เจิมก่อน ไม่ได้ เดี๋ยวเสร็จพี่เล็ก

อยากให้ความเห็นว่าช่วงแรกให้ไปส่งเอง ถ้ามีปัญญานะแม้ว่านั่งรถ รร.อ่ะ แต่ส่งเสร็จถ้า รร. อนุญาตให้อยู่ก้ออยู่สักพัก พยายามล่อหลอกว่าแม่รออยู่ข้างล่าง ดูเพื่อนสิ ไม่มีพ่อแม่มานั่งในห้องเรียนเลย

หรือตัดใจไปเลย หันหลังกลับเวลาลูกร้อง ครูเค้ามีวิธีแก้ปัญหานี้เองคะ

หนูว่า ถึงเวลาแล้วทุกอย่างจะโอเอง

อย่ากังวลมาก

ช่วยมั้ยเนี่ย อิอิ

การส่งลูกไปโรงเรียนไม่ใช้เรื่องยากเลยคะ สิ่งที่สำคัญคือตัวเราเองคะที่ไม่ต้องกังวล คุณครูจะมีประสบการณ์เยอะมากเกี่ยวกับเด็กจะมีวิธีหลอกล่อ ตัวเราเองต้องไม่กังวล ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แล้วเขาจะค่อยๆ ปรับตัวเขากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้เอง

ส่วนเรื่องการไม่สบายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คะ แต่เราป้องกันได้โดยให้ลูกเราออกกำลังกายสร้างภูมิ อยากกลัวกับเชื้อโรคให้มากเพราะยิ่งกลัวมันจะยิ่งมา เหมือนเราหลีกหนีเชื้อโรคเท่าไร เรายิ่งไม่มีภูมิของมันก็จะยิ่งเป็นคะ

สวัสดีจ้า

เอามาแชร์กันเนาะ อิอิ

ยายเคยให้ลูกของยายไปเรียนโรงเรียนเอกชนที่ไกลมากมากค่ะ

ยายให้ลูกนั่งรถบัส ไปเรียนตั้งแต่เข้าอนุบาล ตอนนั้นเจ้าตัวเล็กของยาย อายุ3 เกือบ4ขวบได้ค่ะ

วีระกรรมวันแรก เจ้าตัวเล็กของยายหลง !!! ขึ้นรถบัสนักเรียนผิดคัน

ไปลงอีกที่ซึ่งไกลมากเหมือนกันเพราะคนละอำเภอเลยค่ะ

แล้วเข้าก็นำลูกยายมาส่งที่โรงเรียน ยายซีดเลยตอนนั้นเป็นห่วงลูกมากมาก

ยายเลยคิดหนักเลยว่าคิดถูกหรือคิดผิดน้านี่ให้ลูก
เรียนไกลบ้านไกลอกยาย ขนาดนี้แถมไกลสายตาอีก

ยายเลยคิดว่า ลองดูลูกสิว่าลูกจะเป็นยังไงบ้างรอดูสัก 1 สัปดา์ห์็ปรากฏว่า

เจ้าตัวเล็กของยาย ไม่หลงแล้วค่ะ เธอกลับมีเพื่อนๆที่น่ารัก มีสังคมที่ดี และรู้จักช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นอย่างดี

ยายเลยตัดสินใจไม่ผิด ที่ให้ลูกไปเรียนไกลยาย

ปล.แต่ยายหนูของยาย ก็ไม่ได้ไปเรียนคนเดียวน้าคะ มีเพื่อนใกล้ๆบ้านไปเรียนด้วย อิอิ

แต่ยายว่าใกล้ไกลไม่สำคัญ สำคัญที่ว่า เราจะทำยังไงให้ลูกแข็งแกร่ง เป็นคนดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือตัวได้

แต่่ยายคิดว่า ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้ก็คือ
เริ่มจากการปลูกฝังให้เจ้าตัวเล็กได้เห็นในสิ่งที่ดีดี และเมื่อเห็นในสิ่งที่ไม่ดีก็ต้องบอกว่า แบบนี้ไม่ดีน้าค่ะ

