หัวข้อฟังดูเปงเรื่องทำมะดาของบางคนกะการเดินทาง
แต่กะนกแล้วมานม่ะใช่เลย...
การเดินทางในครั้งนั้นผ่านมาแล้วสามปีก่าๆ
ตัวนกเองยังจำความรู้สึกในการเดินทางนั้นได้ดี
ณ เวลานั้นนกเองเพิ่งได้รับปริญญาตรี คือเพิ่งจบใหม่เลย ความคิดในเวลานั้นคืออยากเรียนต่อปริญญาโท
เหมือนที่เพื่อนๆเค้าไปเรียนต่อกัน
ด้วยความเปงที่บ้านซึ่งคุนป๊าเปงคนจีนที่ยังความคิดค่อนข้างสมัยเก่า
ม่ะอยากให้ลูกไปเรียนต่อประเทศแถบฝั่งตะวันตก
ซึ่งตัวนกเองอยากไปมาก
ก้อเลยปรึกษากะคุนม๊าผู้ซึ่งรับฟังความคิดเหงและคอยให้คำแนะนำเสมอมา
คุณม๊าเลยแนะนำให้นกไปเรียนพาสาจีน
นกเองซึ่งยังไม่อยากกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเลยลองขออนุญาตไปเรียนพาสาจีนที่ปักกิ่ง
ใครจะเชื่อจากการวางแผนที่อยากจะเรียนโทแต่คุนป๊ากลับส่งไปเรียนพาสาจีนที่ปักกิ่งซะงั้น
การเดินทางในครั้งนั้นฉุกละหุมากๆ
พอคุนป๊าตอบอนุญาตปุ๊บนกก้อทำเรื่องติดต่อที่เรียนที่อยู่
แต่ด้วยว่าใกล้จะเปิดเทอมแล้ว
ทางโรงเรียนที่ติดต่อไปเค้าตอบกลับมาว่าให้เดินทางไปสมัครเรียนด้วยตัวเองได้เลย
นกเลยต้องรีบทำวีซ่า (ตอนนั้นต้องใช้วีซ่านักท่องเที่ยวก่อนแล้วค่อยไปเปลี่ยนวีซ่าที่โน่น)
และจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น
ด้วยความที่เปงการเดินทางคนเดียวและเปงครั้งแรกด้วย
นกเลยเตรียมทุกอย่างแบบว่าสามาดอยู่ได้เปงปีโดยม่ะต้องซื้อของใช้เลย
เพราะเคยได้ยินว่าไปอยู่จีนข้าวของเครื่องใช้อาจจะม่ะเหมือนกับบ้านเราและอาจจะหาซื้อม่ะได้เลย
ด้วยเหตุนี้นกเมื่อถึงเวลาเดินทางนกต้องเสียค่าส่วนเกินของน้ำหนักกระเป๋าไปถึงยี่สิบกิโลเชียว (จำไม่ได้ว่ากี่บาทแล้วง่ะ)...แง่ๆๆๆ
โดยต้องจ่ายค่าสัมภาระเกินจากสนามบินต้นทางหาดใหญ่จนถึงปลายทางที่ปักกิ่งเลยอ่ะ
ก่อนออกเดินทางวันนั้นคุนป๊าคุนม๊าก้อเดินทางโดยรถทัวร์ไปไหว้พระที่สระบุรี
การเดินทางจึงดูโดดเดี่ยวไงพิกลๆ
แต่ก้อยังโชคดีที่มีเพื่อนๆที่คบกันมานานและสนิทกันมาก ไปเลี้ยงส่งก่อนจะไปสนามบิน
--------------------------------------
"เพื่อนเอ๋ย...เมื่อวันนั้นที่เดินทาง
ทุกย่างก้าวยังนึกถึงกัน
ผ่านถึงวันนี้เรายังผูกพัน
เพื่อนเอ๋ย...เพื่อนกันตลอดไป"