บทบาทหน้าที่ชีวิต
เพื่อนๆเคยลองตั้งคำถามกับตัวเองมั้ยคะ? ว่าในชีวิตเราทุกวันนี้มีกี่บทบาทกัน?
แล้วสงสัยมั้ยว่าทำไมต้องตั้งคำถามนี้ขึ้นมา?

นี่เป็นการตั้งสมมติฐานส่วนตัวค่ะ และคิดว่าสิ่งนี้ที่จะนำมาเล่าให้ฟังจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน เพื่อให้ทุกคนมีความสุขอย่างรอบด้านหรือแม้กระทัั่งตัวเราเอง ถ้าสามารถที่จะแบ่งและจัดสรรปันส่วนของบทบาทหน้าที่ชีวิตได้ เราเชื่อว่าชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน

การมานั่งเรียบเรียงบทบาทของตัวเองจะทำให้เราสามารถจัดสรรชีวิตเราให้ดียิ่งขึ้น การโฟกัสแค่บทบาทเดียวมันไม่ได้ทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้อย่างแท้จริง  หากมานั่งเรียบเรียงคิดว่ามนุษย์ทุกคนก็น่าจะมีททบาทที่คล้ายๆกันนะ ในหนึ่งคนมีหลายบทบาท บทบาทการเป็นพ่อแม่ , บทบาทกการเป็นสามีภรรยา , บทบาทในหน้าที่การงาน ฯลฯ โดยส่วนใหญ่แล้วทุกคนจะโฟกัสและให้ความสำคัญที่บทบาทหน้าที่การงานซะมากกว่า น้อยคนที่จะมานึกและคิดว่าจริงๆแล้วบทบาทอย่างอื่นแทบสำคัญไม่แพ้กันเลย

การให้ความสำคัญแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่งมากจนเกินไปจะทำให้ชีวิตเราขาดสมดุลได้ ชีวิตเราไม่ได้มีแค่เรื่องงาน เรื่องครอบครัวเพียงอย่างเดียว ทุกสิ่งล้วนมีความสำคัญด้วยกันอย่างยิ่ง การมาเรียบเรียงแต่ละบทบาทในชีวิตจะทำให้เรารู้ว่าในแต่ละบทบาทนั้นควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างสำหรับชีวิตเราเองคิดว่าน่าจะมี บทบาทหน้าที่การงาน , บทบาทการเป็นลูก , บทบาทการเป็นเพื่อนและบทบาทการเป็นแฟน ถามว่าเคยมีใครมานั่งโฟกัสและให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มั้ย? น้อยนะหรือบางคนก็ไม่สนใจซะด้วยซ้ำว่าถ้าเราสามารถที่จะมานั่งเรียบเรียงและมานั่งจัดลำดบความสำคัญตรงนี้ได้ บางทีอาจจะพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลยทีเดียว 

บางคนทำงานยุ่งมากๆ จนลืมไปว่าคุณเองก็มีบทบาทความเป็นพ่อแม่ การให้บทบาทอื่นเข้ามามีอิธิพลจนทำให้ต้องละเลยอีกหลายบทบาทในชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ผิดผลาดอย่างรุนแรง ยิ่งครอบครัวไหนไม่เข้าใจกันก็ยิ่งทำให้เกิดความห่างเหินได้อย่างเลี่ยงไม่ได้ จนนำไปสู่ครอบครัวแตกแยกกว่าจะรู้ตัวก็สายไปซะแล้ว หรือบางคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองก็บกพร่องในหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองก็บกพร่องจริงๆนั่นแหละ

