Group Blog
All Blog
|
รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น 480i แบบละเอียด เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ • ทุกวันนี้ . . . จำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศด้วยเหรอ หลายคนน่าจะมีคำถามแบบนี้อยู่ใช่ไหมคะ • ถ้าต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศเราจะเลือกแบบไหนดีนะ • แล้วเครื่องฟอกอากาศที่มิกิใช้อยู่ใช้ดีไหม ทำงานยังไง คุ้มค่าหรือเปล่า บล็อกนี้ตั้งใจหาข้อมูลมาให้เพื่อน ๆ ดูกันแบบเข้าใจง่าย และละเอียดนะคะ เพราะว่าฝุ่นเนี่ย น่ากลัวกว่าที่เราคิดมากเลย วันก่อนนู้นตื่นออกมาดูบรรยากาศตอนเช้า ๆ เห็นหมอกลง ดูแล้วน่าจะเย็นสบาย แต่ที่จริงแล้วเป็นหมอกสารพิษ ฝุ่น PM 2.5 มาแบบเต็ม ๆ จนจะกลายเป็นเมืองหมอกเลยค่ะ จมูกพังมาก หายใจไม่ออก แสบจมูก น้ำมูกไหล คันคออีก หลาย ๆ คนก็เป็นเหมือนกันใช่ไหมคะ ทรมานเน๊อะ ไม่ชอบอาการแบบนี้เลย แล้วที่เห็นแบบนี้ ถึงเราจะอยู่ในบ้าน แต่ฝุ่นพวกนี้ก็ตามเข้ามาในบ้านผ่านช่อง รูต่าง ๆ ได้เหมือนกันนะคะ ทีนี้สารพิษในอากาศ นี่ดูยังไง แล้วมีผลต่อร่างกายยังไงบ้าง อันนี้เป็นข้อมูลที่เราควรรู้เบื้องต้น แบบสั้น ๆ เข้าใจง่ายนะคะ เราจะวัดระดับสารพิษในอากาศ ด้วยค่า AQI ( Air Quality Index ) ตรงนี้เราดูค่าได้จาก แอพต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับวัดค่าในพื้นที่นั้น ๆ ได้ค่ะ สารพิษต่าง ๆ ที่ใช้ในการวัดค่า • PM 2.5 : ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีผลทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ โรคปอด หลอดลมอักเสบ หอบหืด ต้นเหตุของมะเร็ง • PM 10 : ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีผลทำให้หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก • CO : ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย หัวใจทำงานหนัก • NO2 : ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ มีผลต่อระบบการมองเห็น อาการหอบหืด โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ • O3 : ก๊าซโอโซน มีผลให้ระคายเคืองตา ระคายเคืองเยื่อบุต่าง ๆ และทางเดินหายใจ ความสามารในการทำงานของปอดลดลง เหนื่อยง่าย • SO2 : ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ มีผลให้ระคายเคืองเยื่อบุตา ระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง อาจทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ สรุปแล้ว คือ การที่เราสูดสารพิษที่อยู่ในอากาศเข้าร่างกายไปทุกวัน ทำให้เกิดอาหารระคายเคืองกับระบบทางเดินหายใจ ปอด ผิวหนัง ตา หัวใจ และที่ร้ายสุดคือ เป็นมะเร็ง นี่เลยเป็นคำตอบที่ว่า . . . ทำไมชีวิตในปัจจุบันนี้เราจำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ เพื่อให้อากาศที่สูดเข้าร่างกาย มีสารพิษที่ปนเปื้อนเหลืออยู่น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้ ลดความเสี่ยงการเป็นโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากสารพิษค่ะ ในไทยเราจะแบ่งค่า AQI เป็น 5 ระดับ 0 - 25 คุณภาพอากาศดีมาก ปลอดภัย 26 - 50 คุณภาพอากาศดี 51 - 100 คุณภาพอากาศปานกลาง อาจจะมีหายใจลำบากบ้างในบางคน 101 - 200 คุณภาพอากาศเริ่มไม่ดี เกิดอาการหายใจลำบาก ไอ ระคายเคืองตา บางคนอาจจะแน่นหน้าอก หัวใจเต้นไม่ปกติ 201 ขึ้นไป คุณภาพอากาศแย่ มาถึงวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศนะคะ • ดูขนาดของห้อง ที่เราจะใช้ ว่ามีขนาดกี่ ตร.ม. เราก็เลือกให้เหมาะกับขนาดค่ะ ถ้าขนาดห้องใหญ่ไปก็จะฟอกอากาศได้ไม่ทั่วถึง • Air Flow รอบของการฟอกอากาศ และ ปล่อยอากาศบริสุทธิ์กลับเข้ามาในห้อง ยิ่งเลขมาก ยิ่งดี • ระดับเสียง เลือกที่เสียงไม่ดังจนเกินไป จนทำลายสมาธิหรือความสงบ • ค่า CARD ( Clean Air Delivery Rate ) เป็นค่าที่บอกว่าเครื่องฟอกมลภาวะในอากาศได้เท่าไหร่ในเวลา 1 นาที ตัวเลขยิ่งมากยิ่งดี • อะไหล่ของเครื่อง ต้องหาง่าย มีขายตลอด ( อันนี้ประสบการ์ตรงเลยค่ะ ^ ^ ) • ความน่าเชื่อถือ ความเชี่ยวชาญของแบรนด์ นอกนั้นก็จะเป็นเรื่องการประหยัดพลังงาน ดีไซน์ สี ตามแบบที่เราชอบ หรือ วางแล้วดูสวยเข้ากับบ้านค่ะ ก่อนหน้านี้ที่บ้านก็ใช้เครื่องกรองอากาศมาตลอดอยู่แล้ว แต่ก็มีหายไปช่วงนึง เพราะรุ่นที่ใช้อยู่แผ่นกรองเขาเลิกผลิตแล้ว เลยคิดว่าได้โอกาสเปลี่ยนเครื่องใหม่ซะที ก็ได้เป็นเครื่องนี้มาค่ะ เครื่องฟอกอากาศ Blueair ( บลูแอร์ ) รุ่น 480i อันนี้เป็นรุ่น Classic สามารถฟอกอากาศได้ที่ 99.97% ที่อนุภาค 0.1 ไมครอน สามารถกำจัดฝุ่น PM 2.5 มลพิษ สารก่อภูมิแพ้ ได้แบบสบาย ๆ เป็นการฟอกอากาศในแบบผสมกันระหว่าง ไส้กรองขั้นสูง กับ ห้องชาร์จประจุค่ะ แต่ละฟังก์ชั่นใช้งานง่าย เชื่อมต่อ Wi-Fi ควบคุมการทำงานระยะไกลได้ด้วย ก่อนอื่นมาพูดถึงแบรนด์กันก่อนนะคะ Blueair เป็นบริษัทจากสวีเดน ที่เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาเครื่องฟอกอากาศมากว่า 20 ปี ได้รับรางวัลการันตรีเยอะมาก กว่า 40 รางวัลทั่วโลก ( ข้อมูลอันนี้เพื่อน ๆ ดูได้จากเวปไซต์หลักนะคะ ) แล้วบริษัทนี้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการฟอกอากาศโดยเฉพาะด้วยค่ะ ตอนนี้เป็นแบรนด์ที่ มีค่า CARD ( อัตตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ ) สูงที่สุดในโลก อีกเรื่องที่อยากพูดถึงก็คือ เรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เขาจะออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ออกมามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น • ตัวเครื่องผลิตจากเหล็กกล้า ชุบสังกะสี ทำให้มีความทน ใช้ได้ยาวนาน • ผลิตภัณฑ์เองสามารถเอากลับไปรีไซเคิลได้ • เครื่องฟอกอากาศ แผ่นกรองของ ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ • ประหยัดพลังงาน โดยเฉลี่ยจะใช้พลังงานไม่เกินหลอดไฟ 1 ดวงในการทำงานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เป็นการช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงไปด้วยในตัว ด้านหลังกล่องก็จะเป็นข้อมูลคร่าว ๆ นะ อุปกรณ์ที่อยู่ในกล่อง • ตัวเครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น 480i • คู่มือการใช้งาน ( ไม่มีภาษาไทย แต่อ่านแล้วเข้าใจไม่ยาก มีรูป ) • ปลั๊กไฟ ข้อมูลเครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น 480i ● ขนาด ( ก x ส x ล ) 590 x 500 x 275 มม. ● น้ำหนัก 14 กก. ● ใช้พลังงาน 15 - 90 วัตต์ ● ระดับเสียง 32 - 52 เดซิเบล ● ขนาดห้อง 40 - 67 ตร.ม. ● การถ่ายเทอากาศ 5 รอบ/ชม. ● มีเซ็นเซอร์อากาศในตัว ● ควบคุมระยะไกล Wi-Fi ผ่าน แอพ ● ตั้งเวลาเปิด - ปิด ได้ ● CADR ( ควัน ) 476 ลูกบาศก์เมตร / ชม. ● CADR ( ฝุ่นผง ) 510 ลูกบาศก์เมตร/ ชม. ● CADR ( ละอองเกสรดอกไม้ ) 510 ลูกบาศก์เมตร/ ชม. ด้านหน้าเครื่อง จะเป็นโลโก้ของ Blueair ตรงกลม ๆ จะเป็นไฟสีฟ้าค่ะ ดีไซน์ออกมาดูเรียบ ง่าย สะอาดตาดี ตัวเครื่องทำจากเหล็กกล้าเคลือบพิเศษ ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Blueair แข็งแรง ไม่แตกง่าย ตรงนี้ช่วยให้ไม่มีปัญหาเรื่องใช้ไปแล้วเครื่องจะกