Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
จิบกาแฟแลหนังไทย : เปรียบมวย "อันธพาล" กับ "2499 อันธพาลครองเมือง"

mrcoffeeatpantip@hotmail.com

Twitter @MrCoffee_Pantip

คอลัมน์: จิบกาแฟแลหนังไทย

นิตยสาร: VOTE ปีที่ 7 ฉบับที่ 162 ปักษ์แรก ,กรกฎาคม 2555 หน้า 54-55

เมื่อปี พ.ศ. 2540 มีหนังไทยเรื่องหนึ่ง ที่สร้างประวัติศาสตร์ในวงการหนังไทย เปลี่ยนภาพลักษณ์ของหนังไทยในยุคนั้นที่ดูไม่ทันสมัยและคุณภาพไม่ทัดเทียมกับหนังฮอลลีวูด
ให้ฟื้นกลับขึ้นมา ด้วยคุณภาพเต็มเปี่ยม งานด้านภาพที่สวยงาม บทที่หนักแน่น กลุ่มนักแสดงหน้าใหม่ ที่ต่อมาแจ้งเกิดในวงการบันเทิงไทยมากมาย ตั้งแต่ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ในบท แดง ไบเลย์ ต็อก ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ ในบท ปุ๊ ระเบิดขวด
ชาติชาย งามสรรพ์ ในบท ดำ เอสโซ่ และคนอื่นๆอีกหลายคน โดยการกำกับของ พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับที่ต่อมาก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับชั้นนำของเมืองไทย หนังไทยเรื่องนั้นคือ "2499 อันธพาลครองเมือง"

จนมาถึงปีนี้ พ.ศ. 2555 ได้มีหนังไทยอีกเรื่องหนึ่ง สร้างขึ้นโดยใช้เรื่องราวในยุคสมัยเดียวกัน เหมือนเป็นการรีเมค "2499 อันธพาลครองเมือง" ซึ่งคงเป็นความคิดตั้งแต่แว๊บแรกๆของหลายๆคน ที่ได้ข่าวว่าจะมีการสร้างหนังเรื่อง "อันธพาล"
และคำถามก็มีตามมามากมาย ที่ถามกันมากที่สุดคือ ของเดิมก็ดีอยู่แล้ว แล้วฉบับรีเมค จะสู้ได้หรือ อีกทั้งยังมีคนมองว่า หมดยุคหนังแนวนี้ไปแล้วอีกด้วย

พอหลังจากที่ได้มีโอกาสชมทีเซอร์ และหนังตัวอย่างของ "อันธพาล" ความน่าสนใจมีอยู่ตั้งแต่เห็นชื่อของผู้กำกับ (ซึ่งในตัวอย่างก็เน้นมากๆ) นั่นคือ คุณก้องเกียรติ โขมศิริ เพราะลองดูรายชื่อหนังที่คุณโขมกำกับมาทั้งหมดนั้นตั้งแต่ "ลองของ(กำกับร่วม)" "ไชยา" "เฉือน" "หลุดสี่หลุด ตอนร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด" ล้วนเป็นผลงานที่เรียกได้ว่ามีคุณภาพทั้งสิ้น และความคาดหวังของผมกับหนังเรื่องนี้ก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ว่า "อันธพาล" เป็นอย่างไร จะข้ออธิบายเป็นหัวข้อและขอนำ "2499 อันธพาลครองเมือง" มาเปรียบเทียบกันไปด้วย

เนื้อเรื่อง
แน่นอนว่า "อันธพาล" และ "2499 อันธพาลครองเมือง" มีที่มาจากเรื่องราวในยุคสมัยเดียวกัน ซึ่งกล่าวถึงยุคช่วง พ.ศ. 2497-2501 ที่เกิดยุคที่เรียกว่า แก๊งเสตอร์ ขึ้นในเมืองไทย แต่ที่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจาก "2499 อันธพาลครองเมือง" มีที่มาจากการดัดแปลงหนังสือ เส้นทางมาเฟีย ที่เขียนโดย คุณสุริยัน ศักดิ์ไธสง (หรือเปี๊ยก วิสุทธิกษัตริย์ในเรื่อง) แต่สำหรับ "อันธพาล" ที่มานั้นได้มาจากหาข้อมูลอย่างมากมายของทีมงานแล้วค่อยนำรวบรวม กลั่นกรองทำเป็นบท ก็ต้องขอบอกว่า ทั้ง 2 เรื่องทำได้ดีมากๆในทิศทางของตัวเอง คือ "2499 อันธพาลครองเมือง" เน้นฉากความเป็นฮีโร่ ความเท่ การต่อสู้ มิตรภาพ แต่ในอันธพาล เน้นความเป็นคนธรรมดา มีเจ็บ มีปวด มีดีใจ เสียใจ ทำผิดแล้วก็ติดคุก แต่ก็ได้ความรู้สึกถึงความสมจริงและสัมผัสได้มากกว่า

