โรงหนังดี ๆ ... ใกล้เพียงคลิก
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2550
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
31 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 

~ ~ ^ ^ " ๑๐ อันดับหนังที่ใช่ แต่ชาวบ้านไม่ปลื้ม " ^ ^ ~ ~ ( ภาค ๓ แล้วเด้อ)


อะแฮ่ม ..... ช่วงนี้ต้องรีบอัพหน่อยครับ ประเดี๋ยวกลับ ม. แล้วจะหาเวลาว่างยาก (มั้ง) ...

มาเริ่มกันต่อเลยดีกว่าาาา .

--------------------------------------------------------------------





๖. คนไฟบิน ..


เรื่องนี้ปลื้มมากครับ เป็นหนังแอคชั่น ที่ผมดูไปน้ำตาไหลไป ไม่ได้รู้สึกเสียดายเงินนะครับ แต่เป็นความรู้สึก "ตื้นตัน" ... ปลื้มปิติ ที่ได้เห็นสิ่งที่เราเคยแต่ได้ยิน จากปู่ย่าตาทวด เล่าขานกันต่อ ๆ มา บนจอภาพยนตร์ ... ซึ่ง ตอบสนองความต้องการและจินตนาการของเราได้ค่อนข้างเยี่ยมมากครับ ..

หนังเกี่ยวพันกับความเชื่อของคนอีสานเต็ม ๆ ครับ และหนังก็แสดงส่วนดังกล่าวได้เยี่ยม .. อย่างเรื่องของพวก "ของ" ทั้งหลายแหล่ ที่ว่ากันว่ามีอิทธิฤทธิ์เดช ต่าง ๆ นา ๆ .. รวมไปถึงการอธิบายความเชื่อเกี่ยวกับ "ปอป" ซึ่ง ความเป็นจริงของคนที่เราเรียกกันว่า ปอป นี่ไม่ได้เกิดจากผีสิงหรืออะไรนะครับ แต่เป็นเพราะ "ของเข้าตัว" ต่างหาก ... และของที่ว่าก็คือ พวกอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติทั้งหลายที่คนเราแสวงหาได้นั่นแหล่ะครับ มันก็เหมือนดาบสองคมที่ถ้าเราใช้ไปในทางที่ดี ก็จะอำนวยแต่ความสุขความเจริญให้กับเรา .. แต่ถ้าไม่ .. มันก็จะย้อนกลับมาทำลายเรานั่นแหล่ะครับ
ถามว่า หนังสมัยก่อนมีไหม ที่กล่าวถึงเรื่องพวกนี้ มันก็พอมีบ้างแหล่ะครับ แต่เติมไม่เต็ม เพราะในยุคก่อน ทุนน้อย + เทคโนโลยียังไม่ทันสมัย เลยไม่สามารถจะเนรมิตรจินตนาการของเราได้เต็มที่ .. อย่าง การสร้างบั้งไำฟบินให้เนียนแบบนี้ , การสร้างฉากต่อสู้ที่เต็มไปด้วยคาถาอาคม ... คือ มันอาจจะดูง่ายนะครับว่า แค่ทำท่าเตะคนแล้วใช้สลิงลาก แต่จริง ๆ มันมีมากกว่านั้นครับ เอาแค่ว่า ทำให้ตัวลูกน้องของ สามารถ พยัคฆ์อรุณ สองคนกลายเป็น ร่างสิง ของ หนุมาน กับ เสือโคร่ง ได้นี่ ก็สุด ๆ ของจินตนาการแล้วครับ ...

