4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
22 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 

สังหารหมู่ 30 ศพที่สึยามะ

“พวกชาวบ้านถูกปลุกตื่นขึ้นมาทันทีด้วยเสียงปืนที่ไม่คาดคิดและเสียงหวีดร้องไม่ธรรมดา เสียงปืนไม่ได้หยุดลงด้วยนัดเดียว แต่เว้นระยะห่างแล้วต่อด้วยนัดที่สอง สาม เสียงโหยหวน เสียงตะโกน เสียงร้องขอความช่วยเหลือค่อย ๆ ดังขึ้น ผู้คนวิ่งไปหน้าบ้านเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเห็นชายแต่งกายแปลกผิดมนุษย์ ชายดังกล่าวสวมชุดสากลคอตั้ง ใส่สนับที่ขา สวมรองเท้าฟาง โพกผ้าคาดหัวสีขาว และมีไฟฉายสองกระบอกเปิดไฟคาไว้ผูกติดกับผ้าคาดหัวราวกับเขาสัตว์ หนำซ้ำหน้าอกยังห้อยไฟฉายเนชันแนลเปิดคาไว้ประหนึ่งกระจกห้อยคอตอนไปวัดเวลาตีสองเพื่อสาปแช่งคนที่เคียดแค้น (เป็นความเชื่อของญี่ปุ่น คือ เชื่อกันว่าถ้าใส่ชุดขาว วางขันบนศีรษะ จุดเทียนปักไว้ที่ขาของขัน ห้อยกระจกไว้ที่หน้าอก และนำตุ๊กตาที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนที่เราเคียดแค้นไปตอกไว้ประตูทางเข้าศาลเจ้าตอนตีสอง โดยต้องทำไม่ให้มีใครเห็น คนที่เคียดแค้นจะตายเมื่อครบเจ็ดวัน) เขาเอาผ้าคาดเอวคาดทับชุดสากลแล้วเหน็บดาบญี่ปุ่นไว้ มือข้างหนึ่งถือปืนล่าสัตว์ ชาวบ้านต่างตกใจถึงกับเข่าทรุดกันทุกคน บางคนก็ถูกปืนในมือชายคนนั้นยิงตรงนั้นก่อนเข่าทรุดลงเสียอีก” (จากตอนหนึ่งของ คินดะอิจิฉบับนิยาย ตอนหมู่บ้านแปดหลุม)

การ์ตูน เกมส์ นิยายญี่ปุ่น ชอบเอาคดีฆาตกรรมมาใช้เป็นมุขในการ์ตูน เกมส์หรือแม้แต่ในนิยาย ซึ่งคดีที่ถูกนำมาใช้เป็นมุขอยู่บ่อย ๆ นั้นคือคดี สังหารหมู่ 30 ศพที่สึยามะ จากนิยายคินดะอิจิที่หยิกยกมาข้างต้น คดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งอ่านแล้วน่าทึ่งมาก ๆ ไม่เชื่อเลยที่คน ๆ เดียวจะฆ่าคนทั้ง 30 ในคืนเดียวได้ถึงขนาดนี้ และเหลือเชื่อคือคดีนี้เกิดขึ้นและจบลงเพียงเวลา 1 ชั่วโมง!!




โทอิ มัตสึโอะ

โทอิ มัทสึโอะ เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 1917 ที่เมืองยูกิชิเงะ ในอำเภอโทมาดะ เมื่อเขาเกิดมาไม่นานพ่อและแม่ก็เสียชีวิตลงด้วยโรควัณโรค โยเนะผู้เป็นย่าจึงรับเขาและพี่สาวชื่อมินาโกะมาเลี้ยง และย้ายกลับมายังบ้านเกิดที่หมู่บ้านไคโอะ

มัตสึโอะในวัยเด็กนั้นเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว มักขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านและชอบเล่นกับพี่สาวมากกว่า เมื่ออายุได้ 6 ปี เป็นปีที่เขาต้องเข้าเรียนชั้นประถม ซึ่งช้ากว่าเด็กคนอื่นไปหนึ่งปี ย่ามักอ้างเหตุผลว่าหลานมีร่างกายอ่อนแอต้องอยู่รักษาตัวกับบ้าน ซึ่งนั้นเองทำให้ตัวมัตสึโอะเองกลายเป็นเด็กที่เกลียดโรงเรียน และได้รับนิสัยอคติจากผู้เป็นย่าที่มีต่อทางโรงเรียนอีกด้วย (สาเหตุที่ย่าของมัตสึโอะเกลียดโรงเรียน เนื่องจากสมัยก่อน ราคาซื้อข้าวสารถีบตัวสูงเป็นประวัติการณ์ สร้างกำไรให้กับครอบครัวชาวนามากและบ้านโทอิซึ่งมีอาชีพชาวนาเช่นกัน แต่ครูใหญ่ของโรงเรียนได้ไปยื่นเรื่องกับทางอำเภอให้ทำการควบคุมราคาซื้อขายข้าวสาร จึงสร้างความไม่พอใจให้กับโยเนะผู้เป็นย่าเป็นอย่างมาก) แต่เมื่อมัตสึโอะเข้าเรียน ปรากฏว่าเขามีผลการเรียนดี รักการอ่าน ทางโรงเรียนแนะนำว่าเขาควรจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนประจำจังหวัด แต่ถูกย่าโยเนะที่เกลียดโรงเรียนคัดค้าน เขาจึงปฏิเสธข้อเสนอนี้ไป

ปี 1932 หลังเรียนจบมาได้ไม่นานนัก มัตสึโอะก็ป่วยหนักและถูกแพทย์สั่งห้ามทำงานหนัก เขาอยู่เฉย ๆ ไม่ทำงานอะไรพักหนึ่งจนอาการเริ่มดีขึ้นแล้วเข้าเรียนต่อในโรงเรียนวิชาเสริมประจำหมู่บ้านตามคำแนะนำของมินาโกะผู้เป็นพี่สาว เมื่อพี่สาวแต่งงานและออกจากบ้านไป มัตสึโอะเริ่มกลับมานิสัยเดิมคือเบื่อหน่ายกับการเรียนและกลับมาขลุกตัวอยู่กับบ้านอีกครั้ง เขาไม่คบหากับคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ก็ชอบเขียนหนังสือมาอ่านให้เด็กแถวบ้านฟังบ่อย ๆ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้มัตสึโอะกลายเป็นคนโหดเหี้ยมอีกสาเหตุหนึ่งคือ หมู่บ้านของมัตสึโอะมีธรรมเนียมแปลก ๆ หลงเหลืออยู่ ชื่อธรรมเนียมว่า "โยไบ" เป็นธรรมเนียมเก่าแก่ของแถบคันไซสมัยก่อน โดยธรรมเนียมนี้ถือว่าผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานและแม่ม่ายเป็นสมบัติส่วนรวมของผู้ชายในหมู่บ้านเดียวกัน ดังนั้น พอตกค่ำหญิงสาวจะต้องไปมาหาสู่ผู้ชายเพื่อมีผู้ความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายกับใครก็ได้ในหมู่บ้านของตน ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ชายในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายรายผ่านธรรมเนียมดังกล่าว แต่แล้ว...........

ปี 1937 มัตสึโอะเข้าสอบเป็นทหาร แต่สอบตกเนื่องจากมีอาการเบื้องต้นของวัณโรค ในช่วงนี้เองที่ผู้หญิงที่เขาคบหาอยู่พากันปฏิเสธที่จะมีสัมพันธ์ด้วย เนื่องจากผู้หญิงในยุคนั้นมีค่านิยมชื่นชมผู้ชายที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารมาก อีกทั้งสมัยก่อนวัณโรคยังเป็นโรคติดต่อที่ไม่สามารถรักษาได้ จึงยิ่งทำให้คนในหมู่บ้านพากันกีดกันเขาออกไปและมักจะซุบซิบนินทาเยาะเย้ยเขาอยู่บ่อย ๆ นั่นเองที่ทำให้อารมณ์ของมัตสึโอะระเบิดขึ้น เขาเกลียดคนในหมู่บ้านและเกลียดผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปแบบไม่ใยดี เขาต้องหาทางแก้แค้น

ปี 1937 มัตสึโอะสอบได้ใบอนุญาตล่าสัตว์ และก็ซื้อปืนล่าสัตว์แบบใช้ยิงสองนัด มาใช้ซ้อมยิง

ปี 1987 มัตสึโอะซื้อปืนบราวนิ่งแบบยิงห้านัด และขึ้นไปซ้อมยิงปืนบนภูเขาทุกวัน พอตกค่ำเขาก็ถือปืนเดินวนเวียนไปมาในหมู่บ้าน สร้างความกังวลและความไม่พอใจให้กับคนในแถบนั้นมาก จนมีข่าวลือว่ามัตสึโอะคิดจะใช้ปืนขู่พวกผู้หญิงให้มีเพศสัมพันธ์กับเขา หรือบ้างก็ว่าเขาใช้ปืนเป็นเครื่องป้องกันตัวจากการรุมทำร้ายของคนในหมู่บ้านเท่านั้น ต่อมามัตสึโอะก็เอาที่นาไปจำนองเพื่อนำเงินมาซื้อปืนสำหรับล่าสัตว์ใหญ่อีกกระบอกหนึ่ง เหมือนส่งสัญญาณว่าเขากำลังเตรียมจะก่อคดีในไม่ช้า

