|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
วิชาธรรมภาค ๒
ฉักกะ ทิศ ๖ ๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดาบิดา. ๒. ทิกขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์. ๓. ปัจฉิมทิศ คือทิศเบื้องหลัง บุตรภรรยา. ๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย มิตร. ๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว. ๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องต้น สมณพราหมณ์. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๓. ๑. ปุรัตถิมทิส คือทิศเบื้องหน้า มารดาบิดา บุตรพึงบำรุงด้วย ( ๑ ) ท่านได้เลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ. ( ๒ ) ทำกิจของท่าน. ( ๓ ) ดำรงวงศ์สกุล. ( ๔ ) ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก. ( ๕ ) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน. ที. ปาฏิ. ๑๐/๒๐๓.
มารดาบิดาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕ ( ๑ ) ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว. ( ๒ ) ให้ตั้งอยู่ในความดี. ( ๓ ) ให้ศึกษาศิลปวิทยา. ( ๔ ) หาภรรยาที่สมควรให้. ( ๕ ) มอบทรัพย์ให้ในสมัย. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๓.
๒. ทักขิณทิส คือทิศเบื้องขวา อาจารย์ ศิษย์พึงบำรุงด้วยสถาน ๕ ( ๑ ) ด้วยลุกขึ้นยืนรับ. ( ๒ ) ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้. ( ๓ ) ด้วยเชื่อฟัง. ( ๔ ) ด้วยอุปัฏฐาก. ( ๕ ) ด้วยเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๓.
อาจารย์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์ด้วยสถาน ๕ ( ๑ ) แนะนำดี. ( ๒ ) ให้เรียนดี. ( ๓ ) บอกศิลปให้สิ้นเชิง ไม่ปิดบังอำพราง. ( ๔ ) ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง. ( ๕ ) ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย ( คือจะไปทางทิศไหนก็ไม่ อดอยาก ). ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๔. ๓. ปัจฉิมทิส คือทิศเบื้องหลัง ภรรยา สามีพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ ( ๑ ) ด้วยยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา. ( ๒ ) ด้วยไม่ดูหมิ่น. ( ๓ ) ด้วยไม่ประพฤติล่วงใจ. ( ๔ ) ด้วยมอบความเป็นใหญ่ให้. ( ๕ ) ด้วยให้เครื่องแต่งตัว. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๔.
ภรรยาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕/B> ( ๑ ) จัดการงานดี. ( ๒ ) สงเคราะห์คนข้างเคียงของผัวดี. ( ๓ ) ไม่ประพฤติล่วงใจผัว. ( ๔ ) รักษาทรัพย์ที่ผัวหามาได้ไว้. ( ๕ ) ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๔.
๔. อุตตรทิส คือทิศเบื้องซ้าย มิตร กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ ( ๑ ) ด้วยให้ปัน. ( ๒ ) ด้วยเจรจาถ้อยคำไพเราะ. ( ๓ ) ด้วยประพฤติประโยชน์. ( ๔ ) ด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอ. ( ๕ ) ด้วยไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความเป็นจริง. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๔. มิตรได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕ ( ๑ ) รักษามิตรผู้ประมาทแล้ว. ( ๒ ) รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาทแล้ว. ( ๓ ) เมื่อมีภัย เอาเป็นที่พึ่งพำนักได้. ( ๔ ) ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ. ( ๕ ) นับถือตลอดถึงวงศ์ของมิตร. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๕. ๕. เหฏฐิมทิส คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว นายพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ ( ๑ ) ด้วยจัดการงานให้ทำตามสมควรแกกำลัง. ( ๒ ) ด้วยให้อาการและรางวัล. ( ๓ ) ด้วยรักษาพยาบาลในเวลาเจ็บไข้. ( ๔ ) ด้วยแจกของมีรสแปลกประหลาดให้กิน. ( ๕ ) ด้วยปล่อยในสมัย. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๕.
