Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
30 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

โรคภูมิแพ้อากาศ



ภูมิแพ้อากาศ

อาการแพ้อากาศ หมายถึงการที่เยื่อบุจมูกอักเสบและบวมทำให้เกิดอาการดังนี้ จาม คัดจมูก คันจมูก น้ำมูกไหล นอกจากนั้นอาจจะมีอาการทางเยื่อบุตาอักเสบ ไซนัสอักเสบ หรือคออักเสบ สำหรับสาเหตุของเยื่อบุจมูกอักเสบพบว่าเกิดจากโรคภูมิแพ้เป็นส่วนใหญ่ สาเหตุของเยื่อบุจมูกอักเสบอาจจะเกิดจากภูมิแพ้ หรือมิใช่ภูมิแพ้ก็ได้

กลไกการเกิดโรค

โรคที่เกิดจากโรคภูมิแพ้

เมื่อร่างกายได้รับสารภูมิแพ้ ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิชนิด IgE ภูมินี้จะไปกระตุ้น Mast cell (เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง) ทำให้ร่างกายมีการหลั่งสารเคมีหลายชนิด เช่น histamin,prostaglandin สารเหล่านี้ทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล

ผลของโรคภูมิแพ้

แม้ว่าโรคนี้จะไม่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต แต่หากเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้แบบรุนแรงอาจจะทำให้เกิด anaphylaxis นอกจากนั้นเราอาจจะพบโรคร่วมเช่น ไซนัสอักเสบ โรคหอบหืด หูชั้นกลางอักเสบ ผิวหนังอักเสบ
•มีโรคแทรกซ้อน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผู้ป่วยมีอาการมากขึ้น เช่น โรคไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ เพราะฉนั้นหากมีอาการคัดจมูกเรื้อรังต้องระวังโรคแทรกซ้อนเหล่านี้
•โรคภูมิแพ้อาจจะมีโรคร่วมเช่น โรคหอบหืด ผิวหนังอักเสบ polyp หากไม่รักษาโรคภูมิแพ้จะทำให้โรคร่วมเหล่านี้ไม่หาย
•โรคภูมิแพ้อาจจะทำให้คุณภาพชีวิตเสียไปเช่นง่วงซึมจากยา ขาดเรียน เป็นต้น

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคภูมิแพ้
1.อาการของโรคภูมิแพ้
•อาการที่เริ่มเป็นโรคภูมิแพ้ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มเกิดเมื่ออายุ 20 ปีแต่ก็มีผู้ป่วยที่เริ่มเป็นตั้งแต่อายุน้อย และเป็นต่อเนื่องจนวัยหนุ่ม•
อาการภูมิแพ้เป็นทั้งปี( perennial rhinitis )หรือเป็นเฉพาะฤดู( seasonal rhinitis ) หรืออาจจะเป็นทั้งสองแบบผสมกัน อาการภูมิแพ้เป็นทั้งวัน หรือเป็นเฉพาะเจอเหตุการณ์ที่พิเศษ การเป็นคนช่างสังเกตจะช่วยให้ช่วยในการวินิจฉัยโรค
•เมื่อเวลาเป็นภูมิแพ้มีอาการที่อวัยวะไหนบ้าง ส่วนใหญ่จะมีอาการคันจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม แต่บางคนจะมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล
2.ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้
•ทราบปัจจัยกระตุ้นอาการภูมิแพ้หรือไม่ เช่นเมื่อเจอฝุ่น หรือเกิดอาการเมื่อจุดธูป หรือแพ้ขนสัตว์ หากสิ่งที่สงสัยว่าจะเป็นภูมิแพ้แล้วเกิดอาการแสดงว่าแพ้สิ่งนั้น
•อาการภูมิแพ้อาจจะเป็นมากขึ้นหากสัมผัสสารระคายเคืองเช่น ควันบุหรี่ กลิ่นสี กลิ่นแรงๆ
•ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ตลอดปีมักจะแพ้ ไรฝุ่น หรือแพ้ขนสัตว์
•หากตอบสนองการรักษาด้วยยาแก้แพ้ antihistamine ได้ผลดีก็จะช่วยในการวินิจฉัย แต่ผู้ป่วยที่คัดจมูกโดยที่ไม่ใช่โรคภูมิแพ้ก็ตอบสนองต่อยาแก้แพ้
•หากตอบสนองต่อยาพ่นจมูก steroid แสดงว่าเกิดจากภูมิแพ้
4.หาโรคร่วม
•ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะมีโรคร่วม เช่นผิวหนังอักเสบ โรคหอบหืด หากไม่ควบคุมอาการภูมิแพ้จะทำให้โรคหอบหืดหรือโรคผิวหนังกำเริบ
•ค้นหาโรคแทรกซ้อน เช่นไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ โรคนอนกรน ฟันกร่อนเนื่องจากนอนกัดฟัน ริดสีดวงจมูก (nasal polyp)
•มีโรคหลายโรคที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ต่อมธัยรอยด์ทำงานน้อย
5.ประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว
•ผู้ที่มีพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ก็มีโอกาศเป็นโรคภูมิแพ้สูง
•ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ อาจจะไม่มีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว เนื่องจากอาจจะมีปัจจัยอย่างอื่น
6.สิ่งแวดล้อม
•ให้สังเกตสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ทั้งปี เช่น ปัจจัยที่ทำให้เกิดไรฝุ่น รา สัตว์เลี้ยง ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ เช่น อาชีพเกี่ยวกับพรม ความร้อน ความชื้น
•สิ่งแวดล้อมในที่ทำงานหรือโรงเรียนที่อาจจะทำให้เกิดภูมิแพ้ เช่น การทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์ ความชื้น เกสรดอกไม้เป็นต้น