ต่อมาโยเนะผู้เป็นย่าเห็นมัตสึโอะใส่ยาลงในซุปมิโสะของตน จึงโวยวายขึ้นมาแล้วไปแจ้งความกับตำรวจว่าตัวเองจะถูกหลานฆ่า ทางตำรวจจึงยกคนมาค้นบ้านและยึดอาวุธปืนทั้งหมดไป พร้อมกันนั้นยังได้ยึดดาบญี่ปุ่น ดาบสั้น มีดจีนรวมทั้งใบอนุญาตล่าสัตว์ไปอีกด้วย แต่กระนั้นมัตสึโอะก็ยังอาศัยเส้นสายของคนรู้จัก รวบรวมปืนและอาวุธต่าง ๆ มาอีกครั้ง เขารอจนกระทั่งผู้หญิงสองคนซึ่งเคยคบหากับตนมาก่อนที่แต่งไปอยู่หมู่บ้านอื่น กลับมายังหมู่บ้าน และเมื่อพวกเธอกลับมา คดีสังหารหมู่ที่โหดเหี้ยมก็เกิดขึ้น!! ในขณะนั้นมัตสึโอะมีอายุได้ 21 ปี

วันที่ 20 พฤษภาคม 1938 ประมาณสี่โมงเย็น มัตสึโอะขี่จักรยานวนไปตามบ้านต่าง ๆ ที่ตนวางแผนจะเข้าโจมตี เพื่อตรวจตราล่วงหน้า ประมาณห้าโมงเย็นวันเดียวกัน เขาปีนเสาไฟฟ้าขึ้นไปตัดสายไฟทำให้ไฟดับทั้งหมู่บ้าน ซึ่งชาวหมู่บ้านก็ไม่มีใครเอะใจเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไปแจ้งให้ช่างไฟฟ้ามาซ่อมสายไฟแต่อย่างไร ประมาณใกล้ค่ำเขากลับมาบ้าน ขึ้นไปในห้องใต้หลังคาแล้วเปลี่ยนชุดเตรียมออกรบ เขาใส่เสื้อคอตั้งของทหาร พันสายคาดกับหน้าแข้งทั้งสองข้าง บนหัวพันกระบอกไฟฉายขนาดเล็กสองอันไว้ราวกับเขาของปีศาจ แล้วแขวนไฟหน้าของจักรยานไว้กับตัว ที่เอวเสียบดาบญี่ปุ่นกับมีดจีนอีกสองเล่ม ในมือถือปืนบราวนิ่งขนาดยิงติดต่อกันเก้านัด เขายัดกระสุนลงในกระเป๋ากว่า 100 นัด สะพายย่ามซึ่งบรรจุดินปืนกับปลอกกระสุน และวางพินัยกรรมของตนทิ้งไว้ พร้อมที่จะเปิดฉากการล้างแค้น ในที่สุด วันที่ 21 พฤษภาคม 1938 เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ เป็นคืนที่มีฝนตกเล็กน้อยทำให้พื้นที่แถวนั้นแฉะ ส่วนอากาศในคืนนั้นหนาวเหน็บ มีแสงจันทร์ส่องลอดเมฆลงมาเป็นระยะ บรรยากาศจึงค่อนข้างมืดเพราะหมู่บ้านนี้ยังห่างไกลความเจริญ

มัตสึโอะไปบ้านหลังแรก ซึ่งมันก็คือบ้านของเขาเอง เวลา 1:40 นาที เขาลงมาจากห้องใต้หลังคาแล้วเข้าไปในห้องนอนย่า ใช้ขวานฟันคอผู้เป็นย่าขาดกระเด็นไปถึง 50 เซนติเมตร