บทบาทหน้าที่การทำงาน
เคยสงสัยตัวเองมั้ยว่าในบทบาทหน้าที่การทำงานนั้นเรามีจุดด้อยกว่าคนอื่นหรือไม่ มีจุดอ่อนอะไรบ้าง ที่ทำให้เราไม่ยอมก้าวหน้าสักทีหรือรู้สึกว่าทำไมตัวเองทำงานมาก็หลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่ไปไหน จริง ๆ ถึงแม้ว่าเราจะเรียนจบมานานแล้วก็จริงแต่การเรียนรู้ไม่คววรหยุดนิ่งเพียงใบปริญญาเท่านั้น โลกมีการหมุนตลอดเวลา สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การไม่พัฒนาตนเองจะเป็นตัวที่ปิดกั้นให้เราไม่ไปไหน ไม่มีทางเลือกหรือท้ายที่สุดคือไม่มีงานทำ อีกทั้งการไม่ตั้งใจและใส่ใจในหน้าที่การงานของตัวเองก็เป็นตัวแปรให้เราด้อยกว่าคนอื่น จุดอ่อนของแต่ละคนก็มีต่างกันค่ะ บางคนขี้เกียจ บางคนไม่ใส่ใจหรือบางคนมาทำงานเพียงไปวัน ๆ ให้มันหมด ๆ ไปเท่านั้น การไม่เคยสำรวจตัวเองเลยว่ามีข้อบกพร่องอะไรบ้าง นั่นถือเป็นการเพิกเฉยต่อตัวปัญหาที่คอยฉุดรั้งชีวิตให้ต่ำลง การไปนั่งโทษโชคชะตาว่าไม่มีทางเลือก เกิดมาต้นทุนต่างกัน ชีวิตไม่มีทางที่จะไปสู้คนอื่นได้ นี่คือทัศนคติที่ผิดถนัด ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมถึงยังไม่ไปไหน ขนาดแค่ความคิดก็ยังไม่ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเองเลย แล้วใยจะไปต่อสู้กับคนอื่นในสังคมได้ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคือคนที่มีแรงพลักดันในตัวเองสูง ไม่ย้อท้อต่อปัญหา แต่การต่อสู้กับปัญหาจะใช้เพียงแรงพลักดันเท่านั้นคงไม่สำเร็จ ต้องอาศัยความรู้ที่จะเป็นตัววางแผนและขับเคลื่อน หากมีเพียงแรงสู้ให้ตายก็อยู่ที่เดิมเหนื่อยเปล่าค่ะ หนำซ้ำเพราะความไม่รู้ก็ทำให้เราเดินมาผิดทาง การศึกษาและเปิดรับข้อมูลใหม่ ๆ อยู่สม่ำเสมอจะทำให้เรามีอาวุธในการจัดการกับปัญหามากขึ้น การสังเกตุคนที่มีความสำเร็จในชีวิตและเอามาปรับใช้จะทำให้เรามีแนวทางในการที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ลักษณะและสไตล์การทำงานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่องค์ประกอบโดยรวมก็คงจะคล้าย ๆ การ คือความเข้าใจในเนื้องานและตำแหน่งที่ทำอยู่ การใส่ใจรายละเอียดสังเกตุสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้องานฝึกความละเอียดรอบคอบจะทำให้เราผิดพลาดในงาน้อยลง การทุ่มเทกับงานอย่างเต็มในเวลางาน นอกจากงานจะเดินไวแล้ว คนที่เป็นหัวหน้าหรือคนใกล้ตัวเขาจะเห็นถึงความตั้งใจของเรามันอาจจะมีผลต่อโบนัสของเราก็ได้นะ การโฟกัสในหน้าที่การงานก็สำคัญแต่อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ก็อย่าเอามาเก็บ อย่างเพื่อนที่ทำงานบางคนขี้นินทา ชอบเม้าท์คนอื่น คนแบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาเอามาคิดให้รกสมองค่ะ เราจะต้องแบ่งแยกในหน้าที่การงานให้ออกว่าอะไรที่สำคัญและอะไรที่ไม่สำคัญ การเอาสมองมานั่งคิดเรื่องไร้ประโยชน์บางครั้งก็ทำให้เราจิตตกพลอยทำให้ไม่อยากทำงานไปด้วย การฝึกตัวเองให้มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ใส่ใจ ละเอียดรอบคอบ ฉลาดเรียนรู้ แบ่งเวลาให้เป็น โฟกัสให้ถูก ชีวิตมันก็เดินหน้าต่อไปได้ แม้จะมีปัญหามากมายแต่สิ่งที่แน่นอนคือการไม่หยุดอยู่กับที่ ค่อย ๆ เดินไปตามศักยภาพที่เรามีก็ยังดีกว่าไม่ยอมทำอะไรเลยแล้วมานั่งโทษโชคชะตานะคะ