คนที่เป็นภูมิแพ้จะมีลักษณะอย่างไร
ผู้ที่เป็นภูมิแพ้จะมีขอบตาดำเนื่องจากการขยายของเส้นเลือดรอบดวงตา
เนื่องจากจะคันจมูกบ่อย ผู้ป่วยจะขยี้จมูกทำให้เกิดรอยขวางส่วนปลายจมูก
•เมื่อส่องดูรูจมูกจะพบว่าเยื่อจมูกบวมสีแดง บางคนอาจจะซีดหรือสีม่วงคล้ำ ลักษณะน้ำมูกก็ช่วยบอกโรคได้เช่น หากน้ำมูกใสก็น่าจะเป็นภูมิแพ้ หากมีน้ำมูกข้างเดียวสีเหมือนหนองก็น่าจะเป็นไซนัสอักเสบ
•อาจจะมีการอักเสบของหู แก้วหูอาจจะทะลุทำให้ผู้ป่วยได้ยินไม่ชัด
•เยื่อบุตาอาจจะแดง และบวมเนื่องจากภูมิแพ้

สาเหตุของอาการคัดจมูก

สาเหตุของโรคภูมิแพ้ขึ้นกับชนิดของโรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยบางคนอาจจะแพ้สารภูมิแพ้หลายอย่างทำให้มีอาการภูมิแพ้ทั้งปี และเมื่อได้รับสารกระตุ้นจะทำให้อาการกำเริบเป็นระยะ สาเหตุของโรคภูมิแพ้จะขึ้นกับชนิดของโรคภูมิแพ้

Allergic Rhinitis

perennial allergic rhinitis


อาการของผู้ป่วยจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลทั้งปี อาการคันคอ จาม น้ำมูกไหลจะน้อยกว่า seasoning rhinitis
เป็นภูมิแพ้ที่เกิดจากสารภูมิแพ้ที่อยู่ในบ้าน แต่ก็อาจจะเกิดจากสารภูมิแพ้นอกบ้านที่มีอยู่ตลอดปี สารภูมิแพ้ได้แก่
•ไรฝุ่น
•สัตว์เลี้ยง
•แมลงสาบ
•หนู

seasonal allergic rhinitis

เป็นโรคภูมิแพ้ที่เกิดตามฤดูการ ส่วนใหญ่เกิดจากสารภูมิแพ้นอกบ้านที่เกิดตามฤดู
•เกษรดอกไม้ ดอกหญ้า
•เชื้อรานอกบ้านอาการที่สำคัญของโรค seasoning allergic rhinitis
•อาการคันจมูกเป็นอาการสำคัญ นอกจากนั้นอาจจะคันบริเวณ ตา หู คอ
•ในช่วงที่มีเกษารดอกไม้ และผู้ป่วยอยู่ในช่วงภูมิแพ้ ผู้ป่วยอาจจะมีอาการน้ำมูกไหลมากขึ้นหากสัมผัสสิ่งระคายเคือง เช่นควันบุหรี่ เครื่องปรับอากาศ กลิ่มฉุน
•คัดจมูก และน้ำตาไหล
•น้ำมูกไสไหลอยู่ตลอดเวลา
•อาการคัดจมูกอาจจเป็นมากถึงต้องอ้าปากหายใจหรืออาจจะปวดไซนัส หรือปวดหู
•อาจจะมีอาการไอเนื่องจากน้ำมูกไหลลงคอ
•ผู้ป่วยโรคหอบหืดจะมีอาการหอบมากขึ้น
•อาการมักจะเป็นมากตอนเช้า
•อาการแต่ละวันจะไม่เท่ากัน

