ฟุตบอลยูโร 2012 รอบแรก กลุ่มเอ (8 มิ.ย.55)
โปแลนด์ 1-1 กรีซ
สนาม : สนามกีฬาแห่งชาติ
ประตู :
1-0 เลวานดอฟสกี้ 17
1-1 ซัลพินกิดิส 51
เกมเปิดสนามฟุตบอลยูโร 2012 ซึ่งปีนี้มีเจ้าภาพร่วมอีกครั้งคือโปแลนด์ และยูเครน โดยออกตัวกันที่สนามกีฬาแห่งชาติกรุงวอร์ซอว์ โดยเป็นเกมของเจ้าภาพร่วม โปแลนด์ ที่จะพบกับ กรีซ ทีมจอมเขี้ยว
โปแลนด์ มีซูเปอร์สตาร์อย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงทีมดอร์ทมุนด์ นำทัพมาขณะที่ กรีซ นำมาโดยกัปตันจอมเก๋า จอร์จอส คารากูนิส และดาวยิงลายคราม จอร์จอส ซามาราส
สำหรับเกมในช่วงแรกเปิดฉากมาปรากฏว่า โปแลนด์ เป้นฝ่ายที่เดินเครื่องเข้าใส่อย่างเมามันตามเสียงเชียร์แฟนๆเข้ามาชมกันเต็มความจุสนาม และใช้การเจาะริมเส้นที่รวดเร็วเข้าเล่นงานกรีซ ได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวหลายครั้ง โดยเฉพาะโอกาสการเปิดบอลเข้ามาและบอลถูกสกัดไม่ขาดสุดท้ายบอลมาตกที่ ราฟาล มูรอฟสกี้ วิ่งมาซัดไปติดเซฟของ คอสตัส คาลติอัส ที่บินปัดบอลได้อย่างยอดเยี่ยม
หลังจากนั้นเจ้าบ้านเหมือนมาถูกทางพยายามเจาะเร็วริมเส้น เรียกว่าสร้างความหวาดเสียวได้เยอะ และในที่สุดก็ได้ผลในนาทีที่ 17 จากจังหวะการหลุดไปทางขวาของ ปิสเซ็ค ก่อนจะเปิดเข้ามาในเขตโทษบอลมาถึง เลวานดอฟสกี้ ที่สอดเข้ามาโขกที่เสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูนำ 1-0 และเป็นประตูแรกของทัวร์นาเมนต์ยูโร 2012
โปแลนด์ เพลาเกมลงไปบ้างแต่โดยภาพรวมแล้วยังเล่นได้ดีกว่ากรีซ ที่ใช้เวลานานกว่าจะตั้งหลักได้ และเกือบจะโดนยิงหนีไปด้วยถ้าจังหวะของ ดาเมียน เพอร์คิส ที่ได้บอลตกในกรอบเขตโทษจะไม่ซัดหลุดกรอบไปเองอย่างน่าเสียดาย
แต่กรีซ ซึ่งโชคร้ายต้องเสีย ปาปาดูปูลอส ไปก่อนแล้วเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่เข่า ยังต้องเหลือ 10 คนอีกด้วยเมื่อ ปาปาสตาโธปูลอส ไปโดนใบเหลืองแดงไล่ออกจากสนามในจังหวะโปรเฟสชันนอลฟาวล์ใส่ มูรอฟสกี้ ในช่วงท้ายครึ่งแรก
เกมจบครึ่งแรกด้วยประตูโทนของ เลวานดอฟสกี้ 1-0 แต่ครึ่งหลังแทนที่ กรีซ จะแพ็กเกมกลับส่งกองหน้าอย่าง ดิมิทริส ซัลพิกิดิส ลงสนามมาแทน และกลายเป็นฮีโร่ทำประตูตีเสมอให้ทีมได้ในนาทีที่ 51 จากจังหวะที่เพื่อนหลุดไปเปิดบอลทางขวาเข้ามา วอยเซียค เชสนี่ นายทวารอาร์เซนอล ออกมาตัดบอลพลาดลูกเลยมาตกสุดท้ายเข้าทาง ซัลพิกิดิส ซัดตีเสมอให้กรีซ เป็น 1-1 ได้สำเร็จ
ประตูนี้ปลุกชีวิตของกรีซ กลับมาได้แบบเต็มๆ ขณะที่เจ้าบ้านยังพยายามจะใช้ความได้เปรียบเพื่อยิงนำให้ได้อีกครั้ง ซึ่งก็พอมีลุ้นจากจังหวะยิงฟรีคิกระยะไกลของ โอบราเนียค ที่ซัดเป็นจรวดหลุดกรอบไปไม่ไกลมากนัก
แต่นาทีที่ 69 สถานการณ์ก็กลายเป็นเหลือ 10 ตัวเท่ากันเมื่อ ซัลพินกิดิส ได้บอลหลุดเดี่ยวในเขตโทษทำให้ เชสนี่ รีบออกมาดักบอลแต่ดันไปโดนขาทำให้เป็นการฟาว์ เสียทั้งจุดโทษและโดนใบแดงในเวลาเดียวกัน
ทว่าความดราม่ายังไม่หมดง่ายๆสำหรับเกมนี้เมื่อ พรีมีสลาฟ ตีตอน ประตูตัวสำรองพุ่งเซฟจุดโทษของคารากูนิส เอาไว้ได้ ทำให้สกอร์ยังเสมอกันอยู่เท่าเดิม แต่ตีตอน ก็เสียท่าเหมือนกันหลังจากนั้นไม่นานเมื่อปล่อยให้ ซัลพินกิดิส โฉบมาเข้าฮอสที่เสาแรกเข้าไป แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นการฟาวล์ไปก่อน
ช่วงที่เหลือของเกมทั้งสองทีมพยายามสู้กันอย่างดุเดือด แต่สุดท้ายเกมจบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1 แบ่งกันไปฝ่ายละ 1 แต้มเป็นการประเดิมฟุตบอลยูโร 2012 ที่ทุกคนรอคอย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก //th.msn.com/