I'll give you love…if you give me your heart
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 

Blueberry Mousse Cake




สวัสดีค่ะ วันนี้โอ่งดินสลัดความขี้เกียจมาอัพบล๊อคสักหน่อยค่ะ Thesis มีไม่ทำ มัวแต่ทำเค้ก ถ้าอาจารย์รู้คงถูกฆ่าทิ้งอ่ะเนาะ



เค้กนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากที่เห็นจากบล๊อคคุณจุ๋ม ประกอบกับตอนโน้นนนนนน (นานมาก) แมคโครลดราคาบลูเบอร์รี่แช่แข็งค่ะ เลยสอยมาสนองตัณหาซะเลย อยากทำแต่กินไม่เป็น ไม่เป็นไร ๆ มีเหยื่อรอเป็นหนูทดลองเพียบ

สูตรตัวมูสมาจากคุณจุ๋ม แม่สลิ่มค่ะ...ขอบคุณมากมายเลยนะคะสำหรับสูตรดี ๆ ที่มาแบ่งปันกัน

ส่วนตัวเค้ก แป้งใช้สูตร Strawberry mousse cake ของคุณวรรณ A Little Catz ค่ะ

อันนี้เป็นหน้าตาบลูเบอร์รี่แช่แข็งที่สอยมาค่ะ ... ปัจจุบันหมดไปนานแล้วเหลือแต่ราสเบอร์รี่



เริ่มแรก...ทำตัวมูสก่อนเลยค่ะ เพราะว่ากว่ามูสมันจะเย็น เค้กก็เสร็จพอดีง่ะ

สูตรมูสบลูเบอร์รี่....อย่างที่บอกแป้งนำมาจากบล๊อคคุณจุ๋ม แต่เอามาปรับ ลด ๆ เพิ่ม ๆ เองตามสไตล์คนงก (แต่ส่วนใหญ่ก็ลดทั้งนั้นแหล่ะ กรั่ก ๆ )

บลูเบอรี่ 180 กรัม
น้ำ 100 กรัม
น้ำตาลทราย 140 กรัม
เจลลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาวครึ่งลูก
วิปปิ้งครีม 330 ml

เริ่มต้นก็ตักบลูเบอร์รี่ออกมาไว้ค่ะ



เจลาตินละลายน้ำไว้ค่ะ

ตามสูตรคุณจุ๋มใช้เจลาตินแบบแผ่น 4 แผ่น แต่แป้งเพิ่งไปถอยเจลาตินผงมา 1 กิโลเลยปรับมาใช้แบบผงค่ะ

หาอัตราส่วนจากในก้นครัวนี่แหล่ะค่ะ

เจลาติน 3-4 แผ่น = เจลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ
เจลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ = ผงวุ้น 1 ช้อนชา



จากนั้นนะคะ นำบลูเบอร์รี่ น้ำ น้ำตาลทราย น้ำมะนาว และเจลาตินที่ละลายแล้ว เทรวมลงหม้อนำไปตั้งไฟอ่อน คนจนเดือดค่ะ พักไว้ให้เย็นค่ะ



ระหว่างที่รอมูสเย็นก็มาทำตัวเค้กกันค่ะ แป้งใช้สูตรสปันจ์เค้กของ Starwberry mousse cake ของคุณวรรณ เพราะเค้กสูตรนี้ หอม นุ่ม ถูกใจมาก ๆ ค่ะ

แป้งเค้ก 100 กรัม
ผงฟู 3/4 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
เนยละลาย 70 กรัม
น้ำตาลทราย 120 กรัม
เอสพี 10 กรัม
น้ำ 40 กรัม
นมข้นจืด 30 กรัม
วนิลา 1/2 ช้อนชา
ไข่ไก่ 3 ฟอง

ชั่ง ตวง วัด ส่วนผสมให้เรียบร้อยก็มาเริ่มกันเลยค่ะ

นำไข่ น้ำ น้ำตาล เทลงโถผสม



เอาเอสพีป้ายที่หัวตะกร้อค่ะ เค้กสูตรนี้แป้งทำจนบ่อยแล้ว (สูตรหากิน..ว่างั้น) เวลาใช้เอสพีก็ไม่ต้องชั่งแล้วค่ะ กะ ๆ เอาตามความรู้สึก