เป็นแบบอย่างทีี่ดี ส่วนวิธีการเลี้ยงลูกที่ดีนั้นมีหลากหลายวิธีเลยค่ะ ว่างๆ เข้าไปบลอคยายน้าคะ

ยายก็กำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับการดูแลการเลี้ยงลูก เหมือนกันค่ะอิอิ
ให้วันนี้และทุกวันแกเป็นเด็กดีที่น่ารัก และเป็นคนเข้มแข็ง

เพราะตอนนี้ยายต้องดูแลเจ้าตัวเล็กคนใหม่ของบ้านอีก1คน
อายุ 10วันอิอิ ถ้า้มีเวลาแวะไปแชร์ประสบการณ์ดีดีให้ยายฟังบ้างน้าคะ

ปล. ยายเชื่อมั่นในตัวคุณค่ะว่าคุณต้องเลี้ยงยายหนู ให้น่ารักและเป็นเด็กที่ดีมากมากคนหนึ่งได้ แค่เพียงคุณมองหาสิ่งที่ดีดีต่างๆ ให้แก นับว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากมาก ยายจึงเชื่อว่ายายหนูของคุณในวันข้างหน้าต้องเป็นเด็กดีที่น่ารักของคุณพ่อและก็คุณแม่
และทุกๆคนที่อยู่รอบข้างต้องหลงรักเธอแน่นอนค่ะ

บ้ายบาย .............

1.พ่อๆแม่ๆ เอาลูกเข้ารร.ตอนอายุเท่าไหร่คะ?
- มีเรียนซัมเมอร์ปรับตัวตอนเดือนเมษายน ก่อนเปิดเรียน 1 เดือน ตอนนั้นลูกเจี๊ยบอายุ 3 ขวบ 3 เดือนค่ะ

2. รร.ใกล้ไกลจากบ้านแค่ไหนเอ่ย? เลือกรร.อย่างไรคะ?
- ใกล้บ้านก่อนเลยค่ะ รวมทั้งได้ข้อมูลจากเพื่อนบ้าน และไปดูสถานที่เองแล้วก็โอเคค่ะ

3. พ่อๆแม่ๆ เตรียมความพร้อมกับลูกนานไหมคะ? และเตรียมการอย่างไรบ้าง?
- ของลูกเจี๊ยบเตรียมตั้งแต่ 2 ขวบครึ่งได้ค่ะ พาไปเรียนจิมโบรี แล้วเรียกว่าโรงเรียน จนใกล้เวลา ก็บอกไปว่าโตแล้ว ต้องไปเรียนโรงเรียนใหญ่ ๆ แล้ว รวมทั้งอ่านนิทานเกี่ยวกับการไปโรงเรียนให้ฟังบ่อย ๆ ด้วยค่ะ

4.ลูกให้ความร่วมมือไหมคะ?
- ให้ความร่วมมือดีค่ะ

5. ลูกๆนั่งรถรร. หรือ คุณพ่อคุณแม่ไปรับไปส่งคะ? หากนั่งรถรร. จัดให้ตั้งแต่วันแรกเลยไหมคะ?
- นั่งรถโรงเรียนค่ะ เพราะไม่สะดวกรับส่งเอง รถโรงเรียนของที่นี่วันแรกให้คุณพ่อคุณแม่ไปส่ง ส่วนขากลับให้เริ่มกลับรถตู้เลยค่ะ จะมีครูประจำรถตู้มารับที่ห้องค่ะ ลูกเจี๊ยบนั่งรถตู้ก็ได้สังคมในรถตู้อีกด้วยค่ะ แต่นั่งรถตู้คุณหมอลูกเจี๊ยบบอกว่าไม่ควรนั่งเกินครึ่งชั่วโมงค่ะ จะติดเชื้อโรคไม่สบายง่ายค่ะ

6. เมื่อลูกเริ่มไปรร. คุณพ่อคุณแม่จัดการอย่างไรช่วงเช้าที่เร่งรีบบ้างคะ หากลูกเกิดอิดเอื้อน,งอแง ไม่ยอมอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว ทานข้าวเช้า?
- ข้อนี้ เป็นหน้าที่คุณย่า เห็นว่าหลอกล่อกันพอสมควรค่ะ เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ค่ะ แต่ส่วนมากถ้าลูกได้นอนเต็มอิ่ม ตื่นเช้ามาก็จะง่ายหน่อยค่ะ

