วันนี้ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนึงเป็นเรื่องแนวๆแฟชั่นยุคกลางของยุโรป บังเอิญตาก็ไปสะดุดผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ท่ามกลางชุดเสื้อผ้าประดับลูกไม้ กระโปรงบานสุ่มและหมวกปีกกว้าง เธอเป็นคนเดียวที่ใส่ชุดสีดำ ยังไม่ทันกวาดตามองหาชื่อก็พอเดาๆได้ว่าเธอคือ Coco ผู้โด่งดัง มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่จะไม่รู้จักแบรนด์ที่ใช้ชื่อเธอ เรื่องราวชีวิตเธอน่าสนใจมากพอๆกับเสื้อผ้าเลยค่ะ เราเพิ่งจะรู้ว่าชื่อจริงๆของเธอคือ Gabrielle Bonheur Chanel แน่นอนว่า การ์บิเอล(ออกเสียงประมาณนี้มั้งถ้าเป็นสำเนียงฝรั่งเศส) เธอเป็นคนฝรั่งเศสโดยกำเนิด ข้อมูลเรื่องพื้นเพเธอไม่ค่อยชัดเจน มีบางข้อความกล่าวว่าเธอเป็นลูกนอกสมรสของพนักงานขาย ที่ต้องเดินทางบ่อย หลังแม่ตายผู้เป็นพ่อจึงนำเธอและน้องสาวมาฝากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแคทอลิก และ ณ ที่คอนเวนท์แห่งนี้แหละค่ะเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาพรสวรรค์และเส้นทางของเธอ วัดนางชีสอนให้เธอรู้จักการใช้จักรเย็บผ้า วิธีปัก สอย เย็บ ชุน ตลอด 7 ปีที่ใช้ชีวิตที่นี่ก็เรียกได้ว่าเธอมีฝีมือพอตัวด้านนี้พอสมควร และเมื่อเธออายุ 18 ปี ตามเกณฑ์อายุนี้เด็กสาวรุ่นเธอต้องออกจากคอนแวนท์ไปใช้ชีวิตในโลกกว้างเอาเอง เธอจะทำอะไรได้นอกจากเป็นลูกจ้างในร้านตัดเย็บ และในระหว่างนั้นเธอก็ทำงานพิเศษช่วงกลางคืน โดยเป็นนักร้องในคาเฟ่แห่งนึง และที่นี่เองที่เธอได้ใช้ชื่อเล่นว่า โคโค่(Cocoแปลว่าlittle pet) (รูปจริงของ Coco) เท่าที่ได้อ่านข้อมูล ไม่มีแหล่งใดเลยกล่าวถึงรูปร่างหน้าตาของเธอว่าเธอเป็นคนสวยมีเสน่ห์แค่ไหน แต่ก็พอจะเดาได้แหละว่าเธอคงเป็นผู้หญิงที่ดึงดูดผู้ชายได้ไม่น้อย เพราะที่คาเฟ่แห่งนั้นเธอเป็นเป้าสายตาและเป็นที่ชื่นชอบของชายหนุ่มน้อยใหญ่ คงด้วยบุคลิกที่ดูกล้าก๋ากั่นและความฉลาดของเธอจึงมัดใจเศรษฐีเพลย์บอย เอเตียง บางซองน์ (Etienne Balsan) ในเว็บฝรั่งเขียนว่า French millionaire หูวว รวยขนาดไหนคิดดู เอเตียงจีบเธอด้วยของขวัญล้ำค่า สร้อยมุก ขนสัตว์ เพชร และดอกไม้ สาวน้อยคนไหนก็ต้องใจอ่อนกับโลกแห่งความรุ่มรวยชวนฝัน และนี่คือจุดเริ่มต้นในโลกแฟชั่นและความหรูหราอันเป็นสไตล์เฉพาะของเธอ (รูปจากภาพยนตร์ Coco Avant Chanel) เธอย้ายมาอยู่กับเอเตียงในที่สุด เธอเริ่มออกแบบหมวกเป็นงานอดิเรก ความหลงใหลในการออกแบบเริ่มจริงจังมากขึ้นในขณะที่ความรักกลับดูล้มเหลว ในที่สุดเธอแยกทางกับเอเตียงและตัดสินใจทำร้านเสื้อผ้าของตัวเองต่อไปเริ่มจากเสื้อกันฝนและแจ็คเก็ท แต่มันก็ไปไม่รอด อาจจะเพราะเธอยังค้นหาแนวทางของตัวเองไม่เจอ เสื้อผ้าที่เธอออกแบบยังดูธรรมดาและไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอท้อถอยค่ะ (รูปจากภาพยนตร์ Coco Avant Chanel)
ในระหว่างนั้นเธอได้พบรักใหม่กับ อาเธอร์ คาเพล (Arthur Capel) และจากการสนับสนุนของเค้าโคโค่ก็ได้เปิดร้านใหม่ในบริตานี (แน่นอนอยู่แล้วว่าอาเธอร์ก็เป็นเศรษฐีเหมือนเอเตียงนั่นแหละจ้าและว่ากันว่าเค้ารักเธอสุดหัวใจ แต่โคโค่ก็ปฏิเสธที่จะแต่งงานด้วย) คราวนี้มันไปได้ดีค่ะ เธอออกแบบหมวกและได้รับความนิยมเหล่าดาราและคนดังต่างก็พากันซื้อไปใส่ ชื่อเสียงเธอเติบโตอย่างรวดเร็ว ต่อมาเธอเปิดตัวเสื้อกีฬาของผู้หญิงในดะวิลล์( Deauville) สไตล์และความเป็นตัวตนของเธอเริ่มชัดเจนขึ้นทุกวัน ความหัวสมัยใหม่ของเธอนำพาสไตล์ล้ำๆออกสู่สังคมปารีส และเธอดังระเบิดไปเลยค่ะ ร้านเธอประสบความสำเร็จดีเยี่ยม เธอเริ่มนำผ้าเจอร์ซี่มาใช้ในการออกแบบ ผ้าวูลที่ฟอกนิ่ม เบาสบาย การตัดเย็บที่ดูเรียบง่ายและไม่เป็นทางการ การนำสีทูโทนมาแมทช์ได้อย่างลงตัว เดรสที่เป็นอมตะสุดๆยุคแรกของเธอคือ เจอร์ซี่เดรสสีกรมท่าและเทาหรือเดรสกะลาสี และโดยเฉพาะ Little Black Dress ที่ทุกวันนี้ก็ยังเห็นๆกันอยู่ รูปบนจาก Breakfast at Tiffany's รูปด้านล่างจาก Gassip Girl เธอก้าวสู่แถวหน้าของวงการแฟชั่นได้อย่างไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยทำมาก่อน และให้สัมภาษณ์กับนิตยาสารในปี 1954 ว่า "ธุรกิจนี้มีแต่ผู้ชายๆๆๆ แล้วพวกเค้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงต้องการอะไร" (สะใจว่ะ) (รูปจากภาพยนตร์ Coco Avant Chanel) เธอประกาศศักดาด้วยการชักชวนให้เลิกใช้คอร์เซ็ทในการแต่งตัว "ผู้หญิงควรสวยเพื่อตัวเอง ไม่ใช่ให้เพื่อพวกผู้ชายดู" การใส่ยกทรงอันแสนทรมานจึงหมดไป เสื้อผ้าของเธอเน้นการใส่สบาย ดูไม่เป็นทางการแต่แฝงความหรูหราและเซ็กซี่ เดรสสั้นที่เป็นทรงปล่อยเหมือนชุดนอนแต่ใช้ผ้าไหมงามระยับและสร้อยมุกหรูหรา ผมที่ตัดสั้นรับกับชุดราตรีเปลือยหลัง สูทผู้ชายที่เธอประยุกต์ได้อย่างแสนเซ็กซี่ด้วยการตัดให้เข้ารูปอย่างผู้หญิง นำกางเกงผู้ชายมาตัดขาและเป็นผู้นำการใส่กางเกงแทนกระโปรง และเปิดตัวคาร์ดิแกนที่เย็บด้วยผ้าทวีต จนทุกวันนี้เค้าก็เรียกกันไปเลยว่าชาแนลคาร์ดิแกน เสื้อผ้าเธอมักผสมผสานความเป็นเด็กผู้ชายและหญิงสาวได้อย่างลงตัว (ภาพของ Coco ในห้องเสื้อของเธอจากหนังสือ Three Week with Coco) สไตล์ของเธอมันชวนให้รู้สึกถึงความล้ำสมัยไปทั่วทุกมุมในปารีส หรูหรา เรียบง่าย ใส่สบาย กระชับกระเฉง เต็มไปด้วยอิสรภาพ และcoco ประสบความสำเร็จสุดๆด้วยการสร้างน้ำหอม Chanel no.5 เธอเป็นดีไซน์เนอร์คนแรกที่มีน้ำหอมภายใต้แบรนด์ตัวเอง (เบอร์5เป็นลัคกี้นัมเบอร์ของเธอ จะใช้เบอร์5อะมีไรไม๊ประมาณนั้น) (ภาพโฆษณา chanel no.5 ปี 1959)