บทบาทหน้าที่การเป็นพ่อแม่
จริง ๆ เราเองก็ยังไม่ได้เป็นพ่อแม่คนหรอกนะคะแต่จะเขียนเอาจากประการณ์ของครอบครัวหรือตัวอย่างที่เห็นจากรอบตัวนำมาปรับใช้ บทบทการเป็นพ่อแม่เป็นบทบาทที่ยิ่งใหญ่และสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างคน ๆ หนึ่งให้เติบโตในสังคม สามารถชี้ถูกผิดชีวิตคน ๆ หนึ่งได้สบาย การเป็นพ่อแม่ไม่ได้มีเพียงการให้กำเนิดคน ๆ หนึ่งเท่านั้นแต่หมายถึงการสร้างมนุษย์คนหนึ่งให้เป็นคนดีหรือคนเลวได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อาศัยหลายปัจจัยที่จะคน ๆ หนึ่งเป็นคนแบบไหน สิ่งที่เห็นในสังคมของเราคือการละเลยหน้าที่ตรงนี้เยอะมากแต่ไม่มีใครรู้ตัวค่ะ สิ่งที่เห็นจากครอบครัวของคนต่างชาติครอบครัวหนึ่งพอดีมีโอกาสได้ร่วมงานกัน เขามีลูกชายอยู่สอคนแต่คนหนึ่งหากมองด้วยสายตาปกติเราก็เห็นว่าลูกชายของเขาเป็นเด็กที่ซนคนหนึ่ง อาจจะมีบ้างที่เอาแต่ใจ ในเวลาที่เขาไม่ได้อย่างใจเด็กคนนั้นก็จะโวยวายแสดงความไม่พอใจ เราก็คิดว่าคงไม่ได้เป็นอะไรมากคงเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่เปล่าเลยค่ะครอบครัวนี้เขาใส่ใจอย่างมากและพาลูกชายที่เอาแต่ใจคนนี้ไปปรึกษาหมอเฉพาะทาง แล้วทางหมอเฉพาะทางก็นำไปทดสอบตามขั้นตอน ซึ่งต้องผ่านการทดสอบหลายครั้ง จนสุดท้ายแล้วเมื่อหมอวินิจฉัยออกมาบอกว่าน้องคนนี้เป็นคนที่มีอารมณ์ไปนิ่งและไม่ปกติซึ่งจะต้องทำการบำบัดก่อนอายุ 7 หรือ 9 ขวบนี่แหละและน้องเขาอีกปีเดียวก็จะครบตามที่หมอบอก เพราะถ้าเกินกว่านี้จะรักษายากขึ้นหรือไม่มีทางที่จะหายเลยแต่ทางประเทศไทยนั้นยังไม่มีหมอเฉพาะทางด้านนี้(อันนี้จริงหรือเปล่าไม่แน่ใจแต่ทางครบครับเขาแจ้งมาแบบนั้น) สุดท้ายเขาก็ลาออกจากงานและบินกลับประเทศในเวลาหลังจากนั้นไม่กี่เดือน ซึ่งถ้าเป็นเราคงไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น หากว่าครั้งนนั้นถ้าครอบครับไม่ได้พาไปหาหมอเฉพาะทางโตมาน้องเขาจะมีภาวะอารมณ์ทางจิตใจและส่งผลต่อสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเลี้ยงดูของพ่อแม่จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากที่จะสร้างมนุษย์คนหนึ่งขึ้นมาที่จะเติบโตในสังคมได้อย่างมีประสิทธภาพ การเลี้ยงลูกอย่างเข้าใจกับการเลี้ยงลูกโดยการบังคับไม่เหมือนกัน คนเป็นพ่อแม่ก็เหมือนนักจิตวิทยาคนหนึ่งที่จะสู้รบปรบมือกับคนไข้ที่ขึ้นชื่อว่าลูก เราจะเลี้ยงลูกโดยการบังคับไม่ได้แต่เราต้องมีกลยุทธ์ในการที่จะสอนเขาให้เขาเติบโตได้อย่ามีประสิทธิภาพ การเติบโตของเด็กคนหนึ่งตามความพอใจของเราไม่อาจสามารถยืนยันได้ว่าเด็กคนนี้จะมีประสิทธิภาพในสังคมหรือเปล่า? เก่งแต่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมก็ถือว่ายังไม่มีประสิทธิภาพ การให้เวลากับครอบครัวจึงเป็นรากฐานของสังคมถ้าเราอยากเห็นสังคมที่ดีในอนาคตก็คือการสร้างสังคมในครอบครัวของเรานี่แหละ ฉะนั้นแล้วการเลี้ยงดูลูกของเราก็คือการสร้างมวลมนุษยชาติดี ๆ นั่นเอง