การแคสติ้ง (การคัดเลือกนักแสดง)
ใน "อันธพาล" ยังคงมีตัวแสดงหลักที่มีใน "2499 อันธพาลครองเมือง" ทั้ง แดง ไบเลย์ (ที่ใน"อันธพาลเรียกว่า แดง) ปุ๊ ระเบิดขวด และ ดำ เอสโซ่ แต่หนึ่งคนที่มาใหม่ คือ จ๊อด เฮาดี้ ที่กลายเป็นหนึ่งในตัวเดินเรื่องหลักของ "อันธพาล" หนังทั้ง 2 เรื่อง ทำได้ค่อนข้างดี ถึงแม้เต๋า สมชาย เข็มกลัด ผู้แสดงเป็น แดง อาจจะดูแตกต่างกับ แดง ไบเลย์ ที่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ แสดงไว้ไปบ้าง แต่ก็ให้ภาพของอันธพาลออกมาได้ชัดเจน ส่วน จ๊อด เฮาดี้ ที่ได้คุณน้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ที่ก่อนได้ชม ผมก็มีความรู้สึกว่า เสียงของคุณน้อย ดูจะแหลมเล็กไปสักนิด แล้วจะเป็นอันธพาลได้จริงหรือ คำถามนี้รับรองว่าจะหายสาบสูญไปหมด หลังจากได้ดูสิ่งที่คุณน้อยแสดงให้พวกเราดู ส่วนตัวแสดงอื่นๆ ก็ใช้ได้ ต้องถือว่าโดยรวม "อันธพาล" ทำได้ดีในเรื่องนี้ ไม่แพ้ "2499 อันธพาลครองเมือง" เรียกว่าดูแล้วไม่ติดขัดอะไร

การเล่าเรื่อง
หนังทั้ง 2 เรื่อง มีสไตล์การเล่าเรื่องที่คล้ายกัน คือมีภาพของคนในยุคนั้นมาเล่าเรื่องให้ฟังสลับกับภาพในหนัง แต่ของ "อันธพาล" จะเป็นลักษณะการสัมภาษณ์มากกว่า และเราจะไม่รู้เลยว่าผู้อาวุโสทุกท่านเหล่านี้ ชื่ออะไรบ้าง เพราะไม่มีคำอธิบายใดๆ ซึ่งทำให้ขาดอารมณ์ร่วมในจุดนี้ไป และปัญหาจากการตัดเข้ามาเล่าเรื่องของท่านทั้งหลาย ในบางครั้งขัดกับอารมณ์ของหนังที่กำลังมันส์ ซึ้ง เครียด ทำให้เกิดความขาดตอนของอารมณ์อย่างช่วยไม่ได้ คงต้องบอกว่า การเล่าเรื่องของ "2499 อันธพาลครองเมือง" มีความราบรื่นลงตัวกว่าครับ ส่วนเรื่องของช่วงเวลา ใน "2499 อันธพาลครองเมือง" ช่วงเวลาจะไม่นานนัก แต่ของ "อันธพาล" จะยาวนานกว่า คือเลยจากที่แดง ตายไปแล้วพอสมควร ทำให้บางครั้งดูเหมือนหนังเร่งเวลา เช่น ช่วงเวลาในคุกของจ๊อด ที่เหมือนพึ่งโดนจับ แล้วก็ออกมา จริงๆน่าจะเป็นเวลานานพอสมควร สาเหตุก็คงด้วยการเล่าเรื่องที่มีช่วงเวลานาน เส้นเรื่องลากไปตัดกันไปมาของหลายตัวละคร บางส่วนจึงต้องถูกตัดหายไป

