อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต มันก็เหมือนกันน่ะแหละ

<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
2 กุมภาพันธ์ 2550
 

เดินทางสู่ญี่ปุ่น สนามบินนาริตะ


กลับมาแล้วครับผม เหนื่อย ๆ แถมกลับมางานรออีกเต็มเลย


วันนี้ขอเล่าเรื่องการเดินทางเข้าโตเกียวแล้วกันนะครับ
อันดับแรกเริ่มจากการเดินทางจากบ้านเราก่อน

ตอนนี้การเดินทางระหว่างประเทศก็ต้องไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ
//www.suvarnbhumi.com/
แนะนำว่าใครจะเดินทางขอให้ไปก่อนเวลาพอสมควร โดยเฉพาะขอการบินไทยที่ต่อคิวยาวมาก ๆ (มากกว่าดอนเมือง)

หลังจากผ่านการประทับตราออกนอกประเทศ และ ขึ้นบินแล้ว เราก็พาท่านไปสู่สนามบินนานาชาตินาริตะ
(สังเกตไหมครับ สนามบินสุวรรณภูมิเขาไม่เรียกสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อย่าไปพูดผิดนะครับ ไม่มีคำว่า International)

พอถึงสนามบินนาริตะแล้วจะมี 2 เทอมินอลนะครับ แยกตามสายการบินตามตารางด้านล่างครับ




การบินไทยตอนนี้ย้ายมาเทอมินอล 1 (ใหม่) แล้วนะครับ หลังจากที่อยู่เทอมินอล 2 นานเลย (ไปคราวนี้เกือบไปผิดเลยแหละ)

รายละเอียดอื่น ๆ ของสนามบินดูได้ที่เวป(อย่าไปเทียบกับเวปบ้านเราเลย)
//www.narita-airport.jp/en/

แนะนำว่าก่อนอออกเดินทางขอให้เข้าไปเช็คก่อนว่าไปกลับที่เทอมินอลไหนเวลาซื้อตั๋วรถจะได้ไม่ลำบาก

พอไปถึงสนามบินแล้วก็ขอให้สูดหายใจลึก ๆ สักเฮือกนึงแล้วก็ก้าวลงเหยียบญี่ปุ่นได้แล้วครับ (พอเสร็จแล้วก็รีบเดิน ๆ ตามคนหน้าไป)

เดินมาได้สักพัก ด่านแรกที่คุณจะเจอเวลาลงเครื่องก็คือด่านกันกันโรค(เรียกแบบนี้แล้วกัน)ครับ
ปกติเวลาก่อนเครื่องลงแอร์โฮสเตสจะเดินมาแจกใบเข้าเมือง และ ใบสีเหลือง ๆ
ที่ให้แสดงว่าที่ผ่านมาเป็นเวลาประมาณสิบสัปดาห์นี้เราอยู่ที่ประเทศไหน แล้ว ป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า
แล้วก็มีลิสต์อาการต่าง ๆ เขียนไว้ซึ่งก็เห็นมีแต่คนเลือก No (ซึ่งแปลว่าไม่เป็นนะ คงกลัวเรื่องจะยาว)
พอถึงด่านตรวจโรคนี้ก็ให้ใบเหลืองเจ้าหน้าที่เขาไปเขาจะให้ใบสีเหลืองเล็ก ๆ กลับมาอย่างรวดเร็ว
ซึ่งจะบอกรายละเอียดว่าถ้าเกิดอาการป่วยให้ติดต่อกลับด้วย (ด่านนี้ไม่มีอะไรเดินผ่านไปเลยครับ)

แล้วเดินตาม ๆ มาจะถึงด่านที่สองคือด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งพวกเราก็ให้เข้าช่องคนต่างชาติซึ่งมีอยู่ไม่กี่ช่องครับ
รอคิวพอถึงคิวตัวเองก็เดินเข้าไปยื่นพาสปอร์ตพร้อมใบเข้าเมืองให้ได้เลยครับ อาจจะเซย์ ฮัลโหล ซะหน่อยก็ได้
โดยปกติผมไม่โดนถามอะไรมากเวลาพูดภาษาอังกฤษ แต่ครั้งหลังนี่พอพูดญี่ปุ่นปุ๊บนี่เขาถามกระจุยเลยครับ
ทำให้รู้ว่าพูดอังกฤษดีกว่า แต่ส่วนมากต.ม.ญี่ปุ่นที่ผมเจอนี่ใจดี ๆ ทั้งนั้นเลยครับ
(บางคนมีการลุกขึ้นมาบอกผมเขียนภาษาอังกฤษไม่ถูกด้วย)

หลังจากผ่านต.ม. แล้วก้รับกระเป๋าครับ เลือกกระเป๋าตัวเองใส่รถเข็น เดินออกเลย
ทางออกจะมีสองทางคือแบบ มีของต้องสำแดง(สีแดง) และ ไม่มีของต้องสำแดง(สีเขียว)

พอเดินไปถึงก็ยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ เขาอาจจะถามอะไรเล็กน้อยและขอเปิดกระเป๋าหากสงสัย
(แต่ส่วนมากไม่ค่อยตรวจคนไทย เพราะคนไทยมักขนกลับมากกว่าขนมา)

หลังจากนั้นเดินผ่านประตูไปก็ยินดีต้อนรับสู่ญี่ปุ่นครับ


Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2550 0:15:05 น. 0 comments
Counter : 4474 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

buyuth
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




PhD in Informatics

รูปถ่ายทุกรูปในเวปสงวนลิขสิทธ์
ไม่สามารถนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต

Creative Commons License

บทความใน Blog ทั้งหมดใช้
ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย

[Add buyuth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com