สิงหาคม 2552

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
เมื่อกะเหรี่ยงไทย.......ไปเดรสเดน

มีโอกาสได้ไปเที่ยวไกลๆอีกครั้ง เมื่อปี 2006 เคยเห็นในสื่อต่างๆเกี่ยวกับเมืองเดรสเดนว่าสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ ดูแผนที่แล้วไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ จึงลองเอ่ยโครงการกับพลขัุบดู   ปกติรายนี้ก็ไม่ค่อยจะไปไหนหรอก ได้ไปเที่ยวก็เพราะเราแท้ๆ  ได้ฤกษ์ออกเดินทางเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2006 ซึ่งแน่นอน ตอนนั้นยังโสด เจ้าเพลี้ยน้อยอยู่ไหนไม่รู้ ฮี่ๆ

 เอ้า ออกเที่ยวได้แล้ว

ขับรถกินลมชมวิวSmiley    ประมาณสามชั่วโมง ก็มาถึง เดรสเดน เมืองเก่าอันเลื่องชื่อริมฝั่งแม่น้ำเอลเบ


เป็นไง สวยสมคำล่ำลือป่าว








เดรสเดนเป็นเมืองเก่าของกษัตริย์ จึงมีพระราชวังสวยๆตกมาถึงรุ่นลูกหลานได้ชม แบบสุโขทัย อยุธยาบ้านเราอ่ะ
ส่วนประวัติ แบบละเอียดว่า  กษัตริย์อะไร สร้างทำไม สร้างเมื่อไหร่ ทำไมอย่างไร



ขี้เกียจบรรยาย ดูรูปเอาละกันเนอะ บล็อกนี้ขี้เกียจอ่ะ

ภาพนี้เป็นโรงละครค่ะ ด้านหน้าคืออนุสาวรีย์ กษัิตริย์ออกุสตุสผู้เข้มแข็ง เจ้าของบ้าน ที่เรากำลังจะเข้าไปชมนี่แหละ




เดินเข้าไปดูโรงละครใกล้ๆ สวยงามค่ะ เมืองนี้สร้างในยุคบารัค --เอ๊ย บาโร๊ค ก็จะเป็นสไตล์นี้แหละจ้ะ หัวเสาสิ่งก่อสร้างจะหยักๆ อ่อนช้อยสวยงาม ประดับด้วยรูปใบไม้ สีทองหรูหราอลังการ




อันนี้ภายในพระราชวัง งามจริงๆ นักท่องเที่ยวเยอะมาก คงรายได้ดีนะนี่
กษัตริย์อยู่วังหรูหราฟุ่มเฟือยแบบนี้ แต่ชาวไร่ชาวนาอยู่นอกวังลำบากแทบตาย ยุโรปถึงได้มีการปฏิวัติบ่อยๆในยุคนั้น





ว่ากันว่า นโปเลียนเคยมาตรวจงานแถวๆนี้ด้วย แต่นั่นน่ะ ไม่ใช่นโปเลียนหรอก คนซุโข่ทัยเอง



บ้านใหญ่ขนาดนี้เอาไปทำอะไรหมดหนอ ต้องใช้คนถูซักกี่คน เอ....เค้าให้ชื่นชมกับความงามไม่ใช่เหยอ





นึกถึง ถ้าตอนนั้นมีเจ้าเพลี้ยแล้ว คงไม่ได้ไปยืนสะเออะแบบนี้แน่ มันคงวิ่งลงไปเล่นในน้ำพุนี่ไปแล้วอ่ะ






เดี๋ยววันหลังมาต่อนะคะ ยังมีอีกหลายรูปเลย วันนี้ตาไม่ไหวแล้ว ขอพักก่อน .....

........................................................



มาต่อแล้วค่ะ ใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะอัพได้แต่ละบล็อก ไม่อยากเขียนมั่วด้วยอ่ะค่ะ สายตาก็แย่ ต้องทำวันละนิดค่ะ
หลังจากที่เดินชมภายในพระราชวังจนพอใจ ใกล้เที่ยงแล้วก็เดินออกมาหาอะไรกิน เป็นขนมปังยัดไส้กรอกค่ะ ก็อร่อยดี จำได้ว่าถ่ายรูปไว้ด้วยนะเดินเข้าคิวซื้ออ่ะ เราถ่ายรูปไว้เยอะนะ แต่ตอนนั้นกล้องเราเป็นฟิล์ม ภาพที่นำมาลงนี้เป็นกล้องของแฟนอ่ะ

อิ่มแล้วเดินดูต่อ อันนี้เป็นโบสถ์พระแม่ที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้เลย





มีชื่อเสียงแค่ไหน สังเกตุซ้ายมือ คนเข้าแถวรอชมยาวเหยียด ตามประวัติเห็นว่าเคยโดนระเิบิดเมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ย่อยยับลงมากองกับพื้น แต่เยอรมันซะอย่าง บูรณะให้กลับมาสวยงามได้ขนาดนี้ เก็บตังค์คนดูได้ไปอีกนาน






ด้านหน้าของโบสถ์คือ อนุสาวรีย์ มาร์ติน ลูเธอร์ นักปฏิรูปศาสนาที่มีความสำคัญอีกท่านหนึ่ง ผู้ซึ่งเป็นแกนนำในการกำเนิดนิกายโปรแตสแตนท์ ซึ่งแยกมาจากนิกายหลักโรมันคาทอลิก เพราะไม่เห็นด้วยในคำสอนหลายๆข้อ ว่าแล้วก็นึกถึงหนังเรื่อง The Davinci Code เนอะ คนชอบดูหนังก็คิดไปเรื่อยเปื่อยอ่ะ





ได้เข้าไปในโบสถ์ซะที แหงนหน้าหน่อย งดงามมากๆค่ะ เสียดายแฟนถ่ายมาน้อยมาก กล้องเรารูปตรึมแต่เป็นฟิล์ม