ยิ่งกับหนังที่ผูกเรื่องเกี่ยวกับ นายฮ้อย ... การค้าวัวควายในสมัยก่อน ...... โอย มันถูกใจคนอีสานอย่างผมจริง ๆ ครับ เพราะอย่างกับ วิถีชีวิตแบบชาวบ้าน ๆ ที่ปรากฏในหนัง พวกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าง การหุงหาอาหาร , การสร้างบั้งไฟ , การตักน้ำจากบ่อบาดาล , รูปขบวนนายฮ้อย หรือ การค้าขายควายที่ต้องพาไปส่งที่ โคราช ซึ่งเป็นประตูสู่ภาคกลาง ... ผมว่าหนังเก็บได้ดีมาก ๆ แต่ละุจุดอาจจะดูไม่มีความสำคัญกับเรื่อง แต่มันก็ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับเรื่องอีกเยอะะะะ ....
ที่น่าประทับใจอีกอย่าง คือ การผสมผสานเรื่องเล่าตำนานพื้นบ้าน อย่าง ... ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ .. มาเป็นส่วนหนึ่งของหนัง หรือ อย่าง "โจรบั้งไฟ" นี่ก็เป็นเรื่องเล่าที่มีอยู่จริงแถบภาคอีสานนะครับ เกี่ยวกับโจรที่ปล้นวัว-ควาย ของนายฮ้อย มาให้ชาวบ้าน .. เพราะตอนนั้นนี่ อาชีพนายฮ้อย สร้างความร่ำรวยให้ชาวบ้าน ๆ มากครับ (ไม่นับพวกเจ้าขุนมูลนาย ที่ร่ำรวยอยู่แล้ว) คือ ถ้าเทียบกันแล้ว ชาวบ้านแถบภาคอีสาน โดยเฉพาะ เด็ก ๆ รุ่น ๆ ก็คงอยากจะโตเป็นนายฮ้อยกันทั้งนั้น เพราะทั้งเท่ ทั้งต้องเก่งกล้า แถมยังเป็นเจ้าของธุรกิจเองด้วย


เสียดายก็แต่การโปรโมทของหนังครับ ที่เลือกจะขายตัวหนังในแนวทางหนังแอคชั่นมากจนเกินไป ทั้งๆที่ส่วนที่ดีที่สุดของหนังกลับไม่ใช่แอคชั่นในเรื่อง ... แต่เป็นเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตคนอีสาน ที่มาประกอบกันจนเป็นเรื่องราวของ "คนไฟบิน" นี่ล่ะครับ ..

เป็นหนังที่คนอีสาน "ต้องดู" และอย่างยิ่งยวดสำหรับคนที่ลืมไปแล้วว่า "คนอีสาน เกิดมา็เป็นอีสาน ตายก็ยังเป็นคนอีสาน " เพราะที่สุดแล้ว ... การหลงลืมรากเหง้าต้นตอของตัวเองนั้น ...


ก็คงไม่ต่างอะไร กับ การเลือกจะหลอกลวงตัวเองไปวัน ๆ ...







๕. Licence to Kill


นี่เป็นหนังบอนด์ที่มืดหม่นที่สุด ตั้งแต่เคยมีมา !!!

คือ ก่อนจะมาถึง Casino Royale หลายคนอาจจะสนุกไปกับบอนด์จอมกะล่อนอย่าง โรเจอร์ มัว , บอนด์เจ้าเสน่ห์อย่าง เพียซ บรอสแนน หรือประทับใจกับสุดยอดบอนด์อย่าง ณอน คอนเนอรี่ ... แต่ดูเหมือนทั้งโลกจะลืมบอนด์จอมเคร่งขรึมอย่าง ทิโมธี ดัลตัน ไปซะแล้ว

จริง ๆ ดัลตันเป็นตัวตายตัวแทน คอนเนอรี่ เสียด้วยซ้ำ น่าจะไำด้เล่นเป็นบอนด์ตั้งแต่ Live and Let Die ด้วย แต่ทว่า ตอนนั้น ดัลตัน คิดว่าเขายังอายุน้อยเกินไปจะมารับบทสายลับอังกฤษรายนี้ จึงบอกปัดไปและเป็นโอกาสพอเหมาะกับ มัวร์ ที่หมดสัญญากับซีรี่ส์ " เดอะ เซนต์ " พอดี .. นั่นทำให้ ดัลตัน ต้องรอกว่า 15 ปี เพื่อมาเป็นบอนด์ครั้งแรกใน The Living Daylight ..