บทบาทสามีภรรยา
นี่ก็เช่นกันที่ตัวเองยังไม่มีประสบการณ์ด้านการแต่งงานหรือมีครอบครัว อาจจะไม่ได้แนะนำได้จากประสบการณ์ส่วนตัวแต่อาจจะแนะนำได้จากการมองเห็นชีวิตของผู้อื่น ยกตัวอย่างครอบครัวหนึ่งที่เราอยากให้ครอบครัวเราเป็นแบบนั้นในอนาคต เป็นครอบครัวของพี่ที่รู้จักค่ะ เขาแต่งงานมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันมีลูกแล้ว 2 คน ทั้งซึ่งเข้าโรงเรียนหมดแล้วแต่ความเป็นสามี ภรรยาของเขายังหวานชื่นไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเหมือนว่าเขาเป็นแฟนกันใหม่ด้วยซ้ำไป ความหวานทำให้คู่รักหลายๆต้องยอมแพ้ พี่ผู้ชายเขาเป็นคนที่ไม่ได้โรแมนติกอะไรมากนะคะแต่เป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึกดีกว่า เขาไปไหนมักจะให้เครดิตกับที่บ้านเสมอ อย่างเช่นไปต่างจังหวัดโดยที่ไม่มีครอบครัวไปด้วยเขาจะแท็คหาภรรยาทุกครั้งและทุกครั้งแสดงถึงความห่วงใยและคิดถึง โดยที่ไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าคิดถึงแต่เราอ่านเรารับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาผ่านทางตัวอักษร ต่อมาคือการมีเวลาส่วนตัวในฐานะ สามีและภรรยา เพราะในทุกๆวันเราคงทำหน้าที่บทบาทความเป็นพ่อแม่ซะส่วนใหญ่ น้อยคนที่จะยอมรับว่าตัวเองได้ละเลยความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาออกไป สำหรับพี่คนนี้เขาจะมีวันเดทไนท์ค่ะคือ 1 อาทิย์เขาจะเดทกันสองคนโดยที่ไม่มีลูก ๆ เข้ามาเกี่วข้อง ไม่ว่าจะไปดูหนัง ฟังเพลง ไปกินข้าว ก็ไปกันสองคน บางคนอาจจะคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญแต่จริง ๆ แล้วมันสำคัญอย่างยิ่งเลยทีเดียว การมีลูกแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีและให้ความสำคัญที่สุดแต่ใช่ว่าเราจะละเลยหรือทิ้งบทบาทการเป็นสามี ภรรยาออกไป เราจำเป็นที่จะต้องหาโอกาสให้กันและกันเสมอ เพราะความสัมพันธ์ของพ่อแม่เป็นสิ่งที่จะสร้างครอบครัวให้สำเร็จขึ้นได้ หากเราไม่ได้สนใจวันใดวันนึงก็อาจจะสายเกินไปในการที่จะใส่ใจและแก้ไขไปซะแล้ว ยิ่งปัจจุบันเราแทบจะไม่ให้ความสนใจเลยกันเลย กลับให้ความสำคัญกับบุคคลภายนอกมากกว่าครอบครัวตัวเอง การได้มีเวลาระหว่างสามีภรรยา มันจะเป็นการพูดคุยหรือปรับทัศนคติให้ตรงกันในการดูแลครอบครัว การได้มานั่งจับเข่าคุยกันบ่อย ๆ จะเป็นตัวรักษาและป้องกันเราออกจากปัญหาหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว ปัญหาในครอบครัว เพราะสามีภรรยาคือเพื่อนคู่คิด ถ้าคิดไม่ตรงกันก็อยู่ด้วยกันลำบาก การคิดไม่ตรงกันนั้นมันสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้อยู่ที่ว่าทั้งสามีและภรรยาจะยอมเปลี่ยนแปลงที่จะเข้าหากันคนละครึ่งทางหรือเปล่า? ฉะนั้นแล้วให้เรามาสำรวจว่าทุกวันนี้เราปล่อยปละละเลยความสัมพันธ์นี้มานานแค่ไหนกัน เริ่มวันนี้ก็ไม่สายนะคะ ไม่มีใครไม่ชอบการแสดงความรักจากคนคนที่เรารักหรอกค่ะ หากเราไม่เคยทำก็ลองชวนกันไปทำหรือหาโอกาสพิเศษให้กันและกันเสมอแม้ว่าลูก ๆจะแต่งงานมีครองครัวแล้วก็ตาม เพราะไม่มีใครที่จะอยู่เคียงข้างคุณไปจนแก่เฒ่าข้าง ๆ คนของคุณอีกแล้ว วันหนึ่งลูก ๆ ก็ต้องไปแต่งงานมครอบครัวแต่คนข้างกายคนนี้ต่างหากที่จะเป็นเพื่อนของคุณไปตลอด เราอย่าไปคิดว่าสามีหรือภรรยาคือคนอื่น เพราะการคิดแบบนี้เท่่ากับการพลักไสเขาออกไปโดยไม่ทันคิด หากเราต่างคนต่างคิดว่าคนข้างกายสำคัญสำหรับกันและกันเชื่อเถอะค่ะว่าไม่มีใครที่จะอยู่เคียงข้างคุณแล้วมีความสุขมากเท่านี้มาก่อน

