โอเปร่าครั้งแรก ของเจ้าเหมียวชอกโกแล็ต

23 มิถุนายน 2552

ช่วงนี้ไม่ทราบเป็นอะไร มีเหตุให้กลับบ้านเย็นเรื่อย
หลังจากวันอาทิตย์ไปทานไอติมแอลกอฮอล์กับพี่เจเจ
วันจันทร์ก็พาโบโบไปทาน Ice Society กันอีก
เกือบจะไป Lism ต่อกันแล้ว แต่โบโบหักโหมทำรายงานมาก่อนหน้านี้
ก็เลยขอเลื่อนไปวันอื่นกัน

เย็นวันอังคาร ก็มีเหตุให้กลับมืดอีก เนื่องจากได้บัตร VIP เชิญให้ไปดู โอเปร่า
เรื่อง Thais ที่เคยไปดูรอบ Sneak Preview มาเมื่อวันศุกร์ก่อนหน้านี้

คราวนี้ลากเจ้าเหมียวชอกโกแล็ตไปดูด้วยกัน
ตอนแรกก็อิดออกอยู่นาน เพราะเจ้าเหมียวไม่ค่อยชอบกลับบ้านมืดๆ
แต่ก็พยายามบอกว่า ถ้ามืดนัก เดี๋ยวเราก็กลับกันก่อนก็ได้ ถึงได้ยอมไป

ครั้งนี้ลืมไปว่า คนที่น่าจะชวนไปดูที่สุดก็คือ เจ้าน้องเกศ สวนพลู
เพราะรายนั้นเป็นนักร้อง ที่ชอบโอเปร่าอยู่แล้ว

แต่คราวนี้ ตั้งใจว่าอยากให้เจ้าเหมียวไปดู
เพราะอยากให้เค้าได้เรียนรู้งานศิลปะแบบใหม่ๆ ที่เค้าไม่เคยสัมผัส
อย่างน้อยๆก็เก็บไว้เป็นประสบการณ์ให้เข้าใจโลกแห่งศิลปะได้มากขึ้น

ครั้งนี้ได้เจอผู้ใหญ่หลายคน ทั้งอดีต รมต กระทรวงวิทย์ และอดีตอธิการบดีมหิดล
ก็ดีใจที่ผู้ใหญ่หลายๆท่าน สนใจในศิลปะเช่นกัน แถมนั่งแถวเดียวกันด้วย...



โอเปร่าเริ่มช้าไปหนึ่งชั่วโมง ผมก็เลยชวนเจ้าเหมียวไปดู Orchestra Pit เล่น
ก็เลยได้ถ่ายรูปมาสองสามแชะ...ได้เห็นนักดนตรีกับเครื่องดนตรีทั้งหลายใกล้ๆ
ก็ให้มีความอิ่มอกอิ่มใจดีนะครับ

โอเปร่าเรื่องนี้ ความยากอยู่ที่ เป็นการร้องภาษาฝรั่งเศส
ซึ่งทำให้ใส่ทำนองได้ยากกว่าภาษาอิตาเลี่ยน ซึ่งเป็นภาษาที่โอเปร่าส่วนมากใช้กัน
แถมด้วยยังต้องใช้พลังเสียงโซปราโน่ที่ทรงพลังมากๆ
ก็ได้ Nancy Yuan นี่แหละครับ ที่มารองรับบทบาทที่ต้องใช้พลังขนาดนี้

ผมกับเจ้าเหมียวดูกันถึง Intermission ก็ขอตัวกลับก่อน เพราะปาเข้าไปสี่ทุ่มครึ่งแล้ว
ขณะที่ผมกลับ ก็เห็นคนหลายคนหนีกลับกันไปเยอะเหมือนกันครับ
ทำให้รู้สึกสงสารคนจัดงานเหมือนกันนะครับ แต่ทำอย่างไรได้ ผมไม่ได้มาคนเดียวนี่ครับ

ถึงจะได้ดูแค่เพียงนิดเดียว แต่ก็เก็บเกี่ยวเอาความประทับใจเอาไว้หลายๆอย่าง

เรื่องแรกก็คือเนื้อหาของเรื่อง ที่ถ่ายทอดประเด็นของความศรัทธาไว้อย่างแยบยล
ในขณะที่ Thais เธอเป็นโสเภณี แต่ในบั้นปลาย เธอได้กลับใจมาศรัทธาในศาสนา
เมื่อถึงเวลาจากไปของเธอ ก็ได้เห็นแสงแห่งสวรรค์
ในขณะที่นักบวชที่เคยเคร่งครัด แต่กลับมาหลงมัวเมาในความงดงามของนางโลม
แม้จะประพฤติปฏิบัติตนมาดี แต่ในบั้นปลายก็กลับต้องสูญเสียในสิ่งที่ปฏิบัติมาตลอดชีวิต



เรื่องที่สองก็คือ ดนตรีดีๆ ที่ให้ความลึกและความอบอุ่นกับผม
การได้ฟังวง orchestra เล่นสดๆ มันให้มิติและความลุ่มลึกมากกว่าที่ผมได้ฟังจากซีดี
ผมจะหาโอกาสไปฟัง Orchestra ดีๆเล่น ในทุกโอกาสที่ผมทำได้
ทุกครั้งก็จะได้รับความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมเข้ามาทุกที

เรื่องสุดท้ายก็คงเป็นความรู้สึกดีๆที่ได้ไปฟังโอเปร่ากับเจ้าเหมียวชอกโกแล็ตในครั้งนี้
ผมอดห่วงไม่ได้ ว่าเค้าจะไม่ชอบโอเปร่า กลัวว่าเค้าจะเบื่อไปอีก
แต่ครั้งนี้ เค้าฟังได้ ถึงแม้จะไม่ได้ซึมซับกับงานประเภทนี้เหมือนกับคนอื่นๆ

แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมรู้สึกดีๆมากๆ ก็คือ...
ผมไม่ได้เบื่อกับการนั่งรอหนึ่งชั่วโมงเหมือนกับคนอื่นๆ
ฝรั่งที่นั่งข้างๆผม เค้ามาคนเดียว แล้วก็แสดงอาการหงุดหงิดตลอดเวลา
แต่เนื่องจากผมมีมิตรภาพดีๆอยู่ข้างกาย ที่คอยพูดคุยเรื่องต่างๆเล่นกัน
เจ้าเหมียวเอง ตั้งแต่คบกันมาก็น้อยครั้งนักที่จะแสดงอาการหงุดหงิดออกมา
การได้อยู่ใกล้เค้า ก็ทำให้ผมไม่ได้รู้สึกลุ่มร้อนหรือหงุดหงิดอะไรออกมา



ก็นับว่าเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ผมโชคดีที่มีมิตรภาพดีๆอยู่ข้างกาย
ขอบคุณทุกๆคน ที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตไม่ให้ผู้ชายคนนี้ต้องเหงา เช่นเคยนะครับ

Create Date : 25 มิถุนายน 2552		6 comments
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 17:24:46 น.
Counter : 1633 Pageviews.
Share Tweet