|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
จิบกาแฟแลหนังไทย : "สาระแน โอเซกไก"
สาระแน โอเซกไก
mrcoffeeatpantip@hotmail.com
Twitter @MrCoffee_Pantip
คอลัมน์: จิบกาแฟแลหนังไทย
นิตยสาร: VOTE ปีที่ 8 ฉบับที่ 167 ปักษ์แรก ,พฤศจิกายน 2555 หน้า 55 สาระแน เริ่มต้นจาก รายการทีวีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 15 ปี จนปัจจุบันมีธุรกิจในเครือมากมาย ทั้งบริษัท ลักษ์ 666 ทีวีดาวเทียมช่องสาระแน แชนแนล หนังไทย 3 เรื่อง ที่ทำรายได้อยู่ในระดับดีพอสมควร คือ สาระแนห้าวเป้ง สาระแนสิบล้อ และสาระแนเห็นผี โดยหนังจะมีเนื้อเรื่องที่เป็นของตนเอง ไม่ได้อิงพื้นฐานจากรายการสาระแน ซึ่งปกติจะเป็นรายการที่แกล้งอำดาราเป็นหลัก ยกเว้น สาระแนห้าวเป้ง ที่แกล้งนักศึกษาฝึกงานจนนักศึกษาฝึกงานคนนั้นที่ชื่อ สตาร์บัคส์ ได้กลายมาเป็นดาราหนังอีกหลายเรื่อง และวันนี้ วิลลี่ - เริงฤทธิ์ แมคอินทอช และหอย - เกียรติศักดิ์ อุดมนาค กลับมาพร้อมกับหนังเรื่องใหม่ สาระแน โอเซกไก
สาระแน โอเซกไก กลับมาอยู่บนพื้นฐานเดิมของรายการคือการแกล้งอำดารา ที่คราวนี้จัดหนัก โดยหลอกดาราไปที่ประเทศญี่ปุ่น และเตรียมการหลอก/อำ โดยร่วมกับทีมงานญี่ปุ่น ซึ่งคำว่า โอเซกไก ในภาษาญี่ปุ่น ก็มีความหมายว่า สาระแน นั่นเอง และในคราวนี้ สาระแนย้ายค่ายมาทำงานร่วมกับทางค่ายหนัง m๓๙ ซึ่งก็คงมีเหตุผลบางประการ แต่เท่าที่ทราบ ในส่วนการผลิตหนัง ก็ยังเป็นทีมของทางสาระแนเป็นผู้ดำเนินการเป็นหลักส่วน ทาง m๓๙ เข้าไปช่วยเหลือในเรื่องการตัดต่อ การจัดจำหน่ายและการประชาสัมพันธ์
หลังจากที่ผมได้มีโอกาสชมหนังในรอบสื่อมวลชน ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่คิดไว้ก่อนการเข้าไปชมคือ การเข้าไปชมรายการสาระแนในโรงภาพยนตร์ จะเป็นอย่างไร จะไหวหรือไม่ และจะแตกต่างจากรายการสาระแนที่ปกติ ดูฟรีทางทีวีอย่างไร ถ้าไม่แตกต่าง แล้วจะคุ้มค่าหรือที่จะเสียเงินเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ เชื่อว่าหลายๆท่านก็คงมีคำถามนี้ในใจเหมือนกับผม
เปิดมา เรื่องราวก็แปลกดีครับ เหมือนเอาเบื้องหลังมาผสมเบื้องหน้า เหมือนการแสดง สลับกันไปมา ซึ่งบอกเลยว่า ช่วงการแสดงที่วิลลี่และหอยเล่นเป็นซามุไรนั้น ไม่ฮาเอาเสียเลย ฝืดมากๆ มีดีแค่ตอนช่วงหลังบ้าง แต่ช่วงที่เป็นเบื้องหลังผมว่าน่าสนใจดีครับ เพราะมันเป็นโครงเรื่องหลักที่ว่า หอยอยากทำหนังที่พาดาราไปแกล้งที่ญี่ปุ่น จึงมีทั้งเรื่องของเงินทุน วิธีการถ่ายทำหนัง ฯลฯ เหมือนได้ดูเบื้องหลังของหนัง และสิ่งที่น่าดูที่สุดคือช่วงของการแกล้งครับ
เหยื่อคนแรกคือ เคน - ภูภูมิ พงศ์ภานุ ถูกหลอกมาถ่ายโฆษณา ช่วงนี้มันมีบางมุกที่ถ้าคุณนึกออกหรือเคยดูโฆษณาเก่าบางตัว รับรองว่าฮาเละ ซึ่งผมนึกออกเลยหัวเราะกระจายครับ หลังจากนั้นก็เป็นช่วงการแกล้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เกินจากที่ได้ดูในตัวอย่าง ช่วงนี้ถือว่าพอได้ฮาบ้างพอประมาณครับ