บทบาทหน้าที่การเป็นลูก
จริง ๆ แล้วตัวเราเองยังบกพร่องมาก ๆ ในฐานะของการเป็นลูกนะคะ คือรู้ว่าตัวเองมีจุดบกพร่องแต่ก็มีหลายอย่างที่ไม่สามารถเอาชนะได้ ชีวิตครอบครัวตัวเองก็มีปัญหาซึ่งถ้านำเอาปัญหาเหล่านั้นมาบอกคงไม่จบง่าย ๆ แน่ ๆ พื้นฐานโดยครอบครัวเป็นครัวพ่อแม่ลูกที่ไม่สมบูรณ์ทั้งความใกล้ชิดที่หาโอกาสได้ไม่บ่อยหนัก ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่เลยทำให้ทัศนคติและการใช้ชีวิตของพ่อแม่ลูกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเพราะสังคมและวัฒนธรรมที่อยู่ต่างการทำให้การเติบโตและการปลูกฝังไม่เหมือนกัน เวลาพูดคุยกันก็คุยได้ไม่มาก มักจะทะเลาะกันบ่อย ซึ่งในฐานะความเป็นลูกเรารู้ว่าการเถียงพ่อแม่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่บางครั้งความคิดของพ่อแม่เราก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด หลายครั้งจึงนำไปสู่การทะเลาะ แต่หลัง ๆ มาเมื่อโตขึ้นเรามีความรับผิดชอบมากขึ้นทำให้เรารู้ว่าพ่อแม่ของเรานั้นสำคัญอย่างไร ลูก ๆ ทุกคนอยากให้พ่อแม่สบายค่ะ เราทำทุกอย่างก็เพื่อเขา การเป็นลูกที่ดีนั้นเป็นได้ไม่ยากนะคะแต่การเป็นลูกที่พอใจพ่อแม่นั้นสำหรับเรายากมาก ๆ พ่อแม่อยากให้เราเป็นเหมือนดั่งที่เขาต้องการแต่เราไม่สามารถที่จะปฏิบัติแบบนั้นได้ แต่นั่นคือการใช้ชีชีวิต สิ่งที่เราควรทำคือการอยู่เคียงข้างพ่อและแม่ พ่อแม่ไม่ได้ต้องการอะไรมากแค่เราโทรหาเขาบ่อย ๆ ดูแลเขายามแก่เฒ่า ไม่ทอดทิ้งเขาในวันที่เขาลำบากนั่นคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังมีพ่อแม่บางคนที่มักจะเห็นความสุขของตัวเองมากกว่าความทุกข์ของลูก อย่างย่าของเราเป็นคนที่เอาแต่ใจมาก ๆ ไม่ชอบลูกเขย ลูกสะใภ้สักคน ทำครอบครัวของลูก ๆ แตกแยกหมดแต่เมื่อพ่อของเราเป็นพี่คนโต การที่จะทิ้งแม่คนนี้ไปคงไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้น แม้ว่าย่าจะนิสัยไม่ดีอย่างไรไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะทอดทิ้งเขาไป บางคนมีพี่น้อง 4-5 คนแต่ละโยให้ใครคนใดคนหนึ่งเลี้ยงซึ่งสิ่งเหล่านี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้น ครอบครัวของพ่อเราเองที่ประสบปัญหาเรารู้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่บกพร่องแต่จะนำเรื่องของครัวครัวแฟนมาแบ่งปันซึ่งต่างกันอย่างสุดขั้นกับครัวครัวของเราเลย พ่อแม่แฟนอยู่กันสองคนตั้งแต่ลูก ๆ ไปเรียนและจบไปทำงานหาเลี้ยงตัวเอง พี่น้องต่างคนต่างก็ส่งเงินให้พ่อแม่โดยไม่ขาดนะ อีกทั้งยังสลับสับเปลี่ยนไปเยี่ยมพ่อแม่บ่อย ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เมื่อพ่อแม่ล้มป่วนต้องเข้าโรงพยาบาลทุกคนก็ต้องเสียสละงานเสียสละชีวิตส่วนตัวเพื่อมาดูแล ไม่มีใครที่คิดว่านี่เธอต้องทำ นีเธอต้องรับผิดชอบ มีแต่ว่าจะช่วยกันอย่างไรเพื่อให้พ่อแม่ดีขึ้น การร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างพี่น้องทำให้ไม่ต้องลำบากใครคนใดคนหนึ่ง พี่ชายมีบ้านที่สามารถให้พ่อแม่เข้าพักได้ เขาก้เอาพ่อแม่ตัวเองมาอยู่ด้วย แต่เงินทองทุก ๆ เดือนพี่น้องที่เหลือก็ช่วยกันออกค่าใช้จ่าย ใครมีเวลาว่างก็ซื้อข้าวซื้อปลามาให้แบ่งเวลากันมาเยี่ยม การไปให้พ่อแม่เจอหน้าบ่อย ๆ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ แม้ว่าพ่อแม่เราจะไม่ได้เรียกร้องก็ตาม ฉะนั้นให้เรามาสำรวจตัวเองว่าเรายงมีข้อบกพร่องอะไรบ้างที่ทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ อะไรบ้างที่ทำให้เขาต้องลำบาก ค่อย ๆ วางแผนค่ะและแก้กันไป เราเองก็มีแต่ทุกวันนี้ก็พยายามหลายสิ่งแม้ว่าจะต้องลำบากเรามากขึ้นแต่เมื่อเห็นพ่อแม่สบายมันก็โอเคนะ เพราะไม่มีใครที่มีพระคุณเท่าพวกเขาอีกแล้ว

