Blueberry Mousse Cake
สวัสดีค่ะ วันนี้โอ่งดินสลัดความขี้เกียจมาอัพบล๊อคสักหน่อยค่ะ Thesis มีไม่ทำ มัวแต่ทำเค้ก ถ้าอาจารย์รู้คงถูกฆ่าทิ้งอ่ะเนาะ เค้กนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากที่เห็นจากบล๊อคคุณจุ๋ม ประกอบกับตอนโน้นนนนนน (นานมาก) แมคโครลดราคาบลูเบอร์รี่แช่แข็งค่ะ เลยสอยมาสนองตัณหาซะเลย อยากทำแต่กินไม่เป็น ไม่เป็นไร ๆ มีเหยื่อรอเป็นหนูทดลองเพียบ สูตรตัวมูสมาจากคุณจุ๋ม แม่สลิ่มค่ะ...ขอบคุณมากมายเลยนะคะสำหรับสูตรดี ๆ ที่มาแบ่งปันกันส่วนตัวเค้ก แป้งใช้สูตร Strawberry mousse cake ของคุณวรรณ A Little Catz ค่ะ อันนี้เป็นหน้าตาบลูเบอร์รี่แช่แข็งที่สอยมาค่ะ ... ปัจจุบันหมดไปนานแล้วเหลือแต่ราสเบอร์รี่เริ่มแรก...ทำตัวมูสก่อนเลยค่ะ เพราะว่ากว่ามูสมันจะเย็น เค้กก็เสร็จพอดีง่ะสูตรมูสบลูเบอร์รี่....อย่างที่บอกแป้งนำมาจากบล๊อคคุณจุ๋ม แต่เอามาปรับ ลด ๆ เพิ่ม ๆ เองตามสไตล์คนงก (แต่ส่วนใหญ่ก็ลดทั้งนั้นแหล่ะ กรั่ก ๆ )บลูเบอรี่ 180 กรัมน้ำ 100 กรัมน้ำตาลทราย 140 กรัมเจลลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวครึ่งลูกวิปปิ้งครีม 330 mlเริ่มต้นก็ตักบลูเบอร์รี่ออกมาไว้ค่ะ เจลาตินละลายน้ำไว้ค่ะตามสูตรคุณจุ๋มใช้เจลาตินแบบแผ่น 4 แผ่น แต่แป้งเพิ่งไปถอยเจลาตินผงมา 1 กิโลเลยปรับมาใช้แบบผงค่ะ หาอัตราส่วนจากในก้นครัวนี่แหล่ะค่ะเจลาติน 3-4 แผ่น = เจลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะเจลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ = ผงวุ้น 1 ช้อนชา จากนั้นนะคะ นำบลูเบอร์รี่ น้ำ น้ำตาลทราย น้ำมะนาว และเจลาตินที่ละลายแล้ว เทรวมลงหม้อนำไปตั้งไฟอ่อน คนจนเดือดค่ะ พักไว้ให้เย็นค่ะ ระหว่างที่รอมูสเย็นก็มาทำตัวเค้กกันค่ะ แป้งใช้สูตรสปันจ์เค้กของ Starwberry mousse cake ของคุณวรรณ เพราะเค้กสูตรนี้ หอม นุ่ม ถูกใจมาก ๆ ค่ะแป้งเค้ก 100 กรัม ผงฟู 3/4 ช้อนชาเกลือ 1/4 ช้อนชา เนยละลาย 70 กรัมน้ำตาลทราย 120 กรัม เอสพี 10 กรัมน้ำ 40 กรัม นมข้นจืด 30 กรัมวนิลา 1/2 ช้อนชา ไข่ไก่ 3 ฟอง ชั่ง ตวง วัด ส่วนผสมให้เรียบร้อยก็มาเริ่มกันเลยค่ะ นำไข่ น้ำ น้ำตาล เทลงโถผสม เอาเอสพีป้ายที่หัวตะกร้อค่ะ เค้กสูตรนี้แป้งทำจนบ่อยแล้ว (สูตรหากิน..ว่างั้น) เวลาใช้เอสพีก็ไม่ต้องชั่งแล้วค่ะ กะ ๆ เอาตามความรู้สึก ตีด้วยความเร็วสูง จนส่วนผสมขึ้นฟูนะคะ กะเวลาประมาณ 5 นาทีค่ะถ้าหากว่าใช้ไข่ไก่สดใหม่ จะขึ้นฟูเร็วมาก ๆ ค่ะ อันนี้แป้งมีประสบการณ์มาแล้วค่ะอ้อ...แล้วก็เวลาตอกไข่ใส่โถผสมนะคะ แนะนำว่า ตอกใส่ถ้วย แล้วค่อยเทลงโถตีทีละฟองค่ะ เพราะแป้งเคยตอกไข่ลงโถทีเดียวเลย พอถึงใบสุดท้ายกลายเป็น "ไข่เน่า" ค่ะ!!!! เลยต้องเทของทิ้งหมดเลย โฮ ๆ ๆ เสียดายสุด ๆ เข็ดจนตายเลยค่ะ ตีให้ขึ้นฟู...ประมาณนี้ จากนั้น ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือให้เข้ากันค่ะ แล้วเทลงในโถ ตีด้วยความเร็วต่ำให้เข้ากันประมาณ 1 นาทีค่า จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความเร็วสูง ตีจนขึ้นฟู เหนียวข้น ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีระหว่างที่ตี ก็ไปวอร์มเตา, ละลายเนย, อุ่นนม ค่ะเนยละลายค่ะ นมข้นจืดค่ะ อุ่นแล้วเอาวานิลลาใส่ลงไปค่ะ มาดูส่วนผสมที่ตีไว้ ได้ที่แล้วค่ะ ระหว่างที่ตีก็หยุดเครื่องเพื่อปาดขอบโถด้วยนะคะจากนั้นก็ใส่นมข้นจืดลงไปค่ะ จะใส่ทีละช้อน หรือ เทเป็นสายก็ได้ค่ะ แล้วตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันค่ะ ตีให้เข้ากัน หมั่นปาดโถด้วยนะคะ จากนั้นก็ใส่เนยละลายลงไปค่ะ จะใส่ทีละช้อนหรือเทเป็นสายก็ได้ค่ะ เหมือนกันกับนมตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยความเร็วสูงอีกครั้งค่ะ หมั่นปาดขอบโถ เพื่อไม่ให้ส่วนผสมนอนก้น ตีประมาณ 2 นาที...ได้ที่แล้วค่ะเทลงพิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข เตรียมอบค่ะ เอาเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสค่ะ ไฟล่างประมาณ 40 นาที แล้วต่อด้วยไฟบนล่างอีกประมาณ 10 นาทีค่ะ (แต่สำหรับบ้านแป้ง อบไฟบนล่างจนให้ได้กลิ่นไหม้ก็ได้ที่แล้วค่ะ ก๊าก)เสร็จแล้วได้เป็นดังนี้ค่ะ เค้กเช็คสุกด้วยการเอาไม้จิ้มนะคะ ถ้าไม่มีเศษเค้กติดมาก็ใช้ได้ค่ะ ดังหลักฐานที่ปรากฎในภาพที่แล้ว จิ้มซะรูเบ้อเริ่มเลย เอิ๊ก ๆ พอเค้กสุกแล้วก็เอาออกจากเตา กระแทกเบา ๆ หนึ่งครั้ง แล้วรีบแซะออกจากพิมพ์เลยค่ะ คว่ำทิ้งไว้ให้เย็น โดยที่ยังครอบพิมพ์ไว้อยู่นะคะแป้งเคยเอาพิมพ์ออกทันที ปรากฎว่าเค้กแห้ง แข็งมากค่ะ เลยปรับมาเป็นแบบนี้ คือ แซะเค้กออกจากพิมพ์ แล้วก็ทิ้งไว้งั้นแหล่ะค่ะ ให้พอเย็นค่อยมาเอาพิมพ์ออก (งงไหมคะ).....