Sporadic allergic rhinitis

เป็นโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากการสัมผัสสารที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนซึ่งอาจจะเป็นสัตว์เลี้ยง เกษรดอกไม้ กลิ่น อาหาร

Occupational allergic rhinitis

เป็นภูมิแพ้ที่เกิดจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่นการทำฟาร์มปศุสัตว์ เกษตรกร สารเคมี

Non Allergic Rhinitis

ผู้ป่วยก็จะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลแต่จะไม่มีอาการคัน เมื่อเจาะเลือดตรวจหรือการทดสอบทางผิวหนังก็ไม่พบหลักฐานว่าเป็นภูมิแพ้ โรคที่พบได้แก่

Nonalllergic Eosinophilic Rhinitis

•ผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนภูมิแพ้ คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก ซึ่งจะเป็นทั้งปี
•บางคนอาจจะไม่ได้กลิ่น
•บางคนอาจจะพบร่วมกับการอักเสบของไซนัส หรือโรคหอบหืด
•เมื่อตรวจนำ้มูกจะพบเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า Eosinophil
Infectious Rhinitis
•เป็นอาการคัดจมูกที่เกิดจากโรคติดเชื้อ เช่นไข้หวัด เชื้อแบคทีเรีย
•น้ำมูกจะมีสีเหลือง
•หากมีน้ำมูกสีเหลืองติดต่อกันเกิน 5 วันให้สงสัยว่าจะน่าจะเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่จมูก หรือไซนัส
•มีไข้ต่ำๆ
•เมื่อนำน้ำมูกมาตรวจจะพบเวลล์เม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil และเชื้อแบคทีเรีย

Idiopathic nonallergic rhinitis หรือ Vasomotor rhinitis

•อาการคัดคัดจมูกของผู้ป่วยมิใช่เกิดจากโรคภูมิแพ้
•อาจจะเกิดจาก กลิ่นฉุนๆ
•อาจจเกิดสารเคมี
•บางครั้งอาจจะเกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น ความชื้น อุณหภูมิ ความกดอากาศ
•ตรวจน้ำมูกไม่พบเซลล์ที่ผิดปกติ
•กลไกการเกิดยังไม่ทราบ

Hormonal Rhinitis

•เป็นอาการคัดจมูกที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
•อาการคัดจมูกมักจะสัมพันธ์กับ การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ ต่อมธัยรอยด์ทำงานน้อย
•อาการสำคัญคือคัดจมูก และน้ำมูกไหล

Anatomical Rhinitis

เป็นอาการคัดจมูกที่เกิดจากควมผิดปกติในจมูก เช่น มี polyp ผนังกันจมูกเบี้ยว มีวัตถุแปลกปลอม

แพทย์จะตรวจอะไรบ้างเพื่อหาสาเหตุของโรคภูมิแพ้

การตรวจร่างกาย
•ตรวจดูว่าใช้ปากหายใจแทนจมูกหรือไม่
•ตรวจจมูกว่ามีรอยขวางกลางจมูกหรือไม่
•ส่องตรวจรูจมูกเพื่อตรวจดูว่ามี polyp เยื่อบุจมูกว่าบวมหรือไม่ สีของเยื่อบุจมูก สีของน้ำมูก
•ตรวจตาว่ามีการอักเสบของเยื่อบุตาหรือไม่
•ตรวจคอ ว่ามีเสบหะติดคอหรือไม่ ต่อมทอนซิลโตหรือไม่
•ตรวจหูว่ามีหูน้ำหนวก หรืออักเสบการทดสอบทางภูมิแพ้
•การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังซึ่งสามารถทำได้สองวิธีคือ การใช้เข็มสะกิดผิวหนังให้เป็นแผลแล้วหยดสารที่สงสัยว่าจะเป็นสารภูมิแพ้บนผิวหนังที่เป็นแผล รอดูผลซึ่งจะเกิดผื่นลมพิษบริเวณดังกล่าวในเวลา 10-15 นาที หรืออาจจะใช้วิธีฉีดสารที่สงสัยว่าจะแพ้เข้าใต้ผิวหนัง แล้วรอผลว่าจะเกิดลมพิษหรือไม่
•การเจาะเลือดตรวจหาระดับภูมิ IgE หลังจากผิวหนังถูกกระตุ้นด้วยสารที่สงสัยว่าจะเป็นสารภูมิแพ้
•การเจาะเลือดหาระดับ IgE ซึ่งผู้ป่วยภูมิแพ้มักจะมีภูมิ IgE ระดับสูง
•การเจาะเลือดตรวจ CBC จะพบว่ามีเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil สูง
•การตรวจทางรังสีเพื่อตรวจดูว่ามีโรคแทรกซ้อน เช่นไซนัสอักเสบโดยอาจจะเป็นการตรวจ X-RAY ธรรมดาหรือตรวจด้วยคอมพิวเตอร์
•การตรวจพิเศษเช่นการส่องเข้าไปในรูจมูก Rhinoscopy เพื่อตรวจดูว่ามีเนื้องอก หรือสิ่งผิดปกติอย่างอื่นหรือไม่การรักษา