บาทบาทหน้าที่ของการเป็นเพื่อน
บทบาทนี้ก็สำคัญนะ เพราะบางครั้งเราก็ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน กันมีเพื่อนเยอะไม่ได้การันตีว่าคน ๆ นี้จะมีเพื่อนดี การมีเพื่อนน้อยและมีประสิทธิภาพต่างหากที่จะสร้างความสุขให้แก่เรา การเลือกคบเพื่อนก็สำคัญ บางคนเลือกคนเพื่อนที่นำไปสู่ชีวิตหลาย ๆ อย่าง เพื่อนบางคนให้รู้จักเพียงผิวเผินเท่านั้นเพื่อนส้รางสังคม เพื่อนบางกลุ่มไม่จำเป็นต้องไปสนใจหรือใส่ใจและเล่าทุกความเป็นไปของเราให้เขาฟังตราบใดที่ยังไม่ไว้ใจ เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เป็นเพื่อนนั้นจะมีเจตนาอะไรกับเรา บางครั้งมิจฉาชีพก็เข้ามาในลักษณะนี้ การเลือกคบเพื่อนจึงเป็นสิ่งที่จะกำหนดสังคมของเราได้ เพื่อนบางกลุ่มก็ให้ความสำคัญกับการสำมะเลเทเมา พาออกห่างจากครอบครัว เพื่อนมันจะสร้างความสุขให้เราได้นะแต่เวลาที่เรามีปํวยหามันจะเหลือเพียงมิตรแท้เท่านั้นแหละ การระวังตัว การรู้ว่าควรทำอะไรบ้างในชีวิตของตัวเองโดยที่ไม่ให้เพื่อนมามีบทบาทมากจนเกินไปจะทำให้ชีวิตเราดีมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมงเท่าครอบครัว การไปเที่ยวหากันบ้างในเวลาที่คิดถึงถามไถ่ความสุขของกันบ้างครั้งเพื่อไม่ให้ห่างจนเกินไป อย่างเพื่อนเรานาน ๆ จะเะจอกันทีค่ะและทุกครั้งที่เจอกันก็มักจะมีโปรเจคพิเศษ ไปทำบุญบ้าง ไปเที่ยวไกล ๆ บ้าง หรือเจอกันตอนที่เขาลำบากเราก็ไปช่วยเขา การมีเพื่อนที่คอยแบ่งปันชีวิตได้ก็ดีเหมือนกันนะ อย่างเรามีเพื่อนหลายกลุ่ม สนิทจริง ๆ 4-5 คน แต่ล่ะคนก็ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถปรึกษาได้ทุกเรื่อง เพราะบางคนทัศนคติเขาจะเป็นอีกอย่าง ฉะนั้นการเลือกคุยให้ถูกคนก็จะเป็นผลดีสำหรับเราเช่นกันเพราะบางคนไปพูดแล้วนอกจากจะไม่สามารถช่วยได้เราอาจจะให้คำแนะนำที่ผิดได้ การปรึกษาคนที่รู้เรื่องนั้น  ๆ จะเป็นประโยชน์กว่า เพื่อนไม่จำเป็นต้องเยอะมากแต่ขอให้เลือกเพื่อนที่ส่งผลดีต่อชีวิตของเรา สิ่งดีๆ บางครั้งก็ผ่านทางพกวเขานี่แหละ การจริงใจ การเป็นมิตรแท้สำหรับเพื่อนไม่อยากค่ะ แต่การเลือกมิตรแม้ต่างหากที่ยาก ฉะนั้นบทบาทหน้าที่นี้ก็ต้องจำกัดลำดับความสำคัญให้ดี ๆ อย่าให้เพื่อนที่ไม่เห็นว่าเราสำคัญมามีบทบาทกับชีวิตเรามากจนเกินไป