การแสดง
ใน "อันธพาล" การแสดงที่โดดเด่นของคน สร้างความรู้สึกร่วมในการชมได้เป็นอย่างดี ที่โดดเด่นระดับที่ว่า ถ้าปีนี้ ไม่ชื่อของ น้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ในบท จ๊อด เฮาดี้ ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมใดๆ คงเป็นเรื่องแปลกประหลาด พลังการแสดงที่ทำให้ คนที่หวั่นๆใจก่อนดูแบบผม เชื่อ 100% เลยว่า จ๊อด เฮาดี้ อยู่ตรงหน้านี้แล้ว ไม่มีข้อติใดๆ ยอดเยี่ยมครับ ที่น่าประทับใจอีกคนก็คงเป็นคุณแฟร้งค์ ภคชนก์ โวอ่อนศรี พิธีกรมาดกวนในรายการ The Star ที่ผมจำไม่ได้ตอนที่ดูว่าคือคุณแฟรงค์ เพราะการแสดงในบท โอวตี่ นั้นยอดเยี่ยม เหี้ยมโหด ยิ่งช่วงที่ปะทะกับจ๊อดนั้น สุดยอดจริงๆ และนักแสดงสมทบทุกท่าน แสดงๆได้ดีมากๆ อาจมีการแสดงของคุณจี๊บ วสุ ที่อาจดูล้นเกินไปบ้าง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งพูดได้เลยว่า การแสดงโดยรวม ดูดีกว่า "2499 อันธพาลครองเมือง" ครับ

ฉากแอ๊คชั่น (ฉากต่อสู้)
ใน "2499 อันธพาลครองเมือง" เราจะได้พบกับฉากต่อสู้ที่ดูเท่ ภาพสวย แต่ใน "อันธพาล" คุณจะพบกับฉากต่อสู้ที่สมจริง จริงจัง รุนแรง และโหด บางฉากทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่อง DRIVE ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความโหด ต้องบอกว่า บางฉาก แรงไปสำหรับเด็กๆ แต่ก็แน่นอน หนังเรื่องนี้ก็เหมาะสมในเรตของมันอยู่แล้ว เปรียบง่ายๆว่าใน "2499 อันธพาลครองเมือง" ดูแล้วสวย เพลินตา แต่ใน "อันธพาล" ดูแล้วรู้สึกได้ถึงความเจ็บ บางครั้งต้องเบือนหน้าหนีบ้าง ในส่วนนี้เรียกว่า ทางใครทางมัน ก็แล้วกันครับ แต่ถือว่า ได้มาตรฐานระดับสูงทั้ง 2 เรื่อง

อารมณ์ของหนัง
"อันธพาล" ให้ความรู้สึกว่าหนังเป็น 2 ส่วน คือก่อนแดงตาย และหลังแดงตาย ครึ่งแรกให้อารมณ์คล้าย "2499 อันธพาลครองเมือง" คือความเป็นฮีโร่ของกลุ่มอันธพาล ส่วนหนึ่งก็คงเกิดจากเนื้อเรื่องที่ทับกัน แต่ครึ่งหลัง เหมือนหนังมันดาร์คขึ้น ภาพฮีโร่ที่สวยงามแต่ละคน ถูกทำลายด้วยการตายแบบธรรมดาๆ ผลของการกระทำที่เป็นอันธพาล เริ่มตามมาทวงคืน ความมืดหม่นเริ่มมากขึ้น แต่ผมชอบครึ่งหลังมากกว่าครับ หนังพาเราไปได้ไกล กว้างกว่า "2499 อันธพาลครองเมือง" มากพอสมควร ให้แง่คิดที่ดี สารภาพว่าตอนที่ได้ดู ครึ่งแรกของหนังทำเอาผมกังวลว่าวัยรุ่นที่ดูหนังเรื่องนี้ออกมาแล้วจะฮึกเหิมจนอยากเป็น "อันธพาล" แต่ครึ่งหลังทำให้ผมหมดกังวลในเรื่องเหล่านี้ไป แต่เนื่องจากการที่มีการตัดสลับไปมากับการสัมภาษณ์ ทำให้ความต่อเนื่องของอารมณ์ยังสะดุดอยู่บ้างครับ

