Group Blog |
บุปผวรรณฤาผันกลีบ : บุพกรรม(ต่อๆ) บุญกรรมทำแต่งไว้ ชาติภพไซร้ไม่อาจกั้น รอยเกวียนเวียนจบกัน ใครเล่านั่นอาจพ้นกรรม กรุงเทพมหานคร 1,200 ปีต่อมา รถเก๋งสีบรอนซ์เงินคันหรูขับเลี้ยวออกจากถนนหลักเข้าสู้ถนนเส้นเล็ก เป้าหมายคือบ้านหลังสุดซอยตามแผนที่ที่บิดาเป็นคนวาดให้ แม้จะมั่นใจตนเองอ่านแผนที่ได้ถูกต้องบวกกับได้ศึกษาเส้นทางจากอินเตอร์เน็ตมาเป็นอย่างดี แต่ยิ่งเมื่อตัวรถเคลื่อนไปตามเส้นทางเท่าไหร่ ความมั่นใจก็ยิ่งถดถอยลงเท่านั้น เมื่อภาพของคฤหาสถ์หลังใหญ่ใน"ความคิด"ของเขาไม่มีวี่แววที่จะปรากฏ ยิ่งเมื่อขับมาจนสุดถนนท้ายซอย ภาพของบ้านหลังที่เห็น ช่วยยืนยันความคิดที่ว่า"หลงทาง"ได้เป็นอย่างดี.... บ้านหลังที่เห็นเพียงเป็นเรือนไม้ทรงไทยยกพื้นสูงขนาดไม่ใหญ่โตนักเหมือนพวกบ้านกำนันมีฐานะที่เห็นตามในละครทั่วไป บริเวณบ้านรายรอบด้วยต้นไม้แลดูร่มรื่น ล้อมรอบด้วยรั้วไม้โปร่งสูงราวเมตรกว่าๆ ซึ่งน่าจะเอาไว้แค่แยกบริเวณจากบ้านหลังอื่นๆเท่านั้น ชายหนุ่มอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายไม่ได้ ก่อนจะตัดสินใจลงจากรถพร้อมกับหยิบแผนที่ลงมาด้วย หันมองไปทางรั้วบ้านหลังสุดท้ายนั้น ก็เห็นว่ามีออดติดตั้งอยู่ที่รั้วบ้าน แต่ด้วยความมั่นใจว่าไม่ใช่บ้านหลังที่ตามหาอย่างแน่นอน เขาจึงเลือกที่จะบ่ายหน้าไปจากต้นซอยพร้อมกับกางแผนที่หาจุดผิดพลาด "ถนนทัศน์นที ซอย 7 ก็ถูกแล้วนี่น่า " ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง มั่นใจเต็มที่ว่ามาธุระสำคัญขนาดนี้ตอนเลี้ยวรถเข้าซอยมาไม่มีทางดูป้ายผิดแน่ แล้วทำไมถึง... "ขอโทษนะคะ คุณน่านฟ้าใช่ไหม" น้ำเสียงหวานใสลอยแผ่วทักชื่อเขามาจากด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปมอง เจ้าของเสียงเป็นสตรีร่างบางอายุราว 20 กลางๆในชุดกระโปรงสีงาช้างเรียบๆแต่ดูเก๋ทันสมัย ปล่อยผมดำยาวสลวยถึงกลางหลัง หน้าตาผิวพรรณนวลเนียนหมดจด แม้จะไม่ได้สวยงามบาดตา แต่เมื่อรวมกับกิริยาท่าทางที่นุ่มนวลแฝงด้วยความสง่างามอยู่ในทีแล้ว ย่อมตรึงสายตาผู้พบเห็นมิให้ละไปได้ "ครับ...ผม...น่านฟ้า" ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ในเมื่อคนตรงหน้าเรียกชื่อเขาได้ถูกต้อง ถ้าเช่นนั้นบ้านหลังนี้ก็...คฤหาสถ์ร้อยล้าน...