รอยยิ้มที่สดใสและฟันที่ขาวสะอาดเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบในปัจจุบัน หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาฟันคราบและสีฟันที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเกิดคราบจากอาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้แต่ยาบางชนิด ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงาม แต่ยังบั่นทอนความมั่นใจในการเข้าสังคมอีกด้วย บทความนี้จึงจะมาบอกตัวช่วยด้วยการฟอกสีฟัน ที่จะคืนความมั่นใจให้ทุกปัญหาฟันคราบ  ฟอกสีฟันช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ? การฟอกสีฟันเป็นหัตถการทางทันตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันต่าง ๆ ดังนี้ -
ฟันเหลืองหรือสีคล้ำ : การฟอกสีฟันช่วยปรับสีฟันให้ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้รอยยิ้มที่ได้ดูสดใสยิ่งขึ้น -
คราบฝังแน่น : คราบที่เกิดจากอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ สามารถขจัดออกได้ด้วยการฟอกสีฟัน -
ผลพวงจากยาบางชนิด : เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาทางจิตเวช อาจมีผลต่อการสร้างน้ำลาย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดคราบสีบนฟันได้ หรือยาบางประเภท เช่น น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) หรือยาหยอดที่มีส่วนผสมของเหล็ก อาจทำให้เกิดคราบสีบนผิวฟันได้ ซึ่งมักเป็นสีน้ำตาลหรือสีเหลือง ซึ่งการฟอกสีฟันจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่จำเป็นต้องใช้ยา อย่างไรก็ตาม ยาบางประเภทอาจเปลี่ยนแปลงสีฟันลึกถึงตัวฟัน ซึ่งอาจต้องใช้วิธีอื่น ๆ ในการรักษา จึงต้องปรึกษาทันตแพทย์ถึงแนวทางที่เหมาะสมที่สุด -
สีฟันไม่สม่ำเสมอ : การฟอกสีฟันช่วยปรับสีฟันให้มีความสม่ำเสมอมากขึ้น ทำให้ฟันดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ ใครที่เหมาะกับการฟอกสีฟัน ? โดยทั่วไปแล้ว การฟอกสีฟันเหมาะสำหรับผู้ที่มีสุขภาพฟันและเหงือกแข็งแรง ไม่มีฟันผุ หรือโรคเหงือกอักเสบ ผู้ที่เหมาะสมกับการฟอกสีฟัน จึงได้แก่ ผู้ที่มีฟันเหลืองหรือสีคล้ำจากคราบอาหาร เครื่องดื่ม หรืออายุที่มากขึ้น ผู้ที่มีฟันสีไม่สม่ำเสมอ และผู้ที่ต้องการปรับปรุงรอยยิ้มให้ดูสดใสและมั่นใจยิ่งขึ้น ใครที่ไม่เหมาะกับการฟอกสีฟัน ? แม้ว่าการฟอกสีฟันจะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสมกับการฟอกสีฟัน ซึ่งมีบางกลุ่มที่ไม่แนะนำให้ทำหัตถการนี้ เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพฟันหรือทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น -
เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี : การฟอกสีฟันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อโพรงประสาทฟันที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ -
ผู้ที่มีฟันผุ : ฟันผุเป็นภาวะที่ฟันสูญเสียแร่ธาตุ ทำให้ฟันอ่อนแอ การฟอกสีฟันอาจทำให้ฟันผุมากขึ้นและเกิดอาการเสียวฟันได้ -
ผู้ที่มีโรคเหงือก : โรคเหงือกทำให้เหงือกอักเสบและบวม การฟอกสีฟันอาจทำให้เหงือกบอบบางยิ่งขึ้นและเกิดการระคายเคืองได้ -
ผู้ที่มีฟันที่เคยอุด หรือเคลือบฟัน : การฟอกสีฟันจะทำให้สีของวัสดุอุดหรือเคลือบฟันไม่สม่ำเสมอ และอาจต้องทำการเปลี่ยนวัสดุอุดหรือเคลือบฟันใหม่หลังการฟอกสีฟัน -
ผู้ที่มีอาการเสียวฟัน : การฟอกสีฟันอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการเสียวฟันอยู่แล้ว -
ผู้ที่แพ้สารฟอกสีฟัน : หากแพ้สารฟอกสีฟัน อาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน หรือบวม -
ผู้ที่มีฟันปลอม : การฟอกสีฟันจะไม่มีผลต่อสีของฟันปลอม 10 ขั้นตอนการฟอกสีฟัน -
ปรึกษาทันตแพทย์ : เพื่อประเมินสภาพฟันและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม -
ทำความสะอาดฟัน : ขจัดคราบและสิ่งสกปรกออกจากผิวฟัน -
ป้องกันเหงือก : ป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก -
ทาน้ำยาฟอกสีฟัน : ทาน้ำยาฟอกสีฟันบนผิวฟัน -
กระตุ้นน้ำยา : ใช้แสงหรือความร้อนกระตุ้นการทำงานของน้ำยา -
ล้างออก : ล้างน้ำยาฟอกสีฟันออก -
ตรวจสอบสีฟัน : ตรวจสอบความขาวของฟันหลังการฟอกสีฟัน -
เคลือบฟัน : เคลือบฟันเพื่อลดอาการเสียวฟัน -
แนะนำการดูแล : แนะนำการดูแลฟันหลังการฟอกสีฟัน -
ติดตามผล : นัดหมายติดตามผลการรักษา ฟอกสีฟันใช้เวลานานหรือไม่ ? ระยะเวลาในการฟอกสีฟันขึ้นอยู่กับวิธีการและสภาพฟันของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วการฟอกสีฟันที่คลินิกจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ควรทำฟอกสีฟันบ่อยแค่ไหน ? ความถี่ในการฟอกสีฟันขึ้นอยู่กับสภาพฟันและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม ควรเว้นระยะห่างในการฟอกสีฟันอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี ควรเลือกสีฟันแบบไหนที่สวยและเป็นธรรมชาติ ? การเลือกสีฟันควรปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อเลือกสีที่เข้ากับสีผิวและบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว สีฟันที่ขาวขึ้น 2-3 ระดับจากสีฟันเดิม จะดูเป็นธรรมชาติและสวยงามที่สุด หลังฟอกสีฟันควรดูแลฟันอย่างไร ? หลังจากที่ทำการฟอกสีฟันแล้ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ ชา ไวน์แดง งดสูบบุหรี่ และควรแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี ที่สำคัญคือควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ จะเห็นได้ว่า การฟอกสีฟัน เป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันคราบและสีฟันที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมีคุณภาพ ช่วยให้คุณมีรอยยิ้มที่สดใสและมั่นใจยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินสภาพฟันและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2568 |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2568 10:47:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 149 Pageviews. |
 |
|