เทือกเขาซานชิงชาน สวยค่ะ แต่ครั้งเดียวก็เกินพอ
ทริปนี้พึ่งไปมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ เป็นการตัดสินใจไปที่กระทันหันมากเพราะได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์จากเพื่อนเป็นรูปหมู่บ้านเก่าแก่ของจีนที่สวยงามมาก โดยบนหัวเมล์ระบุว่าที่นั่นคือ ซานชิงชาน แค่นั้นแหละค่ะ ให้เพื่อนคนจีนช่วยหาข้อมูลให้ ก่อนไปเพื่อนก็เอารูปมาถามย้ำนะคะว่าอยากไปซานชิงชานจริงๆ เหรอ แล้วยังบอกอีกว่าหมู่บ้านน่ะอยู่อีกเมืองหนึ่ง ไอ้เราก็ยืนยันค่ะจะไปที่นี่แหละ เค้าก็เลยจัดทริปให้ เทือกเขาซานชิงชานตั้งอยู่ที่จังหวัดเจียงซี เราออกเดินทางเย็นวันศุกร์จากเมืองหนิงโปไปถึงซีโดยรถไฟ ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมงค่ะ ออกเดินทางสี่โมงเย็นถึงจังหวัดเจียงซีก็ประมาณเที่ยงคืนค่ะรถไฟเมืองจีนก็จะแบ่งเป็นชั้นๆ เหมือนบ้านเรานี่แหละค่ะ เค้าขายทั้งตั๋วนั่ง ตั๋วยืน และ ตั๋วนอน การบริการก็โอเค แต่พลุกพล่านมากค่ะ เพราะรถไฟ เป็นระบบขนส่งของจีนที่มีราคาถูกค่ะถูกมากๆพวกเราไปถึงเมืองเจียงซีตอนประมาณเที่ยงคืน ค่ะ เด็กๆ ทำแสบมาก เพราะ ไปถึงแล้วถึงได้รู้ว่าพวกคุณเธอไม่ได้จองโรงแรมเอาไว้ สอบไปสอบมาได้ความว่า แค่นอนพักไม่ถึงห้าชั่วโมง ถ้าจองโรงแรมไว้ก่อนเท่ากับต้องจ่ายเท่ากับหนึ่งวัน พวกเค้าเลยไปหาเอาข้างหน้าค่ะ เจอโรงแรมแรกเธอคิดราคาเต็มค่ะ ประมาณพันกว่าบาท พวกไอ้แสบไม่ยอม เลยเดินหากันต่อไป ไปเจอโรงแรมที่สอง คิดครึ่งราคา ห้าร้อยกว่าบาท พวกไอ้แสบทำท่าว่าจะไม่ยอมอีก เลยต้องบังคับว่า ถ้าไม่เอาที่นี่เราจะไม่เดินต่อแล้วนะ นั่นแหละถึงยอมกัน กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง หกโมงเช้าก็ต้องรีบตื่นเพื่อเดินทางต่ออีกสองชั่วโมง ภาพข้างล่างเป็นบรรยากาศตอนเช้า แวะเติมพลังด้วยเฉี่ยวเปา กับปาท่องโก๋แท่งยาวค่ะ พร้อมออกกำลังกายรำไทเก็กกับป้า ๆ ลุง ก่อนขึ้นรถปรากฎว่าถึงสถานีรถบัส กลับไม่มีรถไปถึงเทือกเขาซะอีก เอางัยล่ะทีนี้ นี่เลยค่ะบรรดาแท๊กซี่ก็เสนอหน้าเลยค่ะ (หมูต่างถิ่นมาให้เชือดถึงที่แล้วนี่) แต่พวกเราไม่มีทางเลือก เลยต้องยอมให้เค้าถึงสองคัน แถมแท็กซี่ยังทำแสบอีกค่ะ พอวิ่งไปได้ครึ่งทาง มีผู้โดยสารเรียกรถค่ะ คุณเธอหยุดแล้วหันมาบอกเราว่าพวกเราลงตรงนี้ได้หรือเปล่า แล้วจะคืนเงินให้ครึ่งหนึ่ง เอ๊า ไหงเว้ากันง่ายๆ อย่างงั้นอ่ะ สุดท้ายก็โชคช่วยค่ะมีรถตู้ของหมู่บ้านผ่านมา เลยถือโอกาสจ้างเค้าไปส่งค่ะ (แต่ก็นี่แหล่ะค่ะธรรมชาติของแท็กซี่เมืองจีน เฮ้อ) และแล้วเราก็มาถึงจนได้แต่ก็ได้แค่ตีนเขานะคะ หนทางยังอีกยาวไกลค่ะ ก่อนอื่นมาทำความรู้จักคร่าวๆ ของเทือกเขานี้ก่อนค่ะ เทือกเขานี้สูงประมาณ 1,800 เมตร เป็นหนึ่งใน 38 มรดกโลกของจีนค่ะ พึ่งได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกภายในปีนี้นี่เอง นอกจากนี้เทือกเขานี้ ประเทศจีนยังจะทำเป็นแหล่งเพาะพันธ์หมีแพนด้าแทนที่จังหวัดเสฉวนด้วยนะคะ ไปดูภาพสวยๆ กันค่ะเริ่มต้นด้วย จุดสตาร์ท ทุกคนก็ยังมีแรงอยู่ค่ะเดินไปได้ซักพักก็ถึงจุดที่ต้องเสียตังค์แล้วค่ะ ราคาบัตรผ่านประตูก็อยู่ที่ 150 RMB. ค่ะ เดินมาเรื่อยๆชักเริ่มหิว แวะเติมพลังด้วยก๋วยเตี๋ยวแบบคนจีน ก๋วยเตี๋ยวถ้วยนี้มีแต่ผักกับเส้น ราคาประมาณ 80 บาท แล้วเราก็เริ่มเดินกันต่อค่ะ ระหว่างทางก็มีบ้านคน และโรงแรม แต่กำลังถูกให้ย้ายออกไปค่ะจากรูปข้างล่างเห็นยอดเขาขาวๆ นั่นแหล่ะค่ะ คือเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึงเราเดินกันมาเรื่อยๆ เห็นรูปสวยๆเหล่านี้อย่าคิดว่าได้มาด้วยความง่ายดายนะคะ เหนื่อยค่ะ เหนื่อยมาก คือแบบว่าแก่แล้ว อ่ะ สู้พวกเด็กๆ ไม่ได้ พวกไอ้แสบมันเดินเอาๆ ลิ่วๆ ไปข้างหน้า แต่สำหรับตารั้งท้ายตลอด เดินได้ สามก้าวก็ต้องหยุด เพราะทางเดินเป็นทางขึ้นเขา ถึงแม้เค้าจะทำบันไดให้เดินได้อย่างสบาย แต่สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายอย่างตา ขอบอกค่ะว่าเหนื่อยมาก ถึงมากที่สุด ภาพข้างบน จุดนี้เป็นจุดที่สุดหินที่สุดสำหรับตาค่ะ ตอนเห็นบันไดทางขึ้นแล้วถอนหายใจเลยค่ะ อยากกลับลงไปข้างล่างให้เร็วที่สุด ไม่อยากเดินต่อแล้ว เพราะว่าเหนื่อยมากกกก ไม่อยากขึ้นไปแล้ว แต่ทำงัยได้ ต้องเดินหน้าอย่างเดียว เพราะจะถอยกลับก็ไม่ได้ ถ้าถอยกลับก็เจอทางขึ้นลงเหมือนเดิม แถมพรรคพวกเค้าก็ไปรอกันที่ปลายทางแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เค้าย้อนกลับมา เลยเอาฟะ ไปก็ไป และแล้วก็คลานมาถึงค่ะ สวยมาก สวยจริงๆ เพราะเรายืนอยู่บนยอดเขา ท้องฟ้าก็สวย ยอดเขาต่างๆ ก็สวย เป็นรูปต่างๆ ให้เราจินตนาการความจริงเค้ามีกระเช้าขึ้นไปด้วยนะคะ แต่ดันขึ้นผิดทางอ่ะ พวกไอ้แสบดันพามาเดินขึ้นทางใต้ กระเช้าเค้าอยู่ทางเหนือ เริ่มเดินกันตั้งแต่ เก้าโมงเช้า ถึงสถานีกระเช้าไฟฟ้าก็สี่โมงกว่าๆ ถึงตีนเขาก็ห้าโมงเย็นพอดี นั่งกระเช้าไฟฟ้าลงมายังไม่ถึงครึ่งทาง พวกไอ้แสบบอกว่าจะกลับหนิงโปเย็นนั้นเลย โอ้วพระเจ้า พวกมันเล่นเราอีกแล้ว เหตุผลที่มันให้คือกลับเย็นวันนั้นยังได้พักผ่อนวันอาทิตย์หนึ่งวันก่อนไปทำงาน เลยเอ้า ว่างัยก็ว่าตามกัน นั่งรถไฟกลับกันตอนสองทุ่ม ถึงบ้าน เจ็ดโมงเช้า ตื่นนอนอีกที สี่โมงเย็น เช้าวันรุ่งขึ้นไปทำงานลิฟท์ดันปิดซ่อม ต้องเดินลงจากชั้นสิบห้า แล้วเดินขึ้นอีกสองชั้น โอว ชั้นทำอะไรผิด พระเจ้าลงโทษเราทำมายยยยยสรุปว่างานนี้ หมู่บ้านที่อยากไปน่ะไม่ได้ไปค่ะ เพราะเวลาหมดไปกับการปีนเขา แถมใช้เวลาสามวันค่ะกว่าจะเดินได้ตามปกติ เข็ดแล้วค่ะ ครั้งนี้ครั้งเดียว ไม่เอาอีกแล้วเทือกเขาต่างๆ เนี่ยะ ต่อให้สวยแค่ไหนก็เถอะ