โปรยบนปก
...คนมีบุญนั้น ได้แก่คนที่นั่งๆ นอนๆ ได้อย่างสุขสบาย
มีเงินมีทองใช้โดยไม่ต้องออกแรงทำมาหากิน
และถ้าหากว่าสามารถถลุงเงินได้โดยไม่ต้องพักไตร่ตรอง
ว่าใช้อย่างมีสาระหรือไม่มีสาระ ก็ยิ่งเป็นคนมีบุญมากขึ้นอีก
ส่วนคนที่ทำงานเก็บหอมรอมริบด้วยความอุตสาหะ
ถึงเก็บเงินเก็บทองแค่ไหน ก็ยังไม่เชิงว่ามีบุญเต็มที่อยู่นั่นเอง..
ส่วนตัวแล้วชอบอ่านนิยายที่สะท้อนถึงปัญหาในสังคม ประเภท การแสดงออกถึงพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งหลายที่เราๆ ท่านๆ สามารถพบเห็นหรือรับรู้ได้ว่ามีพฤติการณ์หรือพฤติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในสังคมจริงๆ
สำหรับเรื่องบ้านบุญหล่น อ. วินิตา ได้หยิบยกกระแสสังคมในช่วงหนึ่งขึ้นมาคือ การระดมทุนนอกระบบหรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในลักษณะของ แชร์ มาผูกกับความเชื่อในเรื่องของ บุญทำกรรมแต่ง ของแต่ละคน ที่ว่า คนที่มีเงิน มีกิน มีใช้ โดยมิต้องดิ้นรนคือคนที่มีบุญมีวาสนาดี ไม่ต้องทำงานก็สบายไม่เดือดร้อน และคนที่ถูกยกย่องจากผู้อื่นว่า มีบุญ ก็ดูจะเป็นที่ภูมิอกภูมิใจแก่เจ้าตัวยิ่งนัก
พล็อตที่ผู้เขียนนำมาเชื่อมโยงเป็นเรื่องราวเกิดในชุมชนที่ไม่ห่างจากเมืองหลวงนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้จนข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะสื่อถึงกันได้ทั้งหมด ตัวละครหลักในเนื้อเรื่องก็มิใช่เพียงแค่ผู้ที่ไม่มีความรู้หรือด้อยฐานะ แม้แต่อาชีพที่หลากหลาย แต่ทุกผู้มีความเกี่ยวเนื่องกันด้วยเรื่องของความอยากสบาย อยากมีเงิน มีหน้ามีตา มากขึ้นกว่าเดิม และสามารถนำ กิเลสและความโลภในจิตใจเบื้องลึกของมนุษย์มาเป็นปมที่สามารถสร้างจินตนาการและก่อให้เกิดปัญหาแก่เจ้าของได้อย่างเป็นเชื้อชั้นดี
ตัวละครแต่ละตัวค่อนข้างที่จะ สมจริง ได้แก่
ชัช - ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่มีรายได้แทบไม่พอใช้เพราะต้องเสียให้กับภาษีสังคมต่าง ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ยังต้องรักษาหน้าของตนไว้เพื่อให้ทัดเทียมกับเพื่อนฝูงและคนในสังคม และก็ไม่ได้คิดปรับปรุงตัวหรือการทำงานให้ดีขึ้นเพื่อความก้าวหน้า
คุณนายสมวงศ์ เจ้าของห้องเช่าของชัช มีรายได้จากการเก็บค่าเช่าและกินดอกเบี้ยธนาคาร เป็นผู้ที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องต่างๆ ในบ้าน ทั้งของสามีและครอบครัวลูก
คุณบุญสนอง สามีของคุณนายสมวงศ์ เป็นข้าราชการบำนาญ สนใจเรื่องธรรมะ ปล่อยให้คุณนายสมวงศ์ดูแลเรื่องในบ้านตลอดมาโดยไม่มีปากมีเสียง
บุษบง ลูกสาวของคุณนายสมวงศ์แต่งงานแล้วกับ ซึ่งมีอาชีพนายธนาคาร แต่ยังอาศัยอยู่กับคุณนายสมวงศ์ มีความอยากมีอยากได้เพื่อเทียมหน้าเทียมตาเพื่อนฝูงและรักสบายอยู่บ้างทำให้ทะเลาะกับสามีบ่อยๆ
เฉลิมวิทย์ - สามีของบุษบง ทำงานธนาคาร ค่อนข้างจะตระหนี่ถี่เหนียว เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของครอบครัว จึงคุ้นเคยกับความสบายมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อแต่งงานกับบุษบงก็มาอยู่ร่วมบ้านกับครอบครัวพ่อตาแม่ยาย
คุณแป๋ว ลูกสาวเจ๊ถนอมศรี สำหรับคนในชุมชนเป็นหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเก่ง ทันสมัย และประสบความสำเร็จในชีวิต
อารีย์ ภรรยาของชัช เป็นลูกจ้างขายเสื้อผ้าหน้าร้านให้แป๋ว
พิพัฒน์ หัวหน้าของชัช
ไฉไล เจ้าของร้านเสริมสวย
เมื่อพิจารณาจากตัวละครจะเห็นว่ามีความหลากหลาย ทั้งเพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา ความนึกคิด ประสบการณ์ ฯลฯ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกแบ่งแยกด้วยปัจจัยดังกล่าว แต่ผู้ที่เป็นเหยื่อทั้งหมดมีปัจจัยร่วมที่คล้ายคลึงกันแทบทั้งสิ้น คือ ความโลภ อยากได้อยากมี เพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติ (ตามความคิด)ของแต่ละคน และที่สำคัญ แม้ว่าเหยื่อผู้นั้นจะระแคะระคายถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ทั้งจากที่ได้รับการเตือนจากผู้ที่หวังดี หรือจากสามัญสำนึกของตนเอง แทบทุกคนก็มักจะไม่ใส่ใจหรือฉุกคิด พร้อมคิดเข้าข้างตัวเองว่า คงไม่เป็นไร และยังเดินหน้าเข้าสู่ปัญหาอย่างสุดตัว
สรุปว่า ถ้าใครชอบอ่านนวนิยายที่สะท้อนสังคมและพฤติกรรมของมนุษย์ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจเรื่องนึงค่ะ
Create Date : 07 มีนาคม 2554 |
Last Update : 7 มีนาคม 2554 19:16:49 น. |
|
9 comments
|
Counter : 3849 Pageviews. |
|
|