แต่ทว่าก่อนจะส่งกำลังพลเข้าโจมตีจีน กองทัพซามูไรญี่ปุ่นต้องกรีธาทัพผ่านเกาหลี ซึ่งอยู่ในการปกครองของราชวงศ์โชซอนเสียก่อน ดังนั้นในปี ค.ศ. 1592 ฮิเดโยชิ จึงส่งกองทัพซามูไรกว่าแสนนาย กองทัพซามูไรเข้าโจมตีเมืองปูซาน และดาแดจิน แล้วบุกรุกเข้าไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าทางราชสำนักโชซอนจะส่งกองทัพเข้าต้านทาน แต่ด้วยความแตกต่างทางด้านการรบ (เนื่องจากในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ชนทางเหนือของเกาหลีกำลังขยายอำนาจ ทำให้เกาหลีต้องส่งทหารที่มีฝีมือไปประจำการทางเหนือ ส่งผลให้ทางใต้ที่ญี่ปุ่นเข้าโจมตีเป็นพวกนั่งตบยุงมากกว่าฝึกเพลงดาบ) ทำให้ฝ่ายเกาหลีพ่ายแพ้ไปทุกครั้ง หลังจากยกพลขึ้นบกได้เพียง 2 อาทิตย์กว่า ๆ กองทัพซามูไรก็สามารถเข้ายึดเมืองฮันยาง (กรุงโซลในปัจจุบัน) เมืองหลวงของเกาหลีได้สำเร็จ แต่ก็พบกับความว่างเปล่า เนื่องจากพระเจ้าซอนโจ กษัตริย์เกาหลีได้เสด็จหนีไปก่อนแล้ว ในขณะที่กองทัพซามูไรรุกคืบเข้าไป เกาหลีก็ได้เกิดวีรบุรุษที่จะกู้วิกฤตชาติในครั้งนี้ เขาผู้นั้นก็คือแม่ทัพเรือฝ่ายซ้ายแห่งมณฑลจอนลา แม่ทัพเรือยีซุนชิน
[ยีซุนชิน]
-- จุดกำเนิดเรือโคบุกซอน --
หลายท่านอาจจะงงว่าทำไมแม่ทัพเรือถึงสามารถช่วยให้เกาหลีพ้นวิกฤตได้ ทั้งที่กองทัพซามูไรบุกตะลุยในเกาหลีไปเกือบค่อนประเทศแล้ว คำตอบก็คือยีซุนชินไม่ได้นำทัพตบเท้าไปลุยกองทัพบกซามูไร แต่มุ่งหน้ากางใบเรือออกโจมตีกองเรือลำเลียงของญี่ปุ่นแทน เพื่อเป็นการตัดกำลังเสริมของพวกทัพซามูไรที่หนุนมาช่วยเพื่อน และอาวุธลับของท่านแม่ทัพเรือยีซุนชิน ที่รอต้อนรับทัพเรือซามูไรก็คือ เรือโคบุกซอน หรือเจ้าเรือเต่าหุ้มเกราะของเรานั่นเอง เริ่มแรกเดิมทีนั้นกองทัพเรือเกาหลีจะมีเรือพานโอกซอนเป็นเรือประจำการหลักในการเข้าโจมตีเรือข้าศึกศัตรู โดยเหล่าราชนาวีโชซอนทั้งหลายจะระดมยิงธนูเข้าใส่ข้าศึก และปีนขึ้นไปจัดการ แต่วิธีใช้ไม่ได้ผลกับนักรบซามูไร เพราะแทนที่เหล่าลูกประดู่โชซอนจะไปเจื๋อนเขาแต่กลับถูกเขาเจื๋อนกลับมาแทนแถมพวกซามูไรยังกระโดดเข้าบุกยึดเรืออีกต่างหาก เพราะฝีมือคนละชั้นกัน ดังนั้น ราชนาวีโชซอนในช่วงแรกที่รบกับซามูไรจึงเปรียบเสมือนแมงกะไซ ไล่ชนสิบล้อ แม่ทัพลีซุนชินทราบถึงเรื่องนี้ดี จึงได้ปฏิรูปกองทัพเรือของตนขึ้นใหม่ โดยการนำปืนใหญ่เข้าประจำการบนเรือมากขึ้น และอาวุธลับของแม่ทัพยีซุนชินนั่นคือ เรือโคบุกซอน

[ซ้าย : เรือพานโอกซอน, ขวา : ภายในเรือโคบุกซอน]
ว่ากันว่าแม่ทัพยีซุนชินและเหล่านายกองได้นำแบบเรือรบเก่ามาปรับปรุงให้เหมาะสมต่อการสู้กับพวกนาวิกโยธินญี่ปุ่น โดยนำโครงสร้างของเรือพานโอกซอนมาปรับปรุง ปรับชั้นบนของกราบทั้งสองข้างให้โค้งมน ความยาวของเรือโคบุกซอนนี้ยาวประมาณ 30 - 37 เมตร ดาดฟ้าหุ้มด้วยหลังคาเหล็ก มีเดือยแหลมยื่นออกมาไว้สำหรับแทงผู้ไม่หวังดีที่จะกระโดดข้ามมา ด้านหน้าเป็นหัวมังกร มีไว้เพื่อข่มขวัญเหล่าศัตรูและหัวมังกรนี้ยังสามารถพ่นควันได้อีกด้วยเพื่อเป็นการพรางตัวและบดบังทัศนวิสัยของฝ่ายศัตรู

ด้านความเร็วเรือโคบุกซอนขับเคลื่อนด้วยใบเรือสองใบ และใบพาย 18 เล่ม ใช้ฝีพาย 80 คน เรือโคบุกซอนจึงมีระบบการป้องกันที่ดีเยี่ยม แถมด้วยความรวดเร็วคล่องตัว ส่วนทางด้านอาวุธหนัก ที่กราบเรือโคบุกซอนติดตั้งปืนใหญ่เอาไว้ 36 กระบอก โดยด้านบนของแนวปืนใหญ่มีช่องสำหรับให้บรรดาลูกเรือโชซอนสามารถมองสังเกตการณ์และลอบยิงธนูได้อีกด้วย หลังจากที่เหล่าทหารซามูไรญี่ปุ่นตบเท้ากรีธาทัพเข้าโจมตีโชซอน แม่ทัพยีซุนชินก็ได้ยกทัพเรือเข้าโจมตีกองเรือลำเลียงของญี่ปุ่น เรือโคบุกซอนได้ร่วมเข้ายุทธนาวีครั้งแรกในยุทธนาวีแห่งซาซอน แล้วต่อจากนั้นก็ร่วมปฏิบัติการล่มกองเรือญี่ปุ่นทุกครั้ง กลยุทธ์ของท่านแม่ทัพยีซุนชินก็ง่าย ๆ กล่าวคือ เมื่อสืบจนค้นพบกองเรือศัตรู ก็สั่งให้เรือพานโอกซอนเปลี่ยนกระบวนเรือเป็นแนวเดียว เข้าล้อมเหล่าเรือรบศัตรู จากนั้นก็ระดมยิงปืนใหญ่และธนู หากไม่จำเป็นห้ามเข้าใกล้เรือญี่ปุ่น เมื่อระดมยิงปืนใหญ่ได้สำเร็จ ก็ถึงคิวพระเอกของเราคือเรือโคบุกซอน เจ้าเรือโคบุกซอนจะบุกเข้าหากองเรือศัตรูระดมยิงสารพัดอาวุธที่มีไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่ ธนู หรือแม้กระทั่งควัน มีอะไรก็ถวายให้หมด ถึงพวกซามูไรจะกระโดดเข้าบุกเรือ ก็ถูกเดือยตำแข้งตำขา ทำอะไรไม่ได้นอกจากตะโกนถอย หรือไม่ก็สละเรือ ซึ่งปกติในการปฏิบัติการรบแม่ทัพยีซุนชินจะส่งเรือโคบุกซอนเป็นหัวหอกในการบุกตะลุยกองเรือญี่ปุ่นประมาณ 6 ลำเท่านั้น เมื่อเจอยุทธการของแม่ทัพยีซุนชินเข้าให้ กองทัพเรือญี่ปุ่นก็เละทุกครั้ง เพราะแม่ทัพคนนี้เก่งจริงลุยจริง ไม่เหมือนแม่ทัพโชซอนคนอื่นที่รบแบบขอไปที ถ้าไม่ตะโกนถอยก็ตะโกนหนี ดังนั้นเมื่อฝ่ายลำเลียงซามูไรถูกโจมตีจากราชนาวีโชซอนอย่างหนัก ประกอบกับกองทัพบกซามูไรต้องเผชิญกับการต้านทานอย่างทรหดของทหารเกาหลีทางภาคเหนือที่สู้แบบหลังชนฝา แถมยังมีกองทัพของราชวงศ์หมิงเข้ามาช่วยอีกต่างหาก
