราเอากิเลส ตัณหา ความอยาก ไปบดบังมันไว้ จนมันฉายแสงแห่งปัญญาไม่ได้
คำว่า ‘การวางสิ่งที่รู้’ ลงจนหมดสิ้น คือ การนำกิเลส ตัณหา อวิชชา ความหลงผิด ที่บดบังตัว ‘ปัญญา’ ออกไปจาก ‘จิต’ ของเรานั่นเอง
‘การปฏิบัติธรรม’ จึงไม่ใช่การเอา ‘ความรู้’ ใส่เข้าไปในตัว ไม่ต้องหาอะไรเติมเข้าไปอีก เพราะมันเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว เราปฏิบัติก็เพื่อลด ละ เลิก กิเลส ตัณหา ความอยาก ถ้าทำได้ สิ่งที่เหลือในตัวเรา คือ ‘ปัญญา’ ซึ่งพร้อมจะทำงานและเปล่งแสงสว่างของมันอย่างเป็นปกตินั่นเอง
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2567 |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2567 7:25:28 น. |
|
0 comments
|
Counter : 25 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|