เย็นแล้ว ขอดูก้นหน่อยซิ ว่าเนียนไหม จะได้เข้าข้างหลังซะเลย!!! พอเค้กเย็น เราก็มาจัดการกับตัวมูสบลูเบอร์รี่ที่เราปล่อยทิ้งไว้จนเย็นค่ะ (ลืมกันไปยังอ่ะ)เทลงโถปั่นค่ะ ปั่น ๆ ๆ ๆ ๆ ให้ละเอียดกันไปข้างนึงเลย ละเอียดแล้ว..... แล้วเราก็หันมาสนใจเค้กกันก่อนค่ะใช้มีดเลื่อยสไลค์เค้กออกเป็นสามชั้น เค้กจะได้หนาสะใจค่ะ เตรียมเอาพลาสติครองก้นสปริงฟอร์มไว้ค่ะ เพื่อที่จะเอาเค้กออกจากตัวก้นพิมพ์ได้ง่ายความจริงคุณวรรณเคยโพสต์วิธีเอาเค้กออกจากฐานพิมพ์ให้ดูแล้วค่ะ แต่แป้งวิเคราะห์แล้วว่าแป้งคงทำไม่รอดแน่ ๆ เพราะวิธีนั้นเหมาะสำหรับคนใจเย็นมาก ๆ ส่วนคนใจร้อนอย่างแป้ง เอาพลาสติครองแทนละกัน เวลาเอาออกก็ดึงพลาสติคมาเลย...ง่ายดี เอาเค้กที่สไลด์ไว้แล้วมาวางไว้เป็นชั้นที่ 1 ค่ะ เตรียมพร้อมเอาไว้เลย จะได้ตีวิปครีมได้อย่างสบายใจ ตวงวิปครีมใส่โถค่ะ ปกติโถตี หัวตะกร้อ ต้องแช่เย็นนะคะ และต้องรองน้ำแข็งที่โถตีด้วยค่ะ แต่แป้งขึ้เกียจอ่ะ เลย...รีบตีรีบเสร็จละกันวุ้ย!!!! ตีด้วยความเร็วสูง จนครีมตั้งยอดค่ะ เอาตัวมูสที่ปั่นไว้แล้วเทลงไปเลยค่ะ ใกล้จะเสร็จแร้ววววววววววววววววววว คน คน คน ให้เข้ากันค่ะ สีขาว กะ ม่วง ตัดกันชิ้ง ๆ เลยวุ้ย สวยจัง คนให้เข้ากันนะคะ ออกมาได้เป็นอย่างนี้ค่ะ สีสวยเน้อ~~~ (ชมตัวเองมันนี่แหล่ะ โฮะ ๆ ) เอาตัวมูสที่คนเข้ากันเสร็จแล้วมาเทใส่สปริงฟอร์มที่วางเค้กไว้แล้วนะคะ พยายามดัน ๆ ให้ตัวมูสไหลลงด้านข้าง ไม่งั้นเค้กจะแหว่งค่ะ ไม่สวยแน่ ๆ (แน่นอนค่ะ แป้งทำออกมาได้อย่างนี้ประจำ )แล้วก็เอาเค้กโปะลงไปอีกชั้นค่ะ ทำแบบนี้สลับกันจนเค้กหมดชั้นค่า...แป้งพูดแปลก ๆ ป่าวเนี่ย?? ทิ้งท้ายด้วยการโปะมูสค่ะ แล้วเกลี่ยหน้าให้เรียบ...ที่สุดโอ่งดินก็ทำได้ดีที่สุดแค่นี้แหล่ะค่ะ เอาตัวเค้กแช่ฟรีซเลยนะคะ เอาแบบขังลืมไปเลยค่ะ สัก 5 ชั่วโมงขึ้นไปกำลังแจ่มเลยค่า ^^พอได้เวลาก็มาทำตัวเยลลี่ราดหน้าค่ะสูตรบลูเบอร์รี่เยลลี่น้ำบลูเบอร์รี่ 40 ml (เอาบลูเบอร์รี่ออกมาจากตู้เย็น จะมีน้ำมันออกมาเพียบเลยค่ะ)น้ำเปล่า 200 mlเจลาตินผง 2 ช้อนชาน้ำตาลทราย 2 1/2 ช้อนโต๊ะเอาส่วนผสมทุกอย่างรวมกัน ตั้งไฟอ่อนจนเดือดค่ะ แล้วทิ้งไว้ให้เย็นชอบภาพนี้จัง มีควันออกมาด้วย อย่างกะพ่อมดปรุงยาเลย (ขอเกาะกระแสแฮร์รี่ พอตเตอร์สักนิด) เอาตัวเยลลี่ที่เย็นแล้วเทใส่ตัวเค้กค่ะ ค่อย ๆ เทนะคะ แล้วเอากระชอนกรองด้วยค่ะ ไม่งั้นหน้าจะไม่เนียนกริ๊งค่าเนี่ยดูสิคะ กากเพียบเลย เอาเค้กแช่ฟรีซต่อค่ะ สักประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยย้ายมันลงมาช่องธรรมดาค่ะ เพราะถ้าแช่ฟรีซนานเกินไป น้ำแข็งเกาะเยลลี่ ไม่สวยอย่างแรงค่ะเสร็จแล้ว เหลือขั้นตอนสุดท้าย....ตกแต่ง เอามีดแซะขอบค่ะ เอาเค้กออกมาเลยหน้าเรียบก็จริงเนาะ แต่ว่าเยลลี่ไม่เต็มขอบแฮะ คงเป็นเพราะแป้งปาดตัวมูสเป็นแอ่งแน่ ๆ เลยอ่ะ ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวพอแต่งหน้าคงไม่มีใครมองเห็นแล้วเนาะ (มักง่ายดีแท้) เวงกำ ขอบก็ไม่เต็ม อ๊ากกกกกกกกกกก ห่วยแตกจริงวุ้ย ยัยโอ่งดิน อีกมุมค่า ก่อนตกแต่ง เรียบดีอ่ะ เรียบที่สุดในชีวิตเล้ย ^o^อ่า...ทุกท่านกรุณาทำใจกับ background แป้งหน่อยนะคะ แบบว่าโต๊ะทำกับข้าวแป้งปูด้วยหนังสือพิมพ์อ่ะค่ะ คิดตั้งนานค่ะว่าจะแต่งหน้าแบบไหนดี แต่เจ้าของเค้กเค้าชอบครีมกับเยลลี่ เลยหมดมุขค่ะ แต่งแบบเดิม ๆ มันนี่แหล่ะบีบครีมลงไปค่ะ คราวนี้ครีมขอบคมดีจัง อ่า...ทุกท่านจะเห็นนะคะ ว่าแป้งบีบครีมเบี้ยวอ่ะ แหะ ๆ แบ่งช่องไม่เท่ากันง่ะ ทุกทีเลย ฮือ ๆ T___Tขาว ม่วง ตัดกันชิ้ง ๆ เลย สวย... ขออนุญาตโชวครีมหน่อยค่ะ นาน ๆ ทีจะบีบได้คมอย่างนี้ เอาเยลลี่แปะลงไปค่ะ เพื่อนชอบแป้งก็จัดให้ค่าเอากีวี กะเรนโบว์ใส่ไปสักหน่อย เพิ่มสีสัน หมุนตัว.... ด้านบน (เอาให้หมด )อีกด้านนึง เยลลี่กับกีวีค่ะ สีสวยดีเนาะ แปะป้าย บอกสัณชาติสักหน่อย เป็นอันเสร็จพิธี Happy Birthday อีกมุม และอีกมุม เรียบร้อยแล้วค่ะ Blueberry mousse cake ทำไม่ยากเลย ถึงจะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ก็สนุกแล้วก็มีความสุขที่สุดเลยค่ะขอให้อร่อยกับเค้กของแป้งนะคะ โอ่งดิน..สวัสดีค่ะ
น้องแป้งงงงงงงงงงงงงง
พี่ย่องเข้ามาด้วยความคิดถึง
ไม่นึกว่าจะเจอ Blueberry mousse cake ที่สวยงาม และน่าทานขนาดนี้
นี่ถ้าไม่เกรงจะเสียกิริยา พี่เลียจอเปียกไปแล้วเนี่ยค่า 5555
คิดถึงนะคะ นู๋แป้ง
อย่าหักโหมนะคะ (เอิ่ม หมายถึง เรื่องเรียนนะคะ)
รักษาสุขภาพนะคะ