บั้นปลายชีวิตเธอได้ข่าวว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนาซีและย้ายไปอยู่สวิซฯ แต่ในที่สุดเธอก็ย้ายกลับมาบ้าน แต่เธอถูกแอนตี้แรงมากในวงการแฟชั่นฝรั่งเศสจากสัมพันธ์รักครั้งนั้น อย่างไรก็ดีฐานลูกค้าและสินค้าของเธอกลับเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในอเมริกา แม้วัยที่ใกล้เกษียณป้าโคโค่ก็ยังแรงได้อีกโดยตอกกลับพวกช่างเม้าท์ว่า "เวลาจะกระโจนขึ้นเตียงกับใครคงไม่ต้องขอดูพาสปอร์ตทุกครั้งหรอกน่า แก่ปูนนี้แล้ว" อืมม...แรงได้อีก เธออยู่ดูความรุ่งโรจน์ของชาแนลได้ไม่กี่ปีเธอก็สิ้นลมด้วยอาการหัวใจวายด้วยวัย 87 ปี เธอจากเราไปเป็นเวลา 38 ปีแล้วค่ะ ถ้าให้พูดถึงผลงานของเธอแล้วคงเขียนได้มากมายไม่จบสิ้น ทุกวันนี้สิ่งที่เป็นของใหม่เมื่อหกสิบปีที่แล้วยังเป็นแสตนดาร์ดของผู้หญิงทุกคนในวันนี้ ถ้าไม่มีเธอพวกเราอาจจะต้องทนใส่คอร์เซ็ทกับกระโปรงยาวๆปีนรถเมล์ไปทำงานกันก็เป็นได้ (ไม่ก็ผ้าถุงกับโจงกระเบน)
เรื่องราวของเธอถูกนำไปสร้างทั้งละครเวทีและล่าสุดเป็นภาพยนตร์ ที่แม้แต่โปสเตอร์รูปสูบบุหรี่ก็ยังถูกแอนตี้เลยค่ะ เป็นไงล่ะ ตัวไม่อยู่แต่สไตล์ของเธอก็ยังเขย่าวงการได้ทุกเมื่อ เธอเป็นยอดหญิงในใจหลายคนค่ะ เราชอบเธอและชอบดอกคาเมเลียของเธอมาก เรารู้สึกได้ว่าในความกร้าวแกร่งนั้น ดอกคาเมเลียกลับบ่งบอกความละมุนละไมและสไตล์แสนสง่างามของความเป็น ผู้หญิงคนนึงได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นดอกไม้โปรดของเธอและอาจจะบ่งบอกอะไรบางอย่างในใจเธอก็เป็นได้ ชาตินี้คงได้มีบุญถือกระเป๋าของเธอซักใบล่ะนะ เพราะกระเป๋าของเธอไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์เนมธรรมดา
แต่เป็นตัวแทนระดับตำนานของอิสรภาพและตัวตนของผู้หญิงสมัยใหม่ทั่วโลก credit แหล่งข้อมูลจาก //www.answers.com/topic/gabrielle-chanel
แปลและเรียบเรียงเขียนโดยมุมมองของ เราเอง อิ อิ ผิดพลาดขออภัย
Free TextEditor |
ได้รู้อะไรๆมากขึ้นเยอะเลย ส่วนหนังเรื่อง Coco Avant Chanel มีโอกาสจะหามาดูค่ะ
ส่วนเรื่องกระเป๋าคิดเหมือนกันเลย แต่ใบนึงราคาเป็นแสน อ๊าก ขอมีแฟนเศรษฐีอย่างCoco sheก่อนล่ะกันนะ ถึงจะมีปัญญาซื้อได้อ่ะ