ไอทีพีซี จัดเสวนา “จริยธรรมสื่อกับการใช้สังคมออนไลน์”
นายกสมาคมนักข่าวฯ ชี้ ควรใช้อยู่บนกรอบของวิชาชีพ
ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวปะปน ส่วน บก.บริหารเนชั่น ชี้
ทวิตเตอร์ทำให้คนเชื่อถือและรู้จักนักข่าวมากขึ้น...


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 พ.ค.2553)
ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITPC)
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้จัดงานเสวนาจิบน้ำชาครั้งที่
1/2553 ในหัวข้อ “จริยธรรมสื่อกับการใช้ Social Media”
ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตพญาไท ชั้น 20 อาคารเอสเอ็ม ทาวเวอร์
โดยมีสื่อมวลชน และ นักวิชาการผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อสารมวลชน
และเป็นผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) ได้แก่
นายอดิศักดิ์ ลิมป์รุ่งพัฒนกิจ บรรณาธิการบริหาร จากเครือเนชั่น
นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวฯ และ นายมานะ ตรียาภิวัฒน์
นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
รวมทั้งมีสมาชิกชมรมที่เป็นผู้สื่อข่าวสายไอที
และสมาชิกองค์กรเข้าร่วมฟังสัมมนาอย่างคับคั่ง


นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า เครือเนชั่นกระโจนเข้าหาสังคมไซเบอร์มาได้ระยะหนึ่ง
และยังนำเอาเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่นิยมใช้กัน เช่น บล็อกโอเค เนชั่น และ
ทวิตเตอร์มาใช้รายงานข่าว โดยนักข่าวภาคสนามของเนชั่น 
เพื่อให้เขาได้แสดงความเป็นตัวตน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง
โดยให้ใช้ทวิตเตอร์เป็นเครื่องมือกระจายข่าว ใช้เฟซบุ๊กสร้างแฟนคลับ
และใช้บล็อกในการแสดงความเห็นส่วนตัว ทั้งนี้
เพื่อให้นักข่าวได้มีตัวตนที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม
เนื้อหาที่จะทวิตออกไปนั้นต้องเป็นข้อเท็จจริง
ใช้ภาษาที่อ่านแล้วเปิดกว้าง ให้ความเป็นธรรม
ส่วนการรีทวิตนั้นก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบ
กลั่นกรองข้อมูลก่อนตัดสินใจส่งออกไป เพราะถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัว
พร้อมรับกับการตรวจสอบที่เข้มค้นจากผู้ชมที่ติดตาม  


ด้าน นายประสงค์ กล่าวว่า การวางกรอบจริยธรรม
การใช้งานทวิตเตอร์ของนักข่าวยังไม่เคยมีมาก่อน
อาจต้องหาเจ้าภาพเช่นไอทีพีซีร่วมกับสมาคมนักข่าวฯ
ในการพูดคุยหาความชัดเจน เนื่องจากอาจกระทบกับการใช้งาน
อย่างไรก็ตามการที่ไร้ตัวตนบนโลกออนไลน์
มีผลต่อการควบคุมการละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ขณะนี้มีความสับสนระหว่าง
“ข้อเท็จจริง” และ ”ความจริง” เพราะ 2 สิ่งนี้
เสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้เป้นเครื่องมือทางการเมือง
ข่าวจากทวิตเตอร์ควรถูกต้องตามข้อเท็จจริง
แต่ความเร็วในการส่งทำให้ยังมีอันตราย


นายกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวอีกว่า ดังนั้น
ผู้ใช้งานต้องมีวิจารณญาณในการปฏิบัติ
เชื่อว่าต้องใช้การเรียนรู้ในการควบคุม
และสังคมจะเป็นผู้ที่ตรวจสอบการทำงาน
ตัวองค์การของนักข่าวก็ต้องมีบทบาทในการดูแล การทวิตเตอร์งานข่าว
และเรื่องส่วนตัวควรแยกแยะให้ชัดเจน หรือ ถ้ามีการแสดงความเห็น
ก็ต้องระบุว่าเป็นการแสดงความเห็นตามวิชาชีพ
เพราะหากทวิตเตอร์ไปตามอารมณ์อาจทำให้คนอื่นตีความหมายผิดเพี้ยนไปได้


ส่วน นายมานะ กล่าวว่า การรายงานข่าวทางทวิตเตอร์ของผู้สื่อข่าว
มักจะเป็นในรูปแบบที่รวดเร็ว ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่อาจเกิดความผิดพลาดได้
ดังนั้นในแง่ของผู้รับสารเมื่อตามอ่านทวิตเตร์นักข่าวแล้ว
ควรติดตามจากหลายๆ คนในสื่อที่แตกต่างกันไป ไม่ควรปักใจเชื่อในคนใดคนหนึ่ง
และหากสื่อรายงานพิดพลาด ก็จำเป็นต้องขอโทษและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
เพื่อทำให้สังคมไทยก้าวสู่สังคมข่าวสารที่แท้จริง
ทั้งนี้นักข่างพึงระลึกเสมอว่า ทวิตเตอร์
และเฟซบุ๊กที่เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวอีกต่อไป
เพราะคอนเทนท์ที่อัพโหลดขึ้นไป
สามารถถูกก๊อปปี้กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตแบบเพื่อต่อเพื่อน


เช่นเดียวกับการรายงานข่าวบนทวิตเตอร์
ตัวนักข่าวก็ส่งผลต่อองค์กรที่สื่อคนนั้นๆ สังกัด หากมีข้อผิดพลาดจะลำบาก
เนื่องจากคนปักใจเชื่อตามความน่าเชื่อถือ
ขณะเดียวกันก็ต้องมาศึกษาถึงการส่งต่อข้อความ หรือเนื้อหาข่าวว่า
นี่นับเป็นการทำข้อมูลซ้ำแบบผิดกฎหมาย หรือ ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือไม่
สิ่งเหล่านี้แต่ละองค์กรต้องมีกรอบในการทำงานที่ชัดเจน
วันนี้เครือข่ายสังคมออนไลน์กลายเป็นปรากฏการณ์ของสังคม ผู้ใช้งาน
และผู้รับสารจึงควรระมัดระวังปรากฏการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้
เพื่อนำไปสู่การใช้เครือข่ายออนไลน์อย่างรับผิดชอบ