Bloggang.com : paphartnet : Batman Begins : เมื่อการเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องนับ 1 ..

Batman Begins : เมื่อการเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องนับ 1 ..

.. จากการทิ้งช่วงภาคต่อภาคนี้จากภาค 4 ( Batman & Robin ) เป็นระยะเวลากว่า .. 8 ปี หลายต่อหลายคนคาดหวังเหลือเกินว่า ภาคนี้ .. จะเล่าเรื่องราวของแบทแมนอย่างไรต่อไปหนอ .. เมื่อ โรบิน มาแล้ว .. และ แบทเกิร์ล ก็เปิดตัวเรียบร้อย และแล้ว .. คำตอบก็ปรากฏ

สิ่งหนึ่งที่ แฟน ๆ แบทแมน คาดหวังจากหนังชุดนี้ ก็คือ ความ " ลึกลับ " ของตัวแบทแมนเอง ซึ่งแตกต่างจากความต้องการของแฟน ๆ หนังที่สร้างจากการ์ตูนเรื่องอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง เนื่องด้วย แบทแมน เป็นตัวละครที่จัดเข้าข่าย " Dark Hero " ได้อย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ การตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการวีรบุรุษนั้นมาจากความเคียดแค้นชิงชัง ล้วน ๆ แม้น ในท้ายที่สุด ตัว แบทแมน จะตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายปกป้องและล้างบาง ก๊อทแธมด้วยตัวเอง และนี่คือสิ่งที่หนัง ภาคนี้ "จงใจ" ขยายความเป็น " แบทแมน " ขึ้นมาเสียใหม่และเข้าถึงส่วน " ดำมืด " ของตัวแบทแมน เอง เสมือนกลับไปสู่จุดเริ่มของ " แบทแมน " ในฉบับ ทิม เบอตัน ที่ " มืดมน " แต่ไม่ขาดจินตนาการ ... ในภาคนี้ เล่าเรื่องราวของ " บรู๊ซ เวย์น " ตั้งแต่ การได้เห็นพ่อและแม่ ถูกมิจฉาชีพฆ่าตายต่อหน้าต่อตา ซึ่งจัดเป็น " การสูญเสียวัยเยาว์ " แบบเฉียบพลันของเจ้าตัว ก่อให้เกิดด้านมืดมนในจิตจัง ความเคียดแค้น ชิงชัง จนกระทั่งเจ้าตัวตัดสินใจที่จะกระทำการที่เรียกว่า "แก้แค้น" แม้จะได้แค่คิดก็ตาม พร้อมกับได้พบเห็นความตกต่ำของเมืองกอทแธม ที่บรรดามาเฟียและมิจาฉาชีพมีอำนาจควบคุมกว่าค่อนเมือง ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจเข้าสู่ " สายมืด " เสมือนการใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน เรียนรู้วีถีแห่งโจร เพื่อต่อสู้กับโจร จนทำให้เจ้าตัวได้พบกับ ราส์ อัล กุล ผู้นำขององกรค์ที่ทำหน้าที่ "กวาดล้าง" ความโสมม แบบเบ็ดเสร็จ ในแง่นึง ตัว ราส์ อัล กุล มีอุดมการณ์ "ร่วม" กับ แบทแมน หากแต่ เขาเลือกที่จะใช้วีธี "ชะล้าง" ทำลายให้สิ้นซากแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ แทนจะใช้วีธี "ตัดเนื้อร้าย" แบบ
แบทแมน และแน่นอนความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร 2 ตัวนี้ต่างมีสิ่งให้ "เล่น" ได้มากมาย แต่หนังกลับเลือกจะนำเสนอตัว ราส์ อัล กุล เพียงด้านร้ายด้านเดียว ต่างจากในฉบับการ์ตูนที่ให้ภาพ ราส์ อัล กุล เป็นเสมือน " ด้านมืดของแบทแมน " หลังผ่านการฝึกฝนแบทแมน ตัดสินใจไม่เข้าร่วมกับ ราส์ อัล กุล และ ทำลายองค์กร เสียสิ้น แล้วจึงกลับมายัง กอทแธม เพื่อสร้าง "สัญลักษณ์" ของตนขึ้นในการปราบปรามเหล่าร้าย .. -- สิ่งที่หนังเรื่องนี้พยายามนำเสนอให้เรื่องราวแบบ "การ์ตูน" เกิดความ "สมจริง" เป็นที่สุดขึ้น แทนการสร้างแบบเก่า ๆ ที่เน้นการให้ความบันเทิงล้วน ๆ ดังจะเห็นได้จากการพยายามสร้าง "แบทแมน" ที่มีที่มาที่ไปและเหตุผล องค์ประกอบ สนับสนุน ซึ่งล้วนตั้งอยุ่ในหลักความเป็นจริงที่ "เป็นไปได้" ทั้งการเหอะเหินของตัวแบทแมน,การหายตัวของแบทแมน และสารพัดสารพันอุปกรณ์ของแบทแมน ช่วยให้เจ้าตัวดูไม่เหมือน "เหนือมนุษย์" เฉกเช่น 2 ภาคก่อน แต่ดูเป็นมนุษย์ที่"เท่าทันเทคโนโลยี" หรือ การที่มีตัวละครหลายตัวเหลือเกินที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักและเกิด"สังคม"ของตัวแบทแมนขึ้น ทั้ง ผู้การ กอดอน ที่บทบาทถูกเพิ่มและน่าจะนำไปขยายเพิ่มได้อย่างสนุกในภาคต่อ ๆไป , บทอัลเฟรดที่ไม่ใช่แค่ชายแก่ประจำตระกูลหากแต่ เป็นเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่ บรู๊ซ เวย์น จะขาดเสียไม่ได้ (บ้านถูกทำลายแต่อัลเฟรดยังอยุ่) , และสิ่งสำคัญก็คือ การใส่"ความสมจริง"ให้ตัวร้ายและตัดความเป็น "แฟนตาซี" ทิ้งไปเสียสิ้น นี่คือ การเพิ่มความหนักแน่นต่อการเล่าเรื่องที่จริงจังแต่ลดทอนความ"เหนือจริง" ที่ผู้ชมคาดหวังไว้อย่างรุนแรง , งานด้านภาพที่ใส่ความมืดมนและอารมณ์ขมุกขมัวของเมืองกอทแธมได้อย่าง"ถึงใจ" และสลัดจากงานด้านภาพแบบยุคเก่า ของ 2 ภาคแรก ( Batman,Batman Returns ) , งานด้านภาพแบบแฟนตาซี ไฮเทค ( Batman Forever, Batman & Robin ) อย่างสิ้นเชิง ..

ท้ายสุดแล้ว เมื่อหนังฉายให้เห็นฉากสุดท้ายที่หนัง
"จงใจ" ใช้ "สัญลักษณ์" ให้มีจุดเชื่อมต่อกับ หนังภาคแรกสุด เป็นการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนของภาคนี้ที่ไม่ใช่เพียงการนับหนึ่งใหม่หากแต่เป็นการนับเริ่มจาก 0 เพื่อให้เกิดการนับ 1 อีกครั้งต่างหาก...

Create Date : 11 กรกฎาคม 2548

Last Update : 22 เมษายน 2550 23:10:12 น.

4 comments

Counter : 496 Pageviews.