เมื่อต้องเผชิญศึกทั้งสองด้าน ทั้งทางเหนือกองทัพผสมโชซอน-ต้าหมิงกำลังรุกคืบตะลุยเข้ามา ส่วนทางใต้ก็มีแม่ทัพยีซุนชินรอเล่นกองเรือญี่ปุ่นอีก ทำให้กองทัพซามูไรอันเกรียงไกร ต้องเปลี่ยนสถานะจากฝ่ายรุกเป็นฝ่ายรับ จากรับเป็นถอย จากถอยเป็นเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงคราม ซึ่งในครั้งนี้เป็นการยุติสงครามอิมจินครั้งที่ 1 เท่านั้น เพราะอีก 4 ปีต่อมา ฮิเดโยชิก็ส่งกองทัพซามูไรกว่าแสนคนเข้าบุกยึดเกาหลี (ในครั้งแรกฮิเดโยชิต้องการผ่านเกาหลีเพื่อไปบุกจีน แต่ไม่ประสบผล ทำให้ในครั้งนี้ฮิเดโยชิเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็นการบุกยึดเกาหลีแทน) กองทัพซามูไรได้รับการต้านทานจากกองทัพผสมโชซอน-หมิง จนรุกเข้าไปในเกาหลีไม่ได้ แถมที่น่าปวดใจสุดก็คือ กองลำเลียงถูกท่านแม่ทัพเรือยีซุนชินเล่นงานจนสะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน ครั้นจะส่งกองทัพเรือซามูไรไปเล่นงานแม่ทัพยีซุนชิน ก็กลับถูกเขาตีแตกกลับมาทุกที ดังนั้นแม่ทัพญี่ปุ่นจึงถือคติว่าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ส่งสายลับญี่ปุ่นไปเป่าหูราชสำนักโชซอนว่าจะมีทัพเรือญี่ปุ่นบุกมาตี ฝ่ายราชสำนักโชซอนก็หูเบา เมื่อรู้เรื่องเข้าก็เต้นผาง รีบสั่งให้ยีซุนชินนำทัพเหล่าลูกประดู่โชซอนออกตั้งรับทันที แต่แม่ทัพยีซุนชินเจนสนามกว่าพวกขุนนางที่วัน ๆ เอาแต่เดินไปเดินมา รู้ว่าข่าวนี้เป็นข่าวลวงเขาจึงปฏิเสธที่จะรบ ผลก็คือทำให้มีคำสั่งฟ้าผ่าดังเปรี้ยง ปลดเขาออกจากตำแหน่งแถมด้วยการกักบริเวณอีกต่างหาก โทษฐานขัดใจนาย กองทัพไม่อาจจะขาดแม่ทัพไปได้ ดังนั้นทางราชสำนักจึงส่งแม่ทัพเรือวอนกยุน มาแทนยีซุนชิน
-- จุดจบเรือโคบุกซอน --