สุดท้ายนี้อยากจะพิมพ์มากกว่านี้นะแต่หมดอารมณ์ล่ะ อีกอย่างก็ขัดตอนเพราะพิมพ์ทิ้งไว้นานแล้วมาพิมพ์ต่อ อ่านแล้วได้ประโยชน์หรือไม่ก็อย่าว่ากันนะคะ สุดท้ายนี้เราลองมานั่งเรียบเรียงว่าชีวิตของเรามีบทบาทไหนบ้างที่เรายังไม่ได้จัดการหรือจัดสรรปันส่วนให้ดี เริ่มวันนี้ก็ไม่สายค่ะ ชีวิตคนเรามีเงินอย่างเดียวก็ไม่มีความสุข มีเพื่อนอย่างเดียวใช่ว่าจะสบาย เลือกความสมถะเกินไปโดยไม่สอดคล้องกับความต้องการของตัวเองก็ทำให้ทุกข์ได้เหมือนกัน ทุกบทบาทที่เกี่ยข้องกับเราล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าเราทำให้ดีทุกบทบาทเราเชื่อว่าหลาย ๆ ปัญหาอาจจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นก็ได้นะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ






Create Date : 26 สิงหาคม 2556
Last Update : 29 มีนาคม 2558 17:06:47 น.
Counter : 6153 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Annaria
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



บอกเล่าเรื่องราวและความรู้สึกผ่านตัวอักษร
New Comments
สิงหาคม 2556

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
31