หลังที่ 2
มัตสึโอะไปบ้านของคิชิโมโตะ คัทสึยูกิ ซึ่งตอนนั้นคัทสึยูกิซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวอยู่ระหว่างการเกณฑ์ทหารจึงไม่อยู่บ้าน จึงเหลือแต่สึกิโยะอายุ 50 ปีที่เป็นภรรยาและลูกเฝ้าบ้าน และเคยมีความสัมพันธ์กับเขามาก่อนแต่มาภายหลังได้ปฏิเสธเขา ซ้ำยังเอาเรื่องไปพูดให้คนอื่นฟังทั่วหมู่บ้านจนมัตสึโอะคิดแค้นใจเป็นพิเศษ เมื่อมาถึงเขาฆ่าเธอด้วยดาบญี่ปุ่น เพราะกลัวว่าถ้าใช้ปืนชาวบ้านคนอื่นจะได้ยิน เขาแทงดาบไปที่หน้าของสึกิโยะจนทะลุเสื่อทาทามิ ก่อนจะแทงซ้ำที่ปาก จากนั้นเขาใช้ดาบเล่มเดียวกันฟันลูกชายวัย 14 ปี และ 11 ปีที่นอนอยู่ข้าง ๆ จนเสียชีวิต ส่วนลูกสาวชื่อมิสะอายุ 19 ปีไม่อยู่บ้าน แต่มัตสึโอะก็รู้ดีว่าเธอไปค้างอยู่ที่บ้านเทระคาวะ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มัตสึโอะสามารถก่อคดีฆาตกรรมมากรายได้ภายในคืนเดียวนั้นมาจากการที่บ้านในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ไม่ลงกลอนล็อกประตูบ้านในเวลากลางคืน เนื่องจากพื้นที่แถบนี้ค่อนข้างล้าหลังไม่มีโจรขโมย ชาวบ้านเลยรู้สึกปลอดภัยและขาดความระมัดระวังตัว

หลังที่ 3
เป็นบ้านของครอบครัวนิชิดะ ฮิเดชิ โทเมะ อายุ 43 ปี ผู้เป็นภรรยา เธอเป็นผู้หญิงอีกคนที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วย และถูกเธอปฏิเสธมาเช่นกัน มัตสึโอะเข้าไปภายในห้อง แล้วจ่อปืนยิงไปที่ท้องของโทเมะซึ่งหลับ ด้วยแรงระเบิดจากลูกกระสุนทำให้อวัยวะภายในของโทเมะแตกระเบิดกระจายออกมาอย่างสยดสยอง ที่ห้องข้าง ๆ ฮิเดชิผู้เป็นสามีอายุ 50 ปีเรียวโกะลูกสาวคนโต อายุ 22 ปี และซึรุโกะน้องสะใภ้ อายุ 22 ปี ต่างนอนหลับอยู่ที่โต๊ะอุ่นขา เรียวโกะเป็นหนึ่งในสองคนที่ทำให้เขาเลือกจะลงมือในคืนนี้ เธอเคยคบหากับมัตสึโอะ แต่แต่งงานไปอยู่หมู่บ้านอื่น ที่กลับมาเยี่ยมบ้านเพื่อจะเยี่ยมแม่ที่กำลังป่วยเป็นหวัด ทั้งสามคนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงปืน แต่ก็ถูกมัตสึโอะยิงตายในคืนนั้นเอง

หลังที่ 4
ครอบครัวคิชิโมโตะ ทาคาชิ มัตสึโอะบุกเข้าบ้านยิงทาคาชิเจ้าบ้าน อายุ 22 ปี และนิชิดะ จิเอะ อายุ 20 ปี (จิเอะเป็นลูกสาวคนรองของนิชิดะ โทเมะ ผู้เคราะร้ายในบ้านหลังที่ 3) เธอตายคาฟูก ในขณะกำลังท้องหกเดือน กระสุนถูกครรภ์ของเธอ และตายสนิทในทันที หลานชื่อทากาโอะได้ยินเสียงปืน เขารีบกระโจนเข้ามา แต่ถูกมัตสึโอะใชัด้ามปืนฟาดแล้วยิงที่อกจนเสียชีวิต ก่อนจะหันไปพูดกับทามะ อายุ 70 ปี ผู้เป็นย่าว่า"ฉันไม่มีความแค้นอะไรกับบ้านแกหรอก แต่ลูกสาวนิชิดะแต่งเข้าบ้านนี้ ฉันก็เลยต้องฆ่าพวกแกด้วย" ทามะร้องขอชีวิต มัตสึโอะจึงสั่งให้เงยหน้าขึ้นแล้วยิงที่อก ทามะกระเด็นปลิวไป เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสก็จริง แต่ก็รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์

