Japan in my shoes : พระ เด็ก เสปน บรรหาร หมั่นไส้ !!! (1)
everyone owns thier own shoes, their own routes.. even on the same route.. with different shoes.. things won't be the same
i walked in japan.. in my own shoes i see things with my eyes, taste with my tongue, touch with my hands, feel with my heart.. and i'm telling you now with my own point of view.. I hope you enjoy seeing me walking .. in Japan.. in my shoes.. ........................................................................................... ตื่นมาสะลึมสะลือได้ที่ในวันที่สอง.. (เอิ่ม...) อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ขึ้นรถบัสไปเอกิ(สถานีรถไฟ) ก่อนขึ้นรถไฟพี่แพรพาไปซื้อเสบียงที่ร้านanderson เสียดายมากว่าไม่ได้ถ่ายขนมปังที่ซื้อมาไว้แต่ว่าอร่อยฟันธง! พอขึ้นรถไฟไปก็อึ้งไปพักหนึ่ง เพราะบนรถไฟมีเด็กเยอะม้ากมากกกกก ตั้งแต่เด็กอนุบาลอาโนเนะไปถึงเด็กวัยรุ่นกระดูกเผาะน่าขบเล่นเป็นที่ยิ่ง พี่แพรบอกว่าช่วงนี้เด็กๆปิดเทอมกันเลยออกมาเพ่นพ่านเที่ยวเล่นเช่นนี้ อืม..ก็ดีเหมือนกันช่วยสร้างสีสันให้การเดินทางของเรา (น่ารัก) นั่งๆไปพักนึงปรากฎว่าสร้างสีสันให้การเดินทางเราได้จริง แถมเป็นสีสันที่ฉูดฉาดบาดตาอย่างมากเสียด้วย เนื่องจากแก๊งเด็กที่นั่งตรงข้ามเราเป็นแก๊งค์เด็กแว๊นกลุ่มใหญ่ชายล้วน แต่ละคนใส่เสื้อกล้ามกางเกงบ๊อกเซอรฺรองเท้าแตะแถมด้วยหมวกใบเบ้อเริ่ม ประหนึ่งพอกระโดดจากรถไฟจะลงไปในทะเลทันที นั่งไปสักพักแว๊นคนหนึ่งผล็อตหลับ พอแว๊นที่เหลือเห็นเข้าก็ไม่รอช้า.. เดินดุ่มไปหาเพื่อน เพื่อ.. รูดซิปกางเกงออก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เท่านั้นยังไม่พอกลัวเพื่อนตื่นมาจะลืมว่าโดนกระทำย่ำยีไว้ จีงทำการ.... ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ยังไม่พอ ไม่รูดปิดให้ด้วย ทิ้งไว้ซะงั้น กุลสตรีอย่างพี่รับไม่ได้ค่ะน้องงงงงงงงง เอิ่ม...ว่าแต่ว่า... รูปที่น้องๆถ่ายไป ส่งmmsมาให้พี่ด้วยได้ป่ะจ๊ะ คริคริ ......................................................................................... เอาะหลับมาเรื่องเที่ยวกันดีกว่า(สูดน้ำลายหนึ่งเฮือก) นั่งรถไฟมาชั่วโมงกว่าๆราก็มาถึงจุดหมายปลายทางสถานีkamakura เดินออกมามองซ้ายขวาจับยามสามตาพบว่าคงหลงทางแน่ๆ พลอยเลยไม่รอช้าหาคนถามทางทันทีทันใด แถมเลือกคนที่น่าจะช่วยเราได้อย่างสะดวกสบายที่สุด.. นั่นคืออาเจ้ผู้หอบของมาหอบใหญ่ในอ้อมแขน (เลือกยังไงของเธอห๊ะ) ปรากฎว่าแม่นางอาเจ้ผู้อารี พอเราเข้าไปถามทาง เจ้ก็มีสปิริตสูงส่งมากๆ ทำการปล่อยของที่หอบมาลงพื้นดังตุ๊บ! ก่อนจะอธิบายทางให้เราฟังเป็นฉากๆ เท่านั้นไม่พอ พออาเจ้เห็นหน้างงเป็นเครื่องหมายคำถามของพลอย อาเจ้ก็ลงไปคุ้ยๆหอบที่แบกมา ก่อนหยิบแผนที่ออกมาหนึ่งใบ จากนั้นก็อธิบายใหม่ ชี้ไปจิ้มไปเอาปากกามาวงใหด้วย ก่อนจะยกแผนที่ให้พลอยเป็นการสะเดาะเคราะห(ในใจเจ้คงอธิษฐานให้คราวหน้าอย่าได้เจอ) ด้วยเหตุนี้เราสามพี่น้องจึงเดินกันไปอย่างมั่นใจไม่กลัวหลง อริ้ววววววว ผ่านหอนาฬิกา.. สวยดีนะ ผ่านถนนช้อปปิ้ง homachi-dori (เด็กเยอะจริงๆ) (กิโมโนสวยมากกกกกกกกกกก..เอ๊ะ หรือยูคาตะ) (ร้านดอกไม้)
เดินๆๆๆๆบนส้นสูงสี่นิ้ว(สู้ตายค่ะ)อย่างเริ่ดๆเชิ่ดๆไปครึ่งทาง
ปรากฎว่าสายรองเท้าขาดซะงั้น -"- ยังดีว่าตาเหลือบไปเห็นร้านขายรองเท้าพร้อมป้ายลดราคาส่งคาถาม"จงซื้อๆ" เลยเดินตาปรือเข้าไปอย่างใจง่าย ( ร้านรองเท้า) ก่อนจะได้ส้นสูงคู่ใหม่มาในราคาพันเยนเท่านั้น(สามร้อยกว่าบาท) ที่สำคัญสูงเท่าเดิม สี่นิ้ว กร๊ากกกก ปลงตัวเอง -"- .............................................................................................. จากนั้นเดินๆชิวๆ(แฮ่กๆๆๆๆๆๆๆ)ไปจนถึงประตูสีแดงแทงตาสง่างาม
เย้ ถึงแล้วค่ะ Tsurugaoka Hachimangu
เดินผ่านประตูเข้าไปจะพบสะพานทอดนำสายตาไปสู่ศาลเจ้า (สวยเชียว) ด้านซ้ายมีสระบัว ชูช่องามตาน่าชม มีคุณป้านั่งชิววาดดอกบัวด้วย คิดดู๊!
เห็นชัดมากว่าคนญี่ปุ่นอยู่ใกล้วัดมั่กมาก
ขณะที่เบิ๊ดถ่ายรูปทุกซอกไม่บอกใคร พลอยกะพี่แพรก็เดินเล่น ถ่ายรูปเล่นไปทั่ววัด (รอน้อง) เดินไปๆมาๆสองรอบเบิ๊ดก็ยังถ่ายไม่เสร็จ แค่เราก็รอจนมันตามมาทัน เพราะกล้องมันดี เลนส์มันเทพ ฮาๆๆๆๆ พอเบิ๊ดเดินมาทันก็ลากน้องไปที่ถังเหล้า ก่อนจะโพสต์ท่าเป็นเมรีกันตรงนั้น (เหล้าจ๋า) (ไหนลองหันมา) (ยิ้มหน่อยจิ๊) ก่อนจะไปถ่ายรอบๆ (ดูเหมือนสาวสเปนเนอะ) (กรี๊ดดด เบิ๊ดถ่ายรูปนี้สวยมั่กกกกกกก) ในที่สุดเราก็ได้ฤกษ์เข้าไปข้างในศาลเจ้าซะที
ก่อนจะถ่ายรูปๆๆๆๆกันตามระเบียบ
เบิ๊ดกับนิค่อนลูรัก (หมั่นไส้) กว่าจะเสร็จจากศาลเจ้าก็ใช้เวลานานพอดูชม ขนาดว่าต้องเปลี่ยนแผนจากการเยือนหกที่เหลือเพียงสอง คิดดู๊! -"- ................................................................................................. เมื่อคิดได้ว่าเวลาล่วงมานานเกินไปละ สามพี่น้องเลยจากศาลเจ้านั้นมา เดินๆๆๆๆๆๆๆกลับทางเดิม(แฮ่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) (มีคนช่วยเดินนะ) (จริงๆไม่จำเป็นต้องนั่งก็ถ่ายได้ แต่เมื่อยน่ะ ฮ่าๆๆๆ) (แวะชิมโคร๊อกเกะมันเทศ.. ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องมันมาก) เดินไปครึ่งทางไม่ไหวละ ปวดขาจัด ทั้งที่ไม่หิวเลยพักทานกลางวันซะเลย(หาเรื่องกินนั่นเอง) ร้านนี้พลอยเลือกเอง(ภูมิใจมาก) ชื่อร้านเป็นภาษาอิตาลีที่ถูกใจมากว่า ...Dolce far niente...