7. หากลูกๆไม่งอแงเลย คิดว่าเคล็ดลับของพ่อๆแม่ๆ คืออะไรคะ?
- คิดว่าเด็กในวัยนี้ต้องการมีเพื่อนค่ะ ซึ่งพอไปโรงเรียนแล้วเค้าก็จะสนุกได้เล่น ได้เรียนรู้ แล้วก็าจะทำให้ชอบการไปโรงเรียนในที่สุดค่ะ

8. หากลูกงอแง...งอแงอยู่นานไหมคะ กว่าจะเข้าที่ และลูกยอมรับความจริง 5555
- ไม่งอแงค่ะ มีบางวันเท่านั้นที่นอนไม่พอ ก็จะงอแงนิดหน่อยค่ะ

9. รับมืออย่างไรกับการเจ็บป่วย หลังจากที่ไปเรียนแล้ว?
- ทำใจค่ะ รักษาไปตามอาการค่ะ เตรียมยาพื้นฐานประจำติดบ้านไว้ตลอดค่ะ

ตอบครบทุกช้อเลยนะค้า ไหน ๆ ก็ไม่ได้เจิมแล้ว 555

1.พ่อๆแม่ๆ เอาลูกเข้ารร.ตอนอายุเท่าไหร่คะ?

2.8 ขวบจ้ะ

2. รร.ใกล้ไกลจากบ้านแค่ไหนเอ่ย? เลือกรร.อย่างไรคะ?

ห่างจากบ้านประมาณ 10 นาที เลือกรร.ที่ใกล้บ้านอย่างเดียวเลย ได้ใกล้บ้านแล้วก้อดูสิ่งแวดล้อมและการเรียนการสอนของรร.อีกที

3. พ่อๆแม่ๆ เตรียมความพร้อมกับลูกนานไหมคะ? และเตรียมการอย่างไรบ้าง?

ประมาณต้นปีก้อไปหารร. พาลูกไปดูด้วยทุกที่ บอกลูกว่าลูกจะต้องไปรร.แล้วนะ รร.เป็นหยั่งงี้หยั่งงี้ อธิบายให้เค้าฟัง

4.ลูกให้ความร่วมมือไหมคะ?

ให้ความร่วมมือดีค่ะ ประมาณว่าเบื่ออยู่บ้านเต็มทนแล้วจ้า

5. ลูกๆนั่งรถรร. หรือ คุณพ่อคุณแม่ไปรับไปส่งคะ? หากนั่งรถรร. จัดให้ตั้งแต่วันแรกเลยไหมคะ?

มอบหน้าที่รับส่งให้คุณยายเลยจ้ะตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน ส่วนตัวนับจำนวนครั้งที่ไปรับส่งลูกได้เลย



6. เมื่อลูกเริ่มไปรร. คุณพ่อคุณแม่จัดการอย่างไรช่วงเช้าที่เร่งรีบบ้างคะ หากลูกเกิดอิดเอื้อน,งอแง ไม่ยอมอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว ทานข้าวเช้า?

หน้าที่คุณยาย (อีกแล้วคับท่าน)

7. หากลูกๆไม่งอแงเลย คิดว่าเคล็ดลับของพ่อๆแม่ๆ คืออะไรคะ?

น่าจะอยู่ที่ตัวเด็กด้วย เด็กคงพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง หรืออาจจะชอบเข้าสังคม ชอบมีเพื่อนเยอะๆ คุณครูใจดี ฯลฯ

8. หากลูกงอแง...งอแงอยู่นานไหมคะ กว่าจะเข้าที่ และลูกยอมรับความจริง 5555

ไม่งอแงเรื่องไปรร. แต่จะงอแงเพราะโดนเพื่อนแกล้งทำให้ไม่อยากไป เวลาลูกงอแงก้อจะต้องมาหาสาเหตุว่าทำมัยถึงงอแงแล้วก้อหาทางแก้ไข

9. รับมืออย่างไรกับการเจ็บป่วย หลังจากที่ไปเรียนแล้ว?