หลังที่ 5
บ้านเทระคาวะ เซย์อิจิ มีผู้อาศัย 6 คน ต่างก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงปืน เมื่อมัตสึโอะบุกเข้ามาทางประตูหน้าบ้าน เซย์อิจิผู้เป็นเจ้าบ้านอายุ 60 ปี ออกมาดูว่าใครแล้วก็ถูกยิงที่อกถึงแก่ชีวิต เทย์อิจิลูกชายคนโต อายุ 19 ปี กระโจนออกนอกบ้านทางหน้าต่างหากก็ถูกยิงที่หลัง โทกิลูกสาวคนที่ห้า อายุ 15 ปี กับฮานะลูกสาวคนที่หก อายุ 12 ปี กำลังจะหนีออกไปทางระเบียงหากก็ถูกยิงเสียก่อน เซ็ตสึโกะผู้เป็นสะใภ้อายุ 22 ปี โดนต้อนไปที่มุมห้องแล้วถูกยิงที่อกจนเสียชีวิต (เทย์อิจิกับเซ็ตสึโกะเพิ่งจะแต่งงานกันเมื่อ 6 วันก่อนเกิดคดี) ยูริโกะลูกสาวคนที่สี่อายุ 22 ปี นั้นเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับมัตสึโอะแต่เธอหนีไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น มัตสึโอะแค้นใจจึงบุกไปในคืนวันแต่งงานวันแรก ผลทำให้ยูริโกะต้องหย่าไปโดยปริยาย มัตสึโอะตั้งใจจะกลับมาคบกับยูริโกะใหม่แต่ฝ่ายผู้หญิงแต่งงานอีกครั้ง และย้ายไปอยู่หมู่บ้านอื่น ก่อนจะกลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อ 3 วันก่อนหน้านี้ (เธอเป็นหนึ่งในสองคนที่ทำให้มัตสึโอะตัดสินใจลงมือ) ในวันเกิดเหตุ ยูริโกะหนีออกทางประตูหลังไปหลบอยู่ที่บ้านเทระคาวะ ชิเงคิจิที่อยู่ใกล้ ๆ ทำให้เธอมีเพียงบาดแผลเล็กน้อยและรอดชีวิตมาได้ แต่สมาชิกคนอื่น ๆ ของเทระคาวะอีกหลังนั้นไม่ได้โชคดีด้วย

หลังที่ 6
บ้านเทระคาวะ ชิเงคิจิ บ้านหลังนี้แต่เดิมไม่ได้อยู่ในแผนล้างแค้นของมัตสึโอะ แต่เมื่อเขารู้ตัวว่ายูริโกะหนีมาที่นี่จึงไล่ตามมา ตอนที่มัตสึโอะมาถึง คนในบ้านได้ลงกลอนประตูแล้ว มัตสึโอะจึงตะโกนโวยวายสั่งให้เปิดประตูอยู่ที่หน้าบ้าน โคชิโร่ผู้พ่ออายุ 86 ปี อยู่ที่เรือนเล็กไม่ทันทราบเรื่องราว เมื่อเปิดประตูระเบียงก็ถูกยิงซ้อนกันสองนัดที่อกจนเสียชีวิตในทันที

ภายในเรือนใหญ่ยูริโกะกับครอบครัวเทระคาวะอีก 4 คนปิดประตูลงกลอนหน้าต่างอย่างแน่นหนา แต่เมื่อมัตสึโอะทุบประตูหลังพร้อมกับระรัวยิงปืน ชิเงคิจิผู้เป็นเจ้าบ้านก็เกรงว่าหากปล่อยไว้ท่าจะไม่ดี จึงให้ชินจิลูกชายคนรอง อายุ 17 ปี ออกทางประตูข้างไปขอความช่วยเหลือจากบ้านเทระคาวะ เก็นอิจิ แต่ขณะกำลังหลบออกไปก็ถูกมัตสึโอะพบเห็นเสียก่อน ชินจิจึงหลบอยู่ในกอไผ่รอดสายตาคนร้ายมาได้ มัตสึโอะจึงกลับมาที่บ้านเทระคาวะ ตะโกนโวยวายแล้วยิงใส่ประตูสองนัด ซึ่งหนึ่งนัดยิงถูกขาของยูกิโกะลูกสาวคนที่สี่ อายุ 21 ปี จนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มาถึงตรงนี้ เสียงปืนที่ดังติด ๆ กันหลายนัดก็ทำให้ชาวบ้านเริ่มรู้ตัวถึงเหตุการณ์ผิดปกติในที่สุด

หลังที่ 7
บ้านของเทระคาวะ โคจิซึ่งอยู่บนเนิน มัตสึโอะเคยจ่ายเงินให้กับโทโยะอายุ 45 ปี เพื่อที่จะมีความสัมพันธ์ด้วยแต่ภายหลังก็ถูกปฏิเสธ ซ้ำเธอยังรับหน้าที่เป็นแม่สื่อหาคู่ให้กับเรียวโกะและยูริโกะอีกด้วย โทโยะและลูกชายชื่อโคจิ อายุ 21 ปี ยังคงนอนหลับสนิทโดยไม่ทันได้ยินเสียงปืน มัตสึโอะจึงยิงแม่ลูกทั้งคู่ตายคาที่นอน