ขั้นตอนในการรักษาโรคภูมิแพ้



อาการไม่หนักหรือนานๆจะเป็นสักครั้ง
•ยังไม่ต้องใช้ยา
•แนะนำให้หลีกเลี่ยงจากสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้

อาการเป็นหนักปานกลางและเป็นบ่อย
•ให้ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน หรือ
•ให้ยา steroid ชนิดพ่น
•สำหรับเด็กอาจจะใช้ยาพ่นชนิดยับั้ง mast cell

ในรายที่มีอาการรุนแรง •เริ่มด้วยยา steroid ชนิดพ่น
•หรือยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน
•หากอาการเป็นมากอาจจะให้ prednisolone รับประทาน


ข้อแนะนำในการรักษาโรคภูมิแพ้สำหรับคนไข้

ภูมิแพ้ในผู้สูงอายุ

•ผู้ป่วยสูงอายุมักจะไม่ค่อยเป็นโรคภูมิแพ้ สาเหตุมักจะเป็น atropic rhinitis ซึ่งรักษายาก
•ต้องพิจารณาเรื่องยาที่ผู้ป่วยรับประทานเพราะอาจจะเป็นสาเหตุของอาการคัดจมูก เช่น reserpine(ยาลดความดันโลหิต),methyldopa(ยาลดความดันโลหิต),prazocin (ยาลดความดันโลหิต),ACEI(ยาลดความดันโลหิต
•ยาแก้คัดจมูก Decongestant อาจจะทำให้ปัสสาวะไม่ออกในผู้ป่วยที่เป็นต่อมลูกหมากโต
•ยาแก้คัดจมูก Decongestant อาจจะมีผลต่อความดันโลหิตและโรคหัวใจของผู้ป่วย
•ยาแก้แพ้ชนิดที่ง่วงนอนอาจจะทำให้ผู้ป่วยซึมหรืออาจจะเป็นสาเหตุให้หกล้ม

โรคภูมิแพ้ในคนท้องและเลี้ยงลูกด้วยนม

•ให้ใช้ยาลดการหลั่งของ mast cell เป็นอันดับแรกเพราะผลข้างเคียงต่ำ
•หากไม่ได้ผลแนะนำให้ใช้ loratadine ซึ่งมีรายงานถึงความปลอดภัยระดับB(ระดับ A มีหลักฐานยืนว่าปลอดภัย) ตัวเลือกอันดับสองคือ Ceterizine
•ทางเลือกอันดับสามคือยาพ่นจมูก steroid จะใช้ในกรณีที่ใช้ยาสองวิธีแรกแล้วไม่ได้ผล
•หลั่งตั้งครรภ์แล้ว 3 เดือนหากยังมีอาการคัดจมูกก็ให้แก้คัดจมูก

โรคภูมิแพ้ในเด็ก

•การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ในเด็กอาจจะยาก เนื่องจากเด็กอาจจะมาด้วยอาการหูน้ำหนวก ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
•ต้องรีบการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ในเด็กให้ได้โดยเร็ว เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน
•เด็กที่แพ้อาหารอาจจะมาด้วยเรื่องคัดจมูกน้ำมูกไหล
•การใช้ยาพ่นชนิด steroid เรื้อรังอาจจะทำให้การเจริญเติบโตช้าลง
•ต้องกำจัดสิ่งแวดล้อมที่สงสัยว่าจะแพ้

หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ทั้งสารที่สงสัย และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสารที่ระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ
•สิ่งแวดล้อมนอกบ้านได้แก่ เกษรดอกไม้ รานอกบ้าน
•สิ่งแวดล้อมในบ้าน ไรฝุ่น แมลงสาบ จัดห้องให้ปลอดฝุ่น สัตว์เลี้ยง
•สิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน
•การรักษาโดยการใช้ยา
•การรักษาโดยการฉีดสารภูมิแพ้ Immunotherapy (desensitization)

Immunotherapy (desensitization)
วิธีการก็คือการทดสอบทางผิวหนังโดยการฉีดสารที่สงสัยหรือสารที่แพ้บ่อยเข้าใต้ผิวหนัง หลังจากนั้นดูปฏิกิริยาว่าแพ้อะไร เมื่อทราบว่าแพ้สารอะไรก็นำสารนั้นมาฉีดเข้าใต้ผิวหนังเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันชนิด IgG แทน IgE ซึ่งไม่ทำให้เกิดปกิกิริยาภูมิแพ้ การรักษาจะได้ผลหลังจากฉีดไปแล้ว 6-12 เดือน อันตาจที่อาจจะเกิดจากการทดสอบหรือการรักษาอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้อย่างรุนแรง
การทดสอบภูมิแพ้จะทำในรายที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผล หรือผู้ป่วยอาการรุนแรง หรือมีโรคแทรกซ้อน ไม่ควรทำในรายที่มีประวัติการแพ้ต่อการฉีดสารภูมิแพ้

ข้อควรพิจารณาในการImmunotherapy (desensitization)
•ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ทั้งปี
•ผู้ป่วยที่อาการยังไม่ดีขึ้นแม้ว่าจะใช้ทั้งยาพ่นและยารับประทานอย่างเต็มที่•ป้องกันการกำเริบของโรคหอบหืด
•ป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคไซนัส
•ป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคหูชั้นกลางอักเสบ

เมื่อไปพบแพทย์ท่านจะต้องบอกอะไรบ้าง
•อายุที่เริ่มเป็น
•การดำเนินของโรค
•ความรุนแรงของโรค
•ระยะเวลาที่เป็น
•ความสัมพันธ์กับอากาศ
•ความสัมพันธ์กับอาการทางตา คอ โรคหอบหืด
•เคยเป็นโรคไซนัสหรือหูอักเสบหรือไม่
•ปัจจัยที่ทำให้โรคเป็นมากขึ้น
•อาการคัดจมูกมีความสัมพันธ์กับโรคหอบหืดหรือไม่
•อาการมีความสัมพันธ์กับการใช้ยาหรือไม่
•อาการมีความสัมพันธ์กับอาหารหรือไม่
•ประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว
•ประวัติการใช้ยา

อาการจามจะเกิดเมื่อมีการระคายเคืองต่อเยื่อบุจมูก ทำให้สมองสั่งให้มีอาการจามออกมา ข้อแนะนำ
•เมื่อเกิดอาการอยากจาม ให้กดบริเวณปลายจมูกซึ่งจะทำให้หยุดอาการอยากจาม
•บางคนเมื่อเจอแสงจ้าๆอาจจะทำให้จาม คนนั้นอาจจะต้องสวมแว่นกันแดด
•หากมีน้ำมูกให้สั่งออก และล้างรูจมูกด้วยน้ำเกลือ
•หากมีอาการจาม อย่าเอามือปิด หรือหุบปากเพราะจะทำให้ความดันไปสู้หูชั้นกลางทำให้เกิดการอักเสบของหู
•หากคุณมีอาการจามบ่อยให้ปรึกษาแพทย์เพราะอาจจะเป็นภูมิแพ้แพ้อากาศ อาการของโรคภูมิแพ้ การทดสอบภูมิแพ้ การรักษา ยาที่ใช้รักษาโรคภูมิแพ้ แพ้แบบรุนแรง ลมพิษ แพ้ยาง แพ้อาหาร แพ้แมลง ผื่นแพ้จากการสัมผัส ตาอักเสบจากการแพ้




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2553
1 comments
Last Update : 30 มิถุนายน 2553 22:23:10 น.
Counter : 975 Pageviews.

 

แวะมาอ่านจร้าขออนุญาตฝากเว็บไว้ในอ้อมกอดน้อยๆด้วยนะครับ|เข้าชมเว็บ บิ๊กอายขอบคุณครับ

 

โดย: bigeye (tewtor ) 15 เมษายน 2554 18:31:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


center-weaw
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อยากมีบล็อกไว้ทำให้เจ้าลูกชายตัวน้อย
และเล่าเรื่องราวที่อยากให้ลูกชายได้รู้
เพื่อโตมาจะได้ดูตัวเองตอนเป็นเด็กกับเขาบ้าง










Google




คุณเป็นเพียงคนหนึ่งบนโลกใบนี้**แต่คุณอาจเป็นโลกทั้งใบของใครบางคน
Friends' blogs
[Add center-weaw's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.