ที่เขาเคยคิดไว้ ด้วยยังไม่หายอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าหลายๆอย่างที่ขัดกับที่จินตนาการอย่างสิ้นเชิง น่านฟ้าจึงได้แต่ยืนนิ่งจะพูดจะทำอะไรต่อไม่ถูก หากแต่หญิงสาวตรงหน้าดูจะอึ้งกว่าเสียอีก เธอหยุดชะงักทันทีที่เขาหันหน้ามา ไม่ใช่ในแบบที่หญิงสาวหลายคนสะดุดตาในรูปร่างหน้าตาของเขาเมื่อแรกพบ แต่อาการคล้ายตกใจอะไรบ้างอย่าง เธอจ้องมองใบหน้าเขาอยู่เงียบๆครู่หนึ่งก็ขยับยิ้มบางๆที่ริมฝีปากอย่างพึงพอใจ "ฉันหิรัญญิการ์ค่ะ คนที่คุณบอกว่าขอพบ" เท่านั้นเองจากที่น่านฟ้ากำลังจะหายอึ้งกลายเป็นอึ้งหนักเข้าไปอีก "คุณคือคุณหิรัญญิการ์???" คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ขณะที่หญิงสาวมองท่าทางงุนงงนั้นอย่างเข้าใจ ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางๆอีกครั้ง "ค่ะ เดาว่าฉันคงต่างจากที่คุณคิดไว้เยอะเลยทีเดียว" "....." "ขับรถเข้าไปจอดในบ้านดีไหมค่ะ จะเที่ยงแล้ว ฉันจะชวนคุณทานมื้อเที่ยงด้วยกัน คงไม่รังเกียจถ้าจะกินไปคุยธุระไป" "ครับ" ชายหนุ่มรับคำสั้นๆ พูดอะไรไม่ออกแล้วในตอนนี้ ได้แต่กลับไปสตาร์ทรถอีกครั้ง เมื่อเห็นหิรัญญิการ์เดินไปเลี่อนประตูบ้านให้ คำพูดหนึ่งของบิดาก็ลอยเข้ามาในหัว "คุณหิรัญญิการ์ เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมคนเดียวของคุณกรรณิการ์ ปรมาภพ พอคุณกรรณิการ์เสีย ทรัพย์สินกับกิจการทั้งหมดก็เลยเป็นกรรมสิทธิ์ของเธอคนเดียว ถ้าน่านอยากจะจัดการเรื่องที่อาพลก่อไว้ ก็ต้องไปคุยกับเธอคนแรก" น่านฟ้าไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ผู้หญิงที่กำลังเลี่อนเปิดรั้วบ้านให้เขา คือคุณหิรัญญิการ์ ปรมาภพ เจ้าของกิจการมูลค่ากว่าพันล้านบาท เป็นเจ้านายที่ว่าจ้างตระกูลของเขาให้ดูแลกิจการแทนจากรุ่นสู่รุ่นด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือตรวจสอบการบริหารงานใดๆเลย จนแทบไม่มีใครเลยในครอบครัวของเขาได้พบปะพูดคุยกับนายจ้างเลย จนกระทั่งอัครพลซึ่งเป็นอาแท้ๆที่เขาสนิทด้วยก่อเรื่องใหญ่ไว้นั่นแหละ น่านฟ้าจึงต้องติดต่อขอพบหิรัญญิการ์เป็นการส่วนตัว แต่ในเมื่อคุณหิรัญญิการ์กับบ้านปรมาภพแตกต่างกับในจินตนาการของเขาอย่างสิ้นเชิง บทสนทนาที่เตรียมไว้ในใจมาก่อนหน้าคงใช้ไม่ได้ผล คงต้องคาดหวังในความกรุณาของนายจ้างเท่านั้นเอง .......................................... |
ซากดาว
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ด้านบนของblog นี้จะเขียนอะไรที่อยากเขียนค่ะ ถ้าอยากดูที่มีสาระเลื่อนลงมาดูข้างล่างได้ จะคั่นไว้ให้นะค่ะ บางส่วนที่เขียนอาจยาวไปหรืออกทะเลบ้างซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องนั้น ส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็นบันทึกความทรงจำของตัวเองค่ะ Link |