หลังที่ 8

คือบ้านเทระคาวะ เซ็นคิจิซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบ้านของมุทสึโอะเอง ที่จริงแล้วมัตสึโอะไม่มีความแค้นโดยตรงกับบ้านนี้ หากฟุเนะชิตะ ทสึรุโยะ อายุ 21 ปีกับคิชิโมโตะ มิสะ อายุ 19 ปี ซึ่งเคยปฏิเสธเขามานอนค้างที่นี่เพื่อช่วยเลี้ยงตัวไหม เขาลอบเข้าไปในโรงเลี้ยงไหม แล้วยิงใส่ทั้งคู่คนละสองนัด คนหนึ่งถูกยิงที่ศีรษะจนมันสมองกระเด็นออกมา ส่วนอีกคนถูกยิงที่ท้องจนไส้ทะลัก เสียชีวิตสยองในที่นั้นทั้งคู่ ฮิระจิ โทระ ภรรยาเจ้าบ้านอายุ 65 ปี ซึ่งนอนค้างในที่เดียวกันพยายามร้องขอชีวิต แต่ก็ถูกยิงทะลุท้องจนถึงแก่ความตาย หลังจากนั้น มัตสึโอะคิดจะบุกเข้าไปในเรือนใหญ่ แต่ก็เปลี่ยนใจภายหลัง และกลับออกมาโดยไม่ได้ฆ่าใคร

หลังที่ 9
เป็นบ้านของฟุเนะชิตะ เคียวอิจิ (ซึรุโยะผู้เป็นลูกสาวถูกฆ่าตายไปแล้วที่บ้านก่อน) มัตสึโอะเข้าไปเจออิโตะ อายุ 47 ปี กำลังดูไฟในโรงไหมอยู่พอดี จึงระรัวยิงปืนใส่จนอิโตะได้รับบาดเจ็บสาหัส อิโตะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่ก็เสียชีวิตในอีก 6 ชั่วโมงให้หลัง เคียวอิจิเจ้าของบ้านได้ยินเสียงปืนจึงหนีออกจากบ้านไปได้ทัน (เขาเคยแต่งงานกับยูริโกะมาระยะหนึ่ง จึงเป็นไปได้ที่จะอยู่ในรายการแค้นของมัตสึโอะด้วย) เคียวอิจิวิ่งไปยังป้อมตำรวจเพื่อจะแจ้งความ หากป้อมที่ใกล้ที่สุดนั้น นายตำรวจออกไปตระเวณรักษาการณ์พอดี เคียวอิจิจึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากอีกป้อมที่อยู่ห่างออก ซึ่งกว่าเขาจะไปถึงนั้นก็เป็นเวลาประมาณตีสอง 40 นาที

หลังที่ 10
คือครอบครัวอิเคะยามะ มัตสึโอะ (คนละมัตสึโอะ นะคะ) นอกจากลูกชายคนโตที่กำลังอยู่ระหว่างไปเที่ยวทัศนศึกษาแล้ว สมาชิกคนอื่น ๆ อีก 7 คน อยู่บ้านกันพร้อมหน้า ที่มัตสึโอะเลือกครอบครัวนี้เป็นเหยื่อก็เพราะอิเคะยามะ มัตสึโอะ (ขอใส่นามสกุลนะคะ จะได้แยกถูก) เป็นพี่ชายของเทระคาวะ มัทสึโกะ ที่เขาเคยมีสัมพันธ์ด้วย แต่พอมัทสึโกะทราบว่าเขาป่วยเป็นวัณโรคก็บอกเลิกคบหาในทันที (มัทสึโกะเห็นท่าทางมัตสึโอะไม่น่าไว้ใจจึงพาลูกของตนย้ายไปอยู่เกียวโต ก่อนไปได้ชวนนิชิดะ โทเมะ (ผู้เคราะห์ร้ายในบ้านหลังที่ 3) ให้หนีไปด้วยกัน แต่สุดท้ายโทเมะก็ไม่ไปโดยให้เหตุผลว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรให้ถูกแค้นจนถึงขนาดต้องฆ่าฟันกัน) อิเคะยามะ มัตสึโอะ เปิดบานระเบียงออกมาข้างนอก เมื่อถูกมัตสึโอะพบที่ประตูหลังก็โดนรัวยิงใส่ หากเจ้าตัวลนลานหนีไปซ่อนในกอไผ่ทันจึงรอดมาได้ จากนั้นมัตสึโอะเข้าไปในบ้านแล้วยิงมิยะผู้เป็นภรรยา อายุ 34 ปี จนเสียชีวิต และยังลั่นปืนใส่เทรุโอะลูกชายคนที่สี่อายุเพียง 5 ขวบ จนไส้ทะลักออกมาจากท้อง ทสึรุผู้เป็นแม่ อายุ 72 ปี ถูกกระสุนทะลุผ่านไหล่ซ้ายเสียชีวิต คัทสึอิจิผู้พ่ออายุ 74 ปี พยายามจะหนีออกทางประตูหน้า แต่ถูกมัตสึโอะรัวปืนใส่ กระสุนหกนัดยิงถูกตัวและทะลุถูกปอดเสียชีวิต ส่วนลูกชายคนรองและลูกชายคนที่สามนั้น มัตสึโอะละเว้นชีวิตให้จึงรอดมาโดยไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย

หลังที่ 11
เป็นบ้านบนเนินสูงของเทระคาวะ คุระอิจิซึ่งเป็นคนมีฐานะในหมู่บ้าน คุระอิจิ ได้ใช้เงินมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคนในหมู่บ้านซึ่งในจำนวนนั้นมีมัทสึโกะและมิโยะรวมอยู่ด้วย มาถึงตรงนี้ ไฟรถจักรยานของมัตสึโอะดับไปแล้ว เมื่อมัตสึโอะปีนมาถึงยอดเนิน เขาก็ตะโกนเรียกให้คุระอิจิออกมา ฮามะ ผู้เป็นภรรยา อายุ 56 ปี ถือเทียนออกมาดู พอกำลังจะหันกลับไปในบ้าน มัตสึโอะก็ลั่นปืนมาโดนมือที่ถือเทียนของฮามะ คุระอิจิรีบมาช่วยฮามะดันประตูไม่ให้คนร้ายเข้ามา หากเมื่อเห็นมัตสึโอะลั่นปืนใส่ประตูห้านัดทะลุมาโดนแขนขวาของฮามะก็ตกใจ วิ่งหนีขึ้นไปชั้นสองแล้วเปิดหน้าต่างออกมาตะโกนขอความช่วยเหลือ (เนื่องจากบ้านนี้อยู่บนเนินสูง เสียงจึงได้ยินไปทั่วหมู่บ้าน) มัตสึโอะยิงปืนใส่คุระอิจิแต่ไม่โดน เมื่ออีกฝ่ายฟุบตัวหลบไป มัตสึโอะจำต้องไปบ้านอื่นต่อ ฮามะทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตไปในอีก 12 ชั่วโมงให้หลังที่โรงพยาบาล

หลังที่ 12
บ้านหลังถัดมานี้เป็นบ้านในหมู่บ้านหมู่บ้านซากาโมโตะที่อยู่ข้างเคียงกัน (เหยื่อที่ผ่านมาอยู่หมู่บ้านไคโอะ) มัตสึโอะวิ่งไปตามทางในร่องเขาเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตรเพื่อจะตามมาล้างแค้น ผู้หญิงชื่อ มิโยะ อายุ 32 ปี เนื่องจากเธอมีความสัมพันธ์หลายครั้งกับมัตสึโอะ แต่ถูกคาสึโอะผู้เป็นสามี วัย 51 ปี ขัดขวางมาตลอด จนมิโยะมีท่าทีเย็นชากับเขาไปอีกคน

บ้านโอกาเบะปกติจะลงกลอนประตูไว้ แต่ครั้งนี้มิโยะกลับปลดกลอนออก (คาดว่าคงเพราะการคบหากับคุระอิจิ) คนร้ายจึงบุกเข้ามาในบ้านได้ คาสึโอะพยายามจะคว้าปืนลมมายิงสู้ แต่ก็ถูกมัตสึโอะยิงใส่เจ็ดนัดจนเสียชีวิตไปพร้อมกับภรรยา

และแล้วในที่สุดคดีฆาตกรรมซึ่งกินเวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งก็สิ้นสุดลง รวมจำนวนผู้เสียชีวิต 30 ราย (28 รายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อีก 2 รายได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในภายหลัง) บาดเจ็บหนัก 1 ราย บาดเจ็บอีกเล็กน้อย 2 ราย

หลังจากฆ่าสามีภรรยาโอกาเบะแล้ว ประมาณตีสาม มัตสึโอะไปยังบ้านทาเคดะ เพื่อขอกระดาษกับพู่กัน โดยอัทสึโอะคุง อายุ 5 ปี เป็นเด็กที่ไปฟังมัตสึโอะเล่าเรื่องให้ฟังบ่อย ๆ เป็นผู้นำกระดาษกับดินสอมาให้ เขาบอกกับเด็กชายว่า"ตั้งใจเรียนให้ได้ดิบได้ดี" จากนั้นมัตสึโอะก็เดินขึ้นภูเขาไป 3 กิโลเมตรครึ่งเพื่อเขียนพินัยกรรมเพิ่มเติม และฆ่าตัวตายเป็นการปิดฉากคดีสึยามะลงในที่สุด (ผลการชันสูตรศพ พบว่าเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณตีห้าของวันเกิดคดี)