ตีด้วยความเร็วสูง จนส่วนผสมขึ้นฟูนะคะ กะเวลาประมาณ 5 นาทีค่ะ

ถ้าหากว่าใช้ไข่ไก่สดใหม่ จะขึ้นฟูเร็วมาก ๆ ค่ะ อันนี้แป้งมีประสบการณ์มาแล้วค่ะ

อ้อ...แล้วก็เวลาตอกไข่ใส่โถผสมนะคะ แนะนำว่า ตอกใส่ถ้วย แล้วค่อยเทลงโถตีทีละฟองค่ะ เพราะแป้งเคยตอกไข่ลงโถทีเดียวเลย พอถึงใบสุดท้ายกลายเป็น "ไข่เน่า" ค่ะ!!!! เลยต้องเทของทิ้งหมดเลย โฮ ๆ ๆ เสียดายสุด ๆ

เข็ดจนตายเลยค่ะ

ตีให้ขึ้นฟู...ประมาณนี้



จากนั้น ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือให้เข้ากันค่ะ แล้วเทลงในโถ ตีด้วยความเร็วต่ำให้เข้ากันประมาณ 1 นาทีค่า



จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความเร็วสูง ตีจนขึ้นฟู เหนียวข้น ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

ระหว่างที่ตี ก็ไปวอร์มเตา, ละลายเนย, อุ่นนม ค่ะ

เนยละลายค่ะ



นมข้นจืดค่ะ อุ่นแล้วเอาวานิลลาใส่ลงไปค่ะ



มาดูส่วนผสมที่ตีไว้ ได้ที่แล้วค่ะ



ระหว่างที่ตีก็หยุดเครื่องเพื่อปาดขอบโถด้วยนะคะ

จากนั้นก็ใส่นมข้นจืดลงไปค่ะ จะใส่ทีละช้อน หรือ เทเป็นสายก็ได้ค่ะ แล้วตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันค่ะ



ตีให้เข้ากัน หมั่นปาดโถด้วยนะคะ จากนั้นก็ใส่เนยละลายลงไปค่ะ จะใส่ทีละช้อนหรือเทเป็นสายก็ได้ค่ะ เหมือนกันกับนม



ตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยความเร็วสูงอีกครั้งค่ะ หมั่นปาดขอบโถ เพื่อไม่ให้ส่วนผสมนอนก้น ตีประมาณ 2 นาที...ได้ที่แล้วค่ะ

เทลงพิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข เตรียมอบค่ะ



เอาเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสค่ะ ไฟล่างประมาณ 40 นาที แล้วต่อด้วยไฟบนล่างอีกประมาณ 10 นาทีค่ะ (แต่สำหรับบ้านแป้ง อบไฟบนล่างจนให้ได้กลิ่นไหม้ก็ได้ที่แล้วค่ะ ก๊าก)

เสร็จแล้วได้เป็นดังนี้ค่ะ



เค้กเช็คสุกด้วยการเอาไม้จิ้มนะคะ ถ้าไม่มีเศษเค้กติดมาก็ใช้ได้ค่ะ ดังหลักฐานที่ปรากฎในภาพที่แล้ว จิ้มซะรูเบ้อเริ่มเลย เอิ๊ก ๆ

พอเค้กสุกแล้วก็เอาออกจากเตา กระแทกเบา ๆ หนึ่งครั้ง แล้วรีบแซะออกจากพิมพ์เลยค่ะ คว่ำทิ้งไว้ให้เย็น โดยที่ยังครอบพิมพ์ไว้อยู่นะคะ

แป้งเคยเอาพิมพ์ออกทันที ปรากฎว่าเค้กแห้ง แข็งมากค่ะ เลยปรับมาเป็นแบบนี้ คือ แซะเค้กออกจากพิมพ์ แล้วก็ทิ้งไว้งั้นแหล่ะค่ะ ให้พอเย็นค่อยมาเอาพิมพ์ออก (งงไหมคะ)

.....เย็นแล้ว ขอดูก้นหน่อยซิ ว่าเนียนไหม จะได้เข้าข้างหลังซะเลย!!!



พอเค้กเย็น เราก็มาจัดการกับตัวมูสบลูเบอร์รี่ที่เราปล่อยทิ้งไว้จนเย็นค่ะ (ลืมกันไปยังอ่ะ)



เทลงโถปั่นค่ะ ปั่น ๆ ๆ ๆ ๆ ให้ละเอียดกันไปข้างนึงเลย

ละเอียดแล้ว.....