เหยื่อคู่ต่อมาคือ เนโกะ จัมป์ ฝาแฝด เนย-แจม วรัฐฐา อิมราพร, ชรัฐฐา อิมราพร อันนี้ไม่ค่อยฮาครับ เพราะคนดูจะรู้อยู่แล้วว่าจะแกล้งน้อง 2 คน อย่างไร ถือว่าเฉยๆ ไม่ตื่นเต้น แต่ก็ต้องขอชมเชยคุณหอยว่าลงทุนมากๆกับการพยายามแกล้งน้องทั้ง 2 คน
เหยื่อคนที่ 3 คือ ตั๊ก - บริบูรณ์ จันทร์เรือง อันนี้สุดยอดครับ ต้องขอชมคุณจ็อบ นิธิ สมุทรโคจร ที่เป็นคนหลอกตั๊กไป และทีมงานญี่ปุ่นที่เป็นทีมแกล้ง ทำได้ ถึง มากๆครับ เรียกว่าเป็นผลงานชิ้นเอกทางการแกล้งอำดาราของสาระแนเลยทีเดียว เพราะแผนที่วางไว้นั้นมีบทที่ดีมาก หักมุมไปมาจนคนดูจับทางไม่ได้ เดาไม่ได้ด้วยว่าจะมาเฉลยตอนไหน ตอนนี้สุดๆครับ เป็นส่วนที่เด็ดที่สุดของหนังเรื่องนี้เลย ดูแล้วก็สงสารตั๊กครับ แต่ก็ฮามากๆในคราวเดียวกัน ยอดเยี่ยมครับ
หลังจากตรงนี้ก็มีส่วนของ แจ๊ส ชวนชื่น ซึ่งฮา แต่ก็ไม่มากนักเพราะคนดูจะรู้เรื่องแล้วว่าจะแกล้งยังไง และตอนสุดท้ายที่ สำหรับผม คนที่เคยมีประสบการณ์เคยตกอยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกับเรื่องที่เกิดตอนท้ายเรื่อง กลายเป็นเข้าใจและพาลจะน้ำตาซึม ทั้งๆที่คนเค้าหัวเราะกันทั้งโรง แต่สุดท้ายก็ดีใจที่เป็นการแกล้งครับ เรื่องแบบตอนท้ายถ้าเกิดขึ้นจริง มันจะบีบหัวใจคนที่เคยมีประสบการณ์แบบนั้นอย่างรุนแรงครับ มันจะเครียดมากๆแบบสุดๆ ขอไม่เล่าละกันครับ และ End Credit ก็ยังมีความฮาพอสมควรให้ได้ดูกัน
คราวนี้ดูจบก็มามองว่า สาระแนโอเซกไก เป็นหนัง หรือเป็นแค่รายการโชว์รายการหนึ่งนำมาฉายในโรงภาพยนตร์ ก็ต้องบอกว่า เป็นหนังครับ เป็นหนังที่มีเรื่องราวของคนทำหนัง เป็นหนังซ้อนหนังนั่นแหล่ะ
ในด้านการแสดง ถ้าในส่วนที่เป็นการแสดงจริงๆ ที่วิลลี่ - หอยเล่นเป็นซามุไร ขอบอกว่าไม่ผ่านครับ ดูไม่น่าสนใจ ไม่มีอะไรเลย ยกเว้นอันสุดท้ายที่เจ๋งใช้ได้ (ขอไม่บอกนะครับ) ในส่วนของทีมงานญี่ปุ่น ขอชื่นชมว่าทำได้ดีและเนียนมากๆ ส่วนเหยื่อก็ต้องบอกว่า เขาเหล่านั้นไม่ได้แสดงหรอกครับ เพราะถ้าแสดงก็เป็นการเตี้ยมกันไว้ก่อน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ความสมจริงก็จะหายไป และคนดูจะจับได้อย่างแน่นอน ส่วนการขาด เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย จะบอกว่าเหมือนมีอะไรหายไปก็ใช่ครับ แต่จะบอกว่าถึงกับไม่มีเปิ้ลแล้วแย่ ก็ไม่ใช่อีกครับ เพราะความเจ๋งอยู่ที่ตอนแกล้งดารา ไม่ใช่การแสดงของทีมสาระแน
สรุป ถ้าอยากดูสาระแนแบบท็อปฟอร์มด้านการแกล้ง ต้องดูครับ ถ้าอยากดูหนังที่มีเรื่องราว ก็คงไม่ใช่ ถ้าเป็นแฟนรายการสาระแน แฟนหนังสาระแนอยู่แล้ว ไม่ควรพลาด แต่ถ้าเฉยๆ กับสาระแน แต่ชอบหนังตลก ก็พอไหวครับ เพราะที่ฮา มันฮาจริงๆ
เกรดหนัง พอดูได้
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2555 21:55:39 น. |
Counter : 1561 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|