พินัยกรรมหรือจดหมายลาตายที่พบข้างศพของโทอิ มัตสึโอะมีใจความดังนี้

"เมื่อคุณอ่านจดหมายฉบับนี้แสดงว่าผมคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว สิ่งที่ผมทำลงไปนั้นผมได้ตัดสินใจทำลงไปจริง แต่ผมก็ไม่สามารถฆ่าคนที่สมควรจะฆ่า กลับฆ่าคนที่ไม่ควรจะฆ่าเพราะเหตุการณ์พาไป ผมต้องขออภัยย่าจากใจจริง ย่าเลี้ยงผมมาตั้งแต่สองขวบ ผมไม่ควรจะฆ่าท่าน แต่ผมสงสารท่าน ถ้าผมไปย่าคงถูกทิ้งไว้เพียงลำพังและถูกเย้ยหยันจากชาวบ้าน ผมจำต้องฆ่าท่าน ความจริงผมตั้งใจจะฆ่าท่านให้ไปสบายแต่ลงท้ายก็ไม่ได้ดังใจคิด มีแต่ต้องหลั่งน้ำตาให้ด้วยความเสียใจ นอกจากนี้ผมต้องขอโทษพี่ด้วย ขอโทษจริง ๆ ยกโทษให้น้องชายไม่เอาไหนคนนี้ด้วย ผมทำเรื่องเช่นนี้ลงไป พี่ไม่ต้องทำศพให้ผมก็ได้ จะปล่อยให้ศพผมให้เน่าเปื่อยอยู่กลางทุ่งก็ใจแต่พี่ ผมก็สบายใจแล้ว สี่ปีมานี้ผมมีแต่ความทุกข์ ต้องอยู่อย่างเจ็บป่วยต้องเผชิญกับความเย็นชาของสังคม ผมร้องไห้กับความกดขี่ข่มเหง แม้จะได้รับความรักจากครอบครัว แต่ก็ยากที่จะทนทานได้ สังคมควรจะเห็นใจคนป่วยวัณโรคให้มากกว่านี้ ผมเบื่อที่จะเป็นคนอ่อนแอแล้ว ชาติหน้าถ้าผมจะเกิดใหม่ขอเป็นคนเข้มแข็ง มีชีวิตที่มีความสุขกว่านี้ อะไร ๆ ก็ไม่เป็นไปตามที่คิด ที่ผมตัดสินใจลงมือในครั้งนี้ก็เพราะเทระคาวะ ยูริโกะ ที่เคยคบหากันกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด และนิชิดะ เรียวโกะก็กลับมาพอดี แต่เทระคาวะ ยูริโกะกลับหนีรอดไปได้ ยังมีเทระคาวะ คุระอิจิอีกคน เสียดายที่ต้องปล่อยให้มันรอดไป คนพรรค์นั้นควรจะถูกกำจัดให้หายไปจากโลกนี้ เจ้านั่นให้เงินหลอกล่อแม่ม่ายตัวคนเดียวให้คบหากับตัวเอง จนไม่มีผู้หญิงคนไหนในหมู่บ้านที่ไม่มีความสัมพันธ์กับมันเลยก็ว่าได้ คิชิโมโตะ จุนอิจิ ก็เอาแต่ลักลอบล่าสัตว์ มีแต่คนในหมู่บ้านรังเกียจ คนอย่างพวกเขาสมควรจะถูกกำจัดไปจากโลกนี้ ฟ้ากำลังจะสางแล้ว ผมต้องขอตัวตายไปก่อน............."

เนื่องจากมัตสึโอะซึ่งเป็นคนร้ายได้ฆ่าตัวตายไปโดยไม่ถูกสอบปากคำ อีกทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีต่างก็เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก รูปคดีจึงทราบได้เพียงจากคำให้การของคนที่รอดชีวิตอยู่เท่านั้น จึงยังมีหลายส่วนที่ยังคลุมเคลืออยู่ อีกทั้งทั้งผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ต่างก็มีความสัมพันธ์เป็นญาติ จึงเป็นไปได้ว่าหลายคนอาจอาศัยเหตุการณ์นี้มั่วนิ่มทำเป็นฆ่าญาติที่ไม่ชอบขี้หน้า (หรือซ้ำตอนที่มัตสึโอะลงมือ) และป้ายความผิดทั้งหมดให้กับมัตสึโอะแต่ผู้เดียวก็เป็นได้

หลังเกิดคดีเป็นตามที่มัตสึโอะคาดไว้ ญาติของเขาถูกครหา และถูกตัดขาดจากชาวบ้านคนอื่น ๆ คดีเลยต้องจบแบบนี้ จนกลายเป็นตำนานเล่าปากต่อปากในเวลาต่อมา


Cr. Cammy // Writer.Dek-D.com









 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2558
0 comments
Last Update : 30 กรกฎาคม 2558 14:17:42 น.
Counter : 4591 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.