ถ้าบรรยายผิดไปก็ขออภัยด้วยนะคะ เรียงลำดับไม่ค่อยถูก หลายปีแล้ว อันนี้เป็นห้องใต้ถุนโบสถ์ค่ะ เคยใช้เป็นที่หลบภัยตอนสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว





เดินวนมาทางด้านหน้าของบริเวณวัง คือมันเดินทะลุถึงกันหมดอ่ะค่ะ จำได้ว่าบ่ายแล้ว เริ่มร้อน แวะซื้อไอติมเดินกินกันคนละแท่ง แล้วก็เดินวนกลับมาทางด้านหน้าตรงจุดเริ่มต้นที่เข้าไป แต่ก็ยังมองเห็นยอดโบสถ์ตะกี๊อยู่เลย ตรงนทางเข้านี้คึกคักค่ะ สังเกตุมุมล่างขวา ที่เราวงแดงๆไว้ คือคนจริงๆแล้วแต่งตัวเป็นหุ่นยืนนิ่งๆ ให้คนถ่ายรูป แล้วก็มีสินน้ำใจใส่กระป๋องให้แกหน่อยนะ




เมื่อดูพระราชวังจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็เดินข้ามสะพานออกุสตุส ข้ามแม่น้ำเอลเบ กลับมาที่จอดรถ บ่ายสองเห็นจะได้ นึกว่าพลขับจะพากลับบ้านเลย แต่กลับพาไปเที่ยวต่ออีกที่นึงค่ะ ขับไปไม่ไกลเท่าไหร่
ปราสาทพิลนิทซ์ค่ะ
เป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์หลายๆพระองค์ สร้างและบูรณะตกแต่งกันมาหลายรุ่นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 15 ใหญ่โต สวยงามจริงๆ







ปัจจุบันนี้เยอรมันไม่มีกษัตริย์แล้ว ก็เลยแปรสภาพเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปตามระเบียบ กว้างใหญ่มากค่ะ เดินดูทั้งวันก็ไม่หมด





บริเวณวังว่าใหญ่แล้ว สวนใหญ่กว่าอีกค่ะ สงสัยต้องปั่นจักรยานชมถึงจะดูได้หมดนะเนี่ย




อันว่า คำว่า บาโร๊คนั้น แปลว่าหรูหราฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น คงจะจริง ดูทุกอย่างมันหรูหราฟุ่มเฟือย ทั้งบริเวณวังที่ร่ำรวยด้วยศิลปะ ทั้งสวน เค้าว่าสวนของวังนี้เป็นสไตล์อังกฤษ เอ้า อังกฤษก็อังกฤษ ส่วนไอ้ที่นั่งอยู่นั่นน่ะ กะเหรี่ยงไทยเป็นผู้ชม




แน่นอนว่าปราสาทพิลนิทซ์แห่งนี้ ตั้งอยู่เลียบแม่น้ำเอลเบ้ ความงามแบบดาบสองคมค่ะ คือตอนน้ำท่าปกติก็งามดีอยู่หรอก แต่ตอนน้ำท่วมก็อ่วมอรทัยไปหลายรอบแล้ว



หนักสุดคือเมื่อปี 2002 นี่เอง น้ำจากแม่น้ำเอลเบ ขึ้นไปสูงท่วมหัวเลย พระราชวังเสียหายหนักค่ะ แต่ก็บูรณะกันจนสวยงามตระการตาเช่นเดิม




บรรยากาศริมแม่น้ำ งดงามดั่งภาพวาด แต่คนไทยนั่งหนาวค่ะ เหอๆ






เิดินชมวังชมสวนกันจนบ่ายคล้อย ได้เวลากลัับบ้านแล้วค่ะ ลากันด้วยภาพ บริเวณรอบนอกของวัง ก็เป็นหุบเขาแล้วก็หมู่บ้าน ทั่วๆไปค่ะ เสียดายไปเดรสเดนทั้งที ไม่ได้ของที่ระลึกอะไรติดมือมาเลย ได้มาแต่รูปถ่าย ถ้ามีโอกาสอยากกลับไปอีกค่ะ






แล้วคงได้เจอกันอีกนะ เดรสเดน...... เมืองสวยงามคู่แม่น้ำเอลเบ..............






Create Date : 21 สิงหาคม 2552
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 19:30:06 น.
Counter : 2145 Pageviews.

7 comments
  
ตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ
โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:20:23:47 น.
  
Lovely pictures ka.
โดย: CrackyDong วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:22:12:16 น.
  
มาแอบชมภาพสวยมากค่ะ
โดย: Thairabian วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:0:04:57 น.
  

Si Satchanalai historical park

ภาพสวยจังเลยครับ
โดย: scimovie วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:2:43:03 น.
  
สวยมากค่ะ
โดย: kiriya วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:3:59:50 น.
  
ตามไปเที่ยวด้วยนะคะ
โดย: kitasornciao (kitasornciao ) วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:6:00:49 น.
  
กว่าจะมาตอบได้ คงกลับกันหมดแล้วมั้งเนี่ย ต้องขออภัยด้วยค่ะเนื่องจากสายตาไม่ค่อยดี ขอบคุณทุกท่านที่ตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ จะพยายามไปเยี่ยมบล็อกของทุกท่านเลยค่ะ แล้วเจอกันนะค้า
โดย: ผักบุ้งริมคลอง วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:13:00:13 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผักบุ้งริมคลอง
Location :
Brandenburg  Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



เป็นแม่ของลูก เป็นลูกของแม่
เป็นคนชอบทำงานแฮนด์เมด ชอบธรรมชาติ ชอบกิน ชอบถ่ายรูป






New Comments