แปลเป็นไทยประมาณว่า ..ความหอมหวานของการอยู่เฉยๆ.. เหมาะกับพวกเราอย่างแรว๊งงงง
ที่เลือกร้านนี้ไม่ใช่อะไร คือร้านอยู่ชั้นสองเลยมีรูปอาหารหลอกล่ออยู่ริมถนนชั้นล่าง พลอยเห็นเลยหูตั้งหางกระดิกเดินตามไปโดยง่าย ขึ้นไปถึงไม่ผิดหวังเลย ร้านน่ารักม๊ากกกกกกกกกกก ร้านนี้เมืองไทยไม่ค่อยมี(หรือยังไม่เคยเห็นนะ) คือเป็นร้านอาหารอารมณ์คอฟฟี่ช็อป ที่มีเหล้าขายอย่างอลังการด้วย ช๊อบบบบบบบบบ (แต่ไม่ได้กินเหล้านะยังวันๆอยู่เลย) อาหารที่สั่งมามีเป็นเซ็ต คือมีสลัด(ไม่ค่อยอร่อย) พาสต้า(อร่อยมากๆทุกจาน) และเครื่องดื่ม ราคาไม่แพงประมาณพันเยนนิดๆ พอจัดการอาหารเสร็จก็ต่อกันที่ของหวาน ซึ่งถ้าสั่งเซ็ตจานหลัก ของหวานจะได้ลดร้อยเยน สั่งมาสองจาน อันนี้อร่อยเกินไปแล้ว บราวนี่ฉ่ำและขมสมใจ ส่วนไอศกรีม(น่าจะไฮเก้นดาส)ก็อร่อยล้ำ เอาไปสิบเต็มเน้นๆ ส่วนอีกจานนึงสวย แต่รสชาติเฉยๆ น่าจะเพราะจานแรกอร่อยมากแล้วน่ะ เอาล่ะ นั่งพักหายเหนื่อยเดินต่อดีกว่าเนอะ.. เดินต่อพบร้านของstudio jibli ในฐานะแฟนพันธุ์แท้เลยเดินเข้าไป ถ่ายรูปๆๆๆๆๆ คือพักนีงมีคนมาบอกว่าห้ามถ่ายนะค๊า เราเลยหยุด ไม่เป็นไร ถ่ายได้เยอะแล้ว ฮาๆๆๆๆ แต่ไม่ได้ซื้ออะไรมา แพงอ่ะ Y_Y ร้านนี้ก็ชอบ แมวยกร้าน น่าร้ากกกกกกกกกกกกกก แต่ที่ซื้อมาคือเจ้านี่ น่ารักที่สุด ที่สุด ที่สุด ................................................................................................
Free TextEditor
Create Date : 15 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 15 สิงหาคม 2552 23:08:35 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1271 Pageviews. |
|
|
เพิ่งมาเจอที่ bloggang
ชอบน้องพลอย แบบมีความมั่นใจในตัวเองสูงดี ชอบๆๆค่ะ