เรื่องแรกของเขาถือว่า สอบผ่านครับ .. หนังสนุกและเปี่ยมไปด้วยแอคชั่นเยี่ยม ๆ แต่กับเรื่องที่สองอย่าง License to Kill กลายเป็นความผิดหวังสำหรับคนทั้งโลก เมื่อต้องพบว่า สายลับเจ้าเสน่ห์ของตนกลายเป็น คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างรุนแรงจนแยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก !!

ถ้าไม่ติดว่านี่คือ หนังบอนด์ มันอาจจะเป็นหนังแอคชั่นสายลับ ที่ดีเยี่ยมมากเรื่องหนึ่ง เพราะหนังเปี่ยมไปด้วยจุดหักเหมากมาย , แผนการสุดอันตราย และ ตัวร้ายที่เปี่ยมไปด้วยความน่าสะพรึง ... แต่ทว่า เมื่อมันเป็นหนึ่งใน " เจมส์ บอนด์ ซีรี่ส์ " ทำให้การขาดเสน่ห์แบบ "บอนด์" นั้น .. สร้างความผิดหวังร้ายกาจให้กับคนดู และพลอยเป็นความผิดหวังของหนังทั้งเรื่องด้วย ..

บอนด์ ในภาคนี้กลายเป็นหนุ่มเคร่งขรึม เขาปรากฏรอยยิ้มเพียงสองครั้งบนจอ คือ ในฉากแรกที่อยู่บนรถลิมูซีน เพื่อเดินทางไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอย่าง เฟลิกซ์ ไลเตอร์ กับ ฉากสุดท้ายที่บอนด์อยู่ในงานเลี้ยง ... นอกจากนั้นทั้งเรื่อง เขาเก็บความเคียดแค้นไว้ภายในดวงตา ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย .. พร้อม ๆ กับที่ในสมองของเขา ค่อย ๆ วางแผนที่จะแทรกซึมเข้าไปในองค์กรของ " ฟร๊านซ์ ซานเชส " เจ้าพ่อค้ายาข้ามชาติคนสำคัญแถบละตินอเมริกา ... และเป็นผู้ลงมือสังหารภรรยาของ เฟลิกซ์ ไลเตอร์ รวมทั้งจัดการโยน ไลเตอร์ ให้ฉลามฉีกขาเขาขาดไปข้างหนึ่ง ..

ความสนุกของบอนด์ในภาคนี้คือ การวางแผนอันร้ายกาจ เพื่อป้ายสีให้ ฟร๊านซ์ ซานเชส ค่อย ๆ จัดการลูกน้องตัวเองไปทีละคน ... ทีละคน นี่เป็นวิธีการที่บอนด์ไม่นิยมทำซักเท่าไหร่ในตอนที่ผ่าน ๆ มา และค่อย ๆ อัดแน่นด้วยฉากบู๊แบบ "เสี่ยงตาย" ที่แทบจะไม่พึ่งอุปกรณ์ฺไฮเทค ทั้งหลายแหล่เหมือนที่เคยปรากฏมา .. โดยเฉพาะ กับฉากในตอนท้ายเรื่อง ที่บอนด์ ต้องขับรถสิบล้อตะลุยฝ่าดงกระสุนของฝ่ายศัตรู บนยอดเขาที่ีเส้นทางแสนจะคดเคี้ยว !!