แล้วเราก็หันมาสนใจเค้กกันก่อนค่ะ

ใช้มีดเลื่อยสไลค์เค้กออกเป็นสามชั้น เค้กจะได้หนาสะใจค่ะ



เตรียมเอาพลาสติครองก้นสปริงฟอร์มไว้ค่ะ เพื่อที่จะเอาเค้กออกจากตัวก้นพิมพ์ได้ง่าย

ความจริงคุณวรรณเคยโพสต์วิธีเอาเค้กออกจากฐานพิมพ์ให้ดูแล้วค่ะ แต่แป้งวิเคราะห์แล้วว่าแป้งคงทำไม่รอดแน่ ๆ เพราะวิธีนั้นเหมาะสำหรับคนใจเย็นมาก ๆ ส่วนคนใจร้อนอย่างแป้ง เอาพลาสติครองแทนละกัน เวลาเอาออกก็ดึงพลาสติคมาเลย...ง่ายดี



เอาเค้กที่สไลด์ไว้แล้วมาวางไว้เป็นชั้นที่ 1 ค่ะ เตรียมพร้อมเอาไว้เลย จะได้ตีวิปครีมได้อย่างสบายใจ



ตวงวิปครีมใส่โถค่ะ

ปกติโถตี หัวตะกร้อ ต้องแช่เย็นนะคะ และต้องรองน้ำแข็งที่โถตีด้วยค่ะ แต่แป้งขึ้เกียจอ่ะ เลย...รีบตีรีบเสร็จละกันวุ้ย!!!!



ตีด้วยความเร็วสูง จนครีมตั้งยอดค่ะ



เอาตัวมูสที่ปั่นไว้แล้วเทลงไปเลยค่ะ ใกล้จะเสร็จแร้ววววววววววววววววววว



คน คน คน ให้เข้ากันค่ะ สีขาว กะ ม่วง ตัดกันชิ้ง ๆ เลยวุ้ย สวยจัง



คนให้เข้ากันนะคะ ออกมาได้เป็นอย่างนี้ค่ะ สีสวยเน้อ~~~ (ชมตัวเองมันนี่แหล่ะ โฮะ ๆ )



เอาตัวมูสที่คนเข้ากันเสร็จแล้วมาเทใส่สปริงฟอร์มที่วางเค้กไว้แล้วนะคะ พยายามดัน ๆ ให้ตัวมูสไหลลงด้านข้าง ไม่งั้นเค้กจะแหว่งค่ะ ไม่สวยแน่ ๆ (แน่นอนค่ะ แป้งทำออกมาได้อย่างนี้ประจำ )



แล้วก็เอาเค้กโปะลงไปอีกชั้นค่ะ ทำแบบนี้สลับกันจนเค้กหมดชั้นค่า...แป้งพูดแปลก ๆ ป่าวเนี่ย??



ทิ้งท้ายด้วยการโปะมูสค่ะ แล้วเกลี่ยหน้าให้เรียบ...ที่สุด

โอ่งดินก็ทำได้ดีที่สุดแค่นี้แหล่ะค่ะ



เอาตัวเค้กแช่ฟรีซเลยนะคะ เอาแบบขังลืมไปเลยค่ะ สัก 5 ชั่วโมงขึ้นไปกำลังแจ่มเลยค่า ^^

พอได้เวลาก็มาทำตัวเยลลี่ราดหน้าค่ะ

สูตรบลูเบอร์รี่เยลลี่

น้ำบลูเบอร์รี่ 40 ml (เอาบลูเบอร์รี่ออกมาจากตู้เย็น จะมีน้ำมันออกมาเพียบเลยค่ะ)
น้ำเปล่า 200 ml
เจลาตินผง 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 1/2 ช้อนโต๊ะ

เอาส่วนผสมทุกอย่างรวมกัน ตั้งไฟอ่อนจนเดือดค่ะ แล้วทิ้งไว้ให้เย็น

ชอบภาพนี้จัง มีควันออกมาด้วย อย่างกะพ่อมดปรุงยาเลย (ขอเกาะกระแสแฮร์รี่ พอตเตอร์สักนิด)



เอาตัวเยลลี่ที่เย็นแล้วเทใส่ตัวเค้กค่ะ ค่อย ๆ เทนะคะ แล้วเอากระชอนกรองด้วยค่ะ ไม่งั้นหน้าจะไม่เนียนกริ๊งค่า

เนี่ยดูสิคะ กากเพียบเลย



เอาเค้กแช่ฟรีซต่อค่ะ สักประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยย้ายมันลงมาช่องธรรมดาค่ะ เพราะถ้าแช่ฟรีซนานเกินไป น้ำแข็งเกาะเยลลี่ ไม่สวยอย่างแรงค่ะ