ทำใจให้สบาย ไม่เครียดมาก(แม้จะทำยาก) เพราะเคยแล้วมันทำให้ลูกพลอยเครียดไปอีกคน ถือซะว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเจอ รักษาไปตามอาการ

โชคดีนะคะพี่ติ๋ม อย่าจิตตกมากมายนะพี่ ทุกอย่างมันต้องมีการเริ่มต้น

พาเจ้าตัวเล็กของยายมาฝากรักคนน่ารักบ้านนี้
และฝากหอมแก้มน้ำหวานน้อยอีก 1 ที
แล้วบอกว่าขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีดีอีกวันของหนูน้าคะ

1.พ่อๆแม่ๆ เอาลูกเข้ารร.ตอนอายุเท่าไหร่คะ?

ทีแรกตั้งใจให้มะเฟืองเข้าเรียน อ.1 ตอน 3.10 ขวบ แต่พอดีคลอดมะขามซะก่อน เลยให้ไปเข้าเตรียมอนุบาลเทอม 2 ตอน 3.4 ขวบค่ะ

2. รร.ใกล้ไกลจากบ้านแค่ไหนเอ่ย? เลือกรร.อย่างไรคะ?

ไม่ไกลค่ะ อยู่ใกล้ ๆ แถวบ้านเม้งอ่ะคะ เลือกใกล้บ้านเน้นเป็นอันดับแรกค่ะ เป็นรร.อนุบาลอย่างเดียว

3. พ่อๆแม่ๆ เตรียมความพร้อมกับลูกนานไหมคะ? และเตรียมการอย่างไรบ้าง?

เรื่องเตรียมความพร้อม ไม่ค่อยได้เตรียมเท่าไหร่ค่ะ ส่วนมากจะเป็นการคุยเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนให้ฟัง ว่าไปแล้วมีเพื่อนเล่น มีของเล่น มีคุณครู แล้วก็พาไปดูโรงเรียน

4.ลูกให้ความร่วมมือไหมคะ?

ช่วงแรกก็ให้ความร่วมมือดีมากค่ะ แต่พอไปได้อาทิตย์ก็เริ่มงอแงแล้ว

5. ลูกๆนั่งรถรร. หรือ คุณพ่อคุณแม่ไปรับไปส่งคะ? หากนั่งรถรร. จัดให้ตั้งแต่วันแรกเลยไหมคะ?

ช่วงแรกคุณพ่อเค้าไปรับไปส่งค่ะ ตอนนี้ใช้รถโรงเรียน


6. เมื่อลูกเริ่มไปรร. คุณพ่อคุณแม่จัดการอย่างไรช่วงเช้าที่เร่งรีบบ้างคะ หากลูกเกิดอิดเอื้อน,งอแง ไม่ยอมอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว ทานข้าวเช้า?

ก็คุยค่ะ หลอกล่อสารพัด แล้วแต่สถานกราณ์ตามวัน 555

7. หากลูกๆไม่งอแงเลย คิดว่าเคล็ดลับของพ่อๆแม่ๆ คืออะไรคะ?

คิดว่าอยู่ที่ตัวเด็กนะคะพี่ติ๋ม ว่าเค้าปรับตัวเข้ากับรร. และเพื่อน ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน

8. หากลูกงอแง...งอแงอยู่นานไหมคะ กว่าจะเข้าที่ และลูกยอมรับความจริง 5555

555555 เป็นอยู่เกือบเทอมค่ะ เป็นช่วง ๆ โดยเฉพาะวันจันทร์มากสุด วันอังคารเริ่มลดระดับลงหน่อย วันพุธ น้อยลงอีกนิด วันพฤหัสเฉย ๆ วันศุกร์ร่าเริงสุด ๆ พร้อมบอกว่าวันจันทร์หนูไม่ร้องให้แล้วค่ะ แต่....วันจันทร์ก็เหมือนเดิมค่ะ กร๊าก.....55555

แต่พอขึ้นอ.1 ก็แทบไม่ร้องแล้วค่ะ

9. รับมืออย่างไรกับการเจ็บป่วย หลังจากที่ไปเรียนแล้ว?

รักษาไปตามอาการค่ะ เรื่องนี้ต้องทำใจค่ะ