เมื่อแม่ทัพวอนกยุนเข้ารับตำแหน่งก็สั่งระดมทัพเรือทั้งหมดร้อยกว่าลำรวมทั้งเรือโคบุกซอนพระเอกของเรา หมายมั่นที่จะทำศึกขั้นเด็ดขาดกับทัพเรือญี่ปุ่นตามประสาแม่ทัพมาใหม่ไฟแรงแม่ทัพวอนกยุนแล่นเรือก้างใบไปเรื่อย ๆ โดยปราศจากการวางแผนทำเอาเหล่านายกองต่างใจเสียไปตาม ๆ กัน กลัวจะตายก่อนวัยอันควร ทำให้มีนายกองบางคน หนีทัพพร้อมกับเรือพานโอกซอน 13 ลำ ซึ่งนับว่าเป็นความโชคดีของพวกเขา เพราะถึงแม้จะมีทหารหนีทัพ แม่ทัพวอนกยุนก็ไม่สนใจกลับสั่งเคลื่อนทัพเรือดุ่ม ๆ ไปโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำให้ไปเข้าตาซามูไรแทน ทันทีที่เจอกกองทัพเรือญี่ปุ่น แม่ทัพวอนกยุนก็สั่งให้เข้าบุกทันทีเพื่อโชว์ให้รู้ว่าตนมีเพาเวอร์ ทัพเรือโชซอนยังไม่ทันได้จัดกระบวนเรือก็ถูกเรือญี่ปุ่นโอบล้อม ระดมยิงปืน และระดมบุกยึดเรือพานโอกซอนตามประสานาวิกโยธินซามูไร ส่วนเรือโคบุกซอนก็มีสภาพไม่ต่างกับเรือพานโอกซอนมากนักเมื่อไม่มีการยิงปืนใหญ่สนับสนุนจากเรือพานโอกซอน เรือโคบุกซอนก็เหมือนกับกล่องลอยน้ำที่รอคนมาเปิด เหล่าซามูไรปูไม้กระดานบนดาดฟ้าเรือทับเดือยเหล็ก แล้วทุบทำลายดาดฟ้าเรือเข้าไปสังหารคนข้างในได้อย่างสบาย กองทัพราชนาวีโชซอนที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร จึงกลายเป็นซากเรือเก่าที่รอวันจม เหล่าลูกเรือ รวมไปถึงตัวท่านแม่ทัพวอนกยุนต่างพลีชีพในสงครามครั้งนั้นทั้งหมด สงครามครั้งนั้นเรียกว่า ยุทธนาวีที่ช่องแคบชีลชอนลยอง
หลังสงครามครั้งนี้ก็ไม่ปรากฏว่ามีเรือเต่าปฏิบัติการอยู่อีกเลย แต่ใช่ว่าราชนาวีโชซอนจะล่มสลายไป เพราะแม่ทัพยีซุนชินอยู่ทั้งคน ราชสำนักโชซอนมีคำสั่งด่วนจี๋คืนตำแหน่งให้แม่ทัพยีซุนชินทันที แม่ทัพยีซุนชินก็ไม่ทำให้ราชสำนักผิดหวัง เขานำกองเรือพานโอกซอน 13 ลำ (ที่หนีทัพมาก่อน) เข้าถล่มกองทัพเรือญี่ปุ่นกว่า 133 ลำได้สำเร็จ ส่วนกองทัพบกซามูไรถูกกองทัพผสมโชซอน-ต้าหมิง ผลักดันให้ถ่อยร่นลงมาเรื่อย ๆ จนต้องตั้งมั่นตามชายฝั่งทะเล ฮิเดโยชิซึ่งป่วยหนักได้ออกคำสั่งสุดท้ายให้ถอนทัพกลับญี่ปุ่น ก่อนตนจะตาย ทำให้เกิดยุทธนาวีที่โนลยาง เป็นสงครามครั้งสุดท้ายในสงครามอิมจินที่ยาวนานถึง 7 ปี
เรือโคบุกซอนเปรียบเสมือนรถถังลอยน้ำ เข้ารุกจมเรือรบญี่ปุ่นล่มไปแล้วมากต่อมาก ถึงแม้ว่าจะถูกทำลายลงก่อนสิ้นสงคราม แต่เรือโคบุกซอนก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ชาติเกาหลีพ้นภัย และนับเป็นเรือรบหุ้มเกราะรุ่นแรกของโลกก็ว่าได้
ที่มาบทความ : วัชรพงศ์ ทัศนบรรจง (ต่วยตุนส์'พิเศษ ปีที่ 38 ฉบับที่ 452 เดือนตุลาคม 2555)