การตัดต่อ
ถ้า "2499 อันธพาลครองเมือง" เป็นการตัดต่อตามมาตรฐานทั่วไป "อันธพาล" ก็เป็นงานที่มีเทคนิคที่แปลกออกไป การใช้การสัมภาษณ์ สลับกับการพากย์เสียงบรรยาย สลับกับเนื้อเรื่อง สลับกับภาพเนื้อเรื่องที่ทำเป็นคล้ายข่าว(เป็นภาพขาวดำ) คงจะทำให้คนที่ชอบดูหนังตามขนบธรรมเนียมทั่วไป เกิดการรำคาญอยู่บ้าง ที่ขณะกำลังกดดัน ตื่นเต้น ก็มีท่านผู้อาวุโสโผล่ออกมาเล่าเรื่องแบบชิวๆ แต่สำหรับคนที่ชอบความทันสมัย เน้นความรวดเร็วของเนื้อเรื่อง ก็ถือว่า "อันธพาล" น่าจะเหมาะครับ แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่มีมากกว่า "2499 อันธพาลครองเมือง" น่าจะเกิน 2 เท่า ก็คงไม่สามารถใช้วิธีการเล่าแบบปกติทั่วไปได้

บทสรุป
ส่วนที่ชอบใน “อันธพาล” ที่ผมชอบมากที่สุดก็คงเป็นการแสดงระดับเทพของ น้อย วงพรู ที่น่าประทับใจและติดตาจนถึงวันนี้ อีกทั้งความสมจริงของการต่อสู้ที่ดูแล้วมันส์ ไม่แพ้หนังแนวแก๊งค์เสตอร์ของชาติอื่นๆ ส่วนที่ไม่ชอบ ก็คงเป็นการเล่าเรื่องที่มีการตัดต่อสลับไปมาจนทำให้อารมณ์ของหนังขาดความต่อเนื่องไปนิด แต่ที่อยากจะพูดถึงมากๆคือ "2499 อันธพาลครองเมือง" เป็นเรื่องแต่ง ที่ถึงแม้ในยุคนั้นที่ดู หลายคนรวมทั้งผม เชื่อว่าเรื่องราวในหนัง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด แต่ตัวหนังก็ยังเป็นหนังที่มีคุณภาพสูงมากๆอยู่ดี และ "อันธพาล" ที่อยู่บนพื้นฐานจากข้อมูลจริงมากกว่า ก็ไม่ได้ด้อยกว่าในด้านของความสนุกสนานแต่ประการใด หนังทั้ง 2 เรื่องนี้ คุ้มค่ากับการสละเวลาดูทั้ง 2 เรื่อง โดยที่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องของหนัง เปรียบเทียบก็เหมือนกับการดู Batman ของ ทิม เบอร์ตัน กับ Batman ของ คริสโตเฟอร์ โนแลนด์ ซึ่งสนุกทั้งคู่ มีที่มาจากเรื่องเดียวกัน แต่เล่าเรื่องไม่เหมือนกัน โทน ภาพ อารมณ์ก็ไม่เหมือนกัน และไม่จำเป็นต้องเลือกดูด้วยครับ ส่วนเรื่องว่า “อันธพาล” คือรีเมคของ "2499 อันธพาลครองเมือง" หรือไม่ ในมุมมองผม ผมว่าไม่ใช่การรีเมคครับ เป็นส่วนเล่าเรื่องแบบลงรายละเดียดเพิ่มเติมและขยายให้กว้างขึ้น ลึกขึ้นมากกว่า ขอบอกว่า พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ สร้างงานคุณภาพ อีกแล้วครับท่าน และเมื่อดูหนังจบแล้ว ผมนึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมาทันที ประโยคติดปากที่มาจากรายการแนะนำสินค้าทางโทรทัศน์ "พระเจ้าจ๊อด คุณยอดมาก"

เกรดหนัง - น่าดูมาก











Create Date : 28 กรกฎาคม 2555
Last Update : 28 กรกฎาคม 2555 13:48:51 น. 0 comments
Counter : 4580 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr. Coffee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




สวัสดีครับทุกๆท่าน ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ
Friends' blogs
[Add Mr. Coffee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.