อันที่จริงผมคิดว่า จุดผิดพลาดของหนังคือ เรื่องของเวลา มากกว่า ... ดัลตัน .. เองก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับบทบอนด์ ทว่า หนังมาเร็วจนเกินไป .. ในยุคนั้น ผู้คนกำลังตื่นเต้นกับแอคชั่นแบบ ไดฮาร์ด และ Lethal Weapons ...รวมไปถึง แอคชั่นสตาร์อย่าง อาโนลด์ , สตอลโลน , สตีเว่น ซีกัล .. นั่นทำให้พื้นที่ของบอนด์ถูกจำกัดแคบลงไปอีก .. นี่ยิ่งเมื่อเห็น Casino Royale ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ ยิ่งน่าคิดว่า หาก License to Kill ออกฉายในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ซักหน่อย คือ ราว ๆ 2 - 3 ปีก่อน .. น่าจะช่วยดึงหนังของบอนด์ ให้กลับมาจากจุดทีั่เป็นหนัง "ป๊ํอปคอร์น" เต็มตัวในยุค บรอสแนน .... มาสู่จุดหนึ่งที่หนังบอนด์ของ คอนเนอรี่ เคยเป็นได้ไม่ยาก ...

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้หนังบอนด์ในช่วงนั้น เริ่มเสื่อมความนิยมลง คือ ความอ่อนแอของเนื้อเรื่อง .. ซึ่งส่วนมากเป็นหนังของ โรเจอร์ มัว หวังว่า คงจะไม่มีใครลืมหนังอย่าง Moonraker หรือ Octopussy ไปได้ แม้จะมีหนังบอนด์ที่พอกู้หน้ากู้ตาเจ้าตัวได้บ้างอย่าง For Your Eyes Only .... แต่นั่นก็เป็นเพียงสายลมที่ผ่านพัดมาและ ผ่านเลยไปอย่างไม่ไยดี ..

ตัวร้ายอย่าง ฟร๊านซ์ ซานเชส .. ก็เป็นตัวร้ายที่น่ากลัวและคนดูรู้สึกได้ว่า พอฟัดพอเหวีั่ยงกับบอนด์ โดยเฉพาะกับในช่วงหลัง ๆ ที่ตัวร้ายของบอนด์ชักจะดูไม่น่ากลัวเอาซะเลย ( บทบาทของ เคิร์ท เจอร์เก้น ใน The Spy Who Loved Me ที่ถูกบท "จอวส์" ของ ริชาร์ด คีล งาบไปไม่มีเหลือคือตัวอย่างสำคัญ นี่ยังไม่นับตัว ฮูโก แดรกซ์ .. ใน Moonraker , ท่านข่าน แห่ง Octopussy ..ที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในเกณฑ์ "น่าผิดหวัง") .. และน่าจะเป็นตัวร้ายของบอนด์ที่น่ากลัว + ดูอันตรายสุด ๆ คนหนึ่ง ถ้าไม่ติดว่า โรเบิร์ต ชอว์ เคยให้การแสดงอันน่าขนลุกในบทคู่ปรับชาวรัสเซียของบอนด์มาแล้วใน From Russia With Love ....


หนังบางเรื่องเอง .. ก็มักมาไม่ถูก กาละ เทศะ เหมือนกัน ... นั่นทำให้หนังพร้่อมจะถูกกลืนหายไปกับกระแสของหนังในช่วงนั้นได้โดยง่าย โดยเฉพาะ เมื่อมันมีงานที่ "ดีกว่า" แบบจับต้องได้ปรากฏในช่วงเวลาเดียวกัน ...




-----------------------------------------------------------------




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2550
2 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2550 23:13:04 น.
Counter : 1238 Pageviews.

 

ยางไม่ได้ดูเลย ต้องเช่ามาดูซะแระ ฮ่าๆๆๆ

 

โดย: สตีฟ แม็คมานานแล้ว 2 มิถุนายน 2550 5:28:46 น.  

 

อยากดู License to Kill ขึ้นมาเลยครับ
ชอบหนังแนวดราม่าแนวนี้ง่ะ

 

โดย: nanoguy 7 มิถุนายน 2550 7:54:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


paphartnet
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คุยกันได้นะครับ ออน M บ่อยอยู่แล้วผม ยิ่งกับคอหนังเก่า ๆ เหมือนกัน Add มาเลยครับ ฮ่า ๆ


อาจพบตัวบ่อย ๆ ที่ห้องศุภฯ นะครับและบางครั้งที่ ห้องเฉลิมไทย ...
Friends' blogs
[Add paphartnet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.