เสร็จแล้ว เหลือขั้นตอนสุดท้าย....ตกแต่ง



เอามีดแซะขอบค่ะ เอาเค้กออกมาเลย

หน้าเรียบก็จริงเนาะ แต่ว่าเยลลี่ไม่เต็มขอบแฮะ คงเป็นเพราะแป้งปาดตัวมูสเป็นแอ่งแน่ ๆ เลยอ่ะ ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวพอแต่งหน้าคงไม่มีใครมองเห็นแล้วเนาะ (มักง่ายดีแท้)

เวงกำ ขอบก็ไม่เต็ม อ๊ากกกกกกกกกกก ห่วยแตกจริงวุ้ย ยัยโอ่งดิน



อีกมุมค่า ก่อนตกแต่ง เรียบดีอ่ะ เรียบที่สุดในชีวิตเล้ย ^o^

อ่า...ทุกท่านกรุณาทำใจกับ background แป้งหน่อยนะคะ แบบว่าโต๊ะทำกับข้าวแป้งปูด้วยหนังสือพิมพ์อ่ะค่ะ



คิดตั้งนานค่ะว่าจะแต่งหน้าแบบไหนดี แต่เจ้าของเค้กเค้าชอบครีมกับเยลลี่ เลยหมดมุขค่ะ แต่งแบบเดิม ๆ มันนี่แหล่ะ

บีบครีมลงไปค่ะ คราวนี้ครีมขอบคมดีจัง



อ่า...ทุกท่านจะเห็นนะคะ ว่าแป้งบีบครีมเบี้ยวอ่ะ แหะ ๆ แบ่งช่องไม่เท่ากันง่ะ ทุกทีเลย ฮือ ๆ T___T

ขาว ม่วง ตัดกันชิ้ง ๆ เลย สวย...



ขออนุญาตโชวครีมหน่อยค่ะ นาน ๆ ทีจะบีบได้คมอย่างนี้



เอาเยลลี่แปะลงไปค่ะ เพื่อนชอบแป้งก็จัดให้ค่า

เอากีวี กะเรนโบว์ใส่ไปสักหน่อย เพิ่มสีสัน



หมุนตัว....



ด้านบน (เอาให้หมด )



อีกด้านนึง



เยลลี่กับกีวีค่ะ สีสวยดีเนาะ



แปะป้าย บอกสัณชาติสักหน่อย เป็นอันเสร็จพิธี



Happy Birthday



อีกมุม



และอีกมุม



เรียบร้อยแล้วค่ะ Blueberry mousse cake ทำไม่ยากเลย ถึงจะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ก็สนุกแล้วก็มีความสุขที่สุดเลยค่ะ

ขอให้อร่อยกับเค้กของแป้งนะคะ

โอ่งดิน..สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2550
3 comments
Last Update : 14 กรกฎาคม 2550 19:48:51 น.
Counter : 3421 Pageviews.

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดด

น้องแป้งงงงงงงงงงงงงง

พี่ย่องเข้ามาด้วยความคิดถึง
ไม่นึกว่าจะเจอ Blueberry mousse cake ที่สวยงาม และน่าทานขนาดนี้

นี่ถ้าไม่เกรงจะเสียกิริยา พี่เลียจอเปียกไปแล้วเนี่ยค่า 5555

คิดถึงนะคะ นู๋แป้ง

อย่าหักโหมนะคะ (เอิ่ม หมายถึง เรื่องเรียนนะคะ)

รักษาสุขภาพนะคะ

 

โดย: สาวน้อยคอยเธอ 16 กรกฎาคม 2550 13:43:56 น.  

 

สุดยอด น่ากินมากอะ

 

โดย: บอนด์ IP: 124.120.193.48 30 พฤษภาคม 2551 11:18:04 น.  

 

เก่งจังเลยค่ะ อธิบายวิธีทำได้ระเอียดออ่นไม่แพ้ คุณจุ๋ม ขอบอบคุณค่ะสำหลับสูตร

 

โดย: elisa IP: 90.30.18.215 17 มีนาคม 2555 4:48:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


โอ่งดิน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหม...เขาว่ากันว่าถ้าคู่กันแล้ว ไม่ว่าต้องห่างกันไกลสักแค่ไหน...นานสักเท่าไหร่ สุดท้าย...ก็ต้องได้กลับมาคู่กัน

Friends' blogs
[Add โอ่งดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.