บ่าวได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยสถาน ๕ ( ๑ ) ลุกขึ้นทำการงานก่อนนาย. ( ๒ ) เลิกการงานทีหลังนาย. ( ๓ ) ถือเอาแต่ของที่นายให้. ( ๔ ) ทำการงานให้ดีขึ้น. ( ๕ ) นำคุณของนายไปสรรเสริญในที่นั้น ๆ. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๕. ๖. อุปริมทิส คือทิศเบื้องบน สมณะพราหมณ์ กุลบุตรพึงบำรุง ด้วยสถาน ๕ ( ๑ ) ด้วยกายกรรม คือทำอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา. ( ๒ ) ด้วยจีกรรม คือพูดอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา. ( ๓ ) ด้วยมโนกรรม คือคิดอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา. ( ๔ ) ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรือน. ( ๕ ) ด้วยให้อามิสทาน. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๕.
สมณะพราหมณ์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วย สถาน ๖ ( ๑ ) ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว. ( ๒ ) ให้ตั้งอยู่ในความดี. ( ๓ ) อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม. ( ๔ ) ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง. ( ๕ ) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่ม. ( ๖ ) บอกทางสวรรค์ให้. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๐๖.
อบายมุข คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ ( ๑ ) ดื่มน้ำเมา. ( ๒ ) เที่ยวกลางคืน. ( ๓ ) เที่ยวดูการเล่น. ( ๔ ) เล่นการพนัน. ( ๕ ) คบคนชั่วเป็นมิตร. ( ๖ ) เกียจคร้านทำการงาน. ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๖.
๑. ดื่มน้ำเมา มีโทษ ๖ ( ๑ ) เสียทรัพย์. ( ๒ ) ก่อการทะเลาะวิวาท. ( ๓ ) เกิดโรค. ( ๔ ) ต้องติเตียน. ( ๕ ) ไม่รู้จักอาย. ( ๖ ) ทอนกำลังปัญญา. ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๖. ๒. เที่ยวกลางคืน มีโทษ ๖ ( ๑ ) ชื่อว่าไม่รักษาตัว. ( ๒ ) ชื่อว่าไม่รักษาลูกเมีย. ( ๓ ) ชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ. ( ๔ ) เป็นที่ระแวงของคนทั้งหลาย. ( ๕ ) มักถูกใส่ความ. ( ๖ ) ได้ความลำบากมาก. ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗. ๓. เที่ยวดูการเล่น มีโทษตามวัตถุที่ไปดู ๖ ( ๑ ) รำที่ไหนไปที่นั่น. ( ๒ ) ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น. ( ๓ ) ดีดสีตีเป่าที่ไหนไปที่นั่น. ( ๔ ) เสภาที่ไหนไปที่นั่น. ( ๕ ) เพลงที่ไหนไปที่นั่น. ( ๖ ) เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น. ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗.
๔. เล่นการพนัน มีโทษ ๖ ( ๑ ) เมื่อชนะย่อมก่อเวร. ( ๒ ) เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป. ( ๓ ) ทรัพย์ย่อมฉิบหาย. ( ๔ ) ไม่มีใครเชื่อถือถ้อยคำ. ( ๕ ) เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อน. ( ๖ ) ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย. ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗. ๕. คบคนชั่วเป็นมิตร มีโทษตามบุคคลที่คบ ๖ ( ๑ ) นำให้เป็นนักเลงการพนัน. ( ๒ ) นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้. ( ๓ ) นำให้เป็นนักเลงเหล้า. ( ๔ ) นำให้เป็นคนลวงเขาด้วยของปลอม. ( ๕ ) นำให้เป็นคนลวงเขาซึ่งหน้า ( ๖ ) นำให้เป็นคนหัวไม้. ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗. ๖. เกียจคร้านทำการงาน มีโทษ ๖ ( ๑ ) มักให้อ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน. ( ๒ ) มักให้อ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน. ( ๓ ) มักให้อ้างว่า เวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน. ( ๔ ) มักให้อ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน. ( ๕ ) มักให้อ้างว่า หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน. ( ๖ ) มักให้อ้างว่า ระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน. ผู้หวังความเจริญด้วยโภคทรัพย์ พึงเว้นเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ ประการนี้เสีย. ที. ปาฏิ. ๑๑/๑๙๗
Create Date : 24 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 24 สิงหาคม 2551 12:36:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1090 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|