|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไมเกรน
"ไมเกรน" เชื่อว่าหลายคนจะคุ้นกับชื่อนี้ เพราะได้ผ่านการทรมานจากการได้เป็นมาแล้ว...ถ้าใครยังไม่รู้จักลองมาติดตามอ่านดูค่ะ...
โรคไมเกรน (Migraine) คือโรคที่เกิดจากการบีบตัวและคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็วพร้อมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ในบางรายอาจมีอาการตาพร่ามัวหรือเห็นแสงระยิบระยับร่วมด้วย
อาการของโรคไมเกรน
1. ปวดศีรษะครึ่งซีก อาจเป็นบริเวณขมับหรือท้ายทอยแต่บางครั้งก็อาจเป็นสองข้างพร้อมกันหรือเป็นสลับข้างกันได้
2. ลักษณะการปวดศีรษะส่วนมากจะปวดตุ๊บๆ นานครั้งหนึ่งเกิน 20 นาที (ยกเว้นจะได้รับประทานยา) แต่บางครั้งถ้าเป็นรุนแรงอาจปวดนานเป็นวันๆ หรือสัปดาห์ก็ได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีปวดตุ๊บๆ ในสมองร่วมด้วย
3. อาการปวดศีรษะมักเป็นรุนแรง และส่วนมากจะมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วยเสมอ โดยอาจเป็นขณะปวดศีรษะ บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากจนรับประทานอะไรไม่ได้
4. อาการทางสายตา โดยจะมีอาการนำมาก่อน เช่น ปวดศีรษะราว 10-20 นาที ต่อจากนั้นจะมองเห็นแสงเป็นเส้นๆระยิบระยับ แสงจ้าสะท้อนหรือเห็นภาพบิดเบี้ยวนำหน้ามาก่อน
ใครบ้างที่เป็นโรคไมเกรม
โรคไมเกรนพบบ่อยในผู้หญิงที่มีอายุ ระหว่าง 20-40 ปี ในเด็กและผู้สูงอายุพบน้อย ผู้ชายพบว่าเป็นไมเกรน้อยกว่าผู้หญิง 3-4 เท่าตัว แต่ถ้าผู้ชายเป็นมักมีอาการรุนแรงกว่าโดยมีอาการปวดตาข้างใดข้างหนึ่ง น้ำตาลไหล ตาแดง ปวดรุนแรงมากติดต่อกันเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ และอาจเป็นซ้ำบ่อยๆ ทุก 6-12 โรคไมเกรนมักเกิดขึ้นได้กับสมาชิกอื่นทุกคนในครอบครัวโดยเฉพาะผู้หญิง ปัจจัยที่ทำให้โรคไมเกรนเป็นมากขึ้น ได้แก่ ภาวะเครียด การอดนอน การขาดการพักผ่อนหรือทำงานมากเกินไป ขณะมีระดู หรือรับประทานยาคุมกำเนิด ดื่มเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ อาหารบางชนิด เช่น กล้วยหอม เนยแข็ง และช็อกโกแลต เป็นต้น
โรคไมเกรนรักษาอย่างไร
การปวดศีรษะจากโรคไมเกรน มักรักษาไม่หายด้วยยาแก้ปวดพาราเซตามอลธรรมดา ยาที่ได้ผลดี คือ ยาแก้ปวด แอสไพริน ขนาด 2 เม็ด รับประทานในขณะปวด แต่ข้อควรระวังห้ามรับประทานแอสไพรินในขณะท้องว่าง และผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะห้ามรับประทานแอสไพรินเด็ดขาด เพราะอาจเกิดเลือดออกในกระเพาะได้มากๆ และอาจทำให้เสียชีวิตได้ ในผู้ป่วยที่ไม่แน่ใจว่าจะมีโรคกระเพาะหรือไม่ให้รับประทานยาเคลือบกระเพาะอาหารหรือนมร่วมด้วยก็จะป้องกันการระคายเคืองของแอสไพรินต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารได้
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรคไมเกรน
ผู้ป่วยโรคไมเกรนที่นานๆ เป็นครั้ง เช่นปีละ 2-3 ครั้ง ไม่จำเป็นต้องกินยาป้องกันแต่อย่างใด แต่ถ้าผู้ป่วยโรคไมเกรนที่เกิดอาการปวดศีรษะบ่อยๆ เช่น เกือบทุกสัปดาห์ หรือทุกวัน จำเป็นต้องให้การป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยส่งเสริมให้เกิดอาการ ในกรณีที่ไม่มีปัจจัยส่งเสริมดังกล่าว อาจจำเป็นต้องให้ยาป้องกัน ซึ่งแบ่งได้หลายชนิด เช่น -ERGOT ALKALOIDS (เป็นยาป้องกันมิให้หลอดเลือดในสมองขยายตัว) -BETA BLOCKER -CALCIUM CHANNEL BLOCKER -ANTIDEPRESSANT -SEROTONIN ANTAGONIST
คำเตือน: ยาในกลุ่มดังกล่าวข้างต้นนี้ เป็นยาอันตรายและมีผลข้างเคียง ทุกชนิดจำเป็นต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งให้และรับประทานตามกำหนดในช่วงเวลาจำกัด การซื้อใช้เองอาจเกิดผลร้ายได้
น่ากลัวจังนะคะ...ในเมื่อเรารู้ถึงอาการและวิธีป้องกันในเบื้องต้นกันแล้ว...ถ้าเกิดกับเราหรือคนใกล้เคียง...ช่วยกันบอกต่อด้วยนะเจ้าคะ
ง่ายๆๆ ค่ะ อย่าเครียด เพราะถ้าเราเครียดอาจเกิดโรคได้หลายชนิดเชียวค่ะ
Create Date : 21 สิงหาคม 2550 |
|
2 comments |
Last Update : 21 สิงหาคม 2550 16:27:40 น. |
Counter : 951 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: nangfasatan (nangfasatan ) 23 สิงหาคม 2550 11:51:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงกล้วย 23 สิงหาคม 2550 12:07:49 น. |
|
|
|
|
|
|
น้องเพนกี้
น้อง DoryKong 1
น้อง DoryKong 2
น้อง DoryKong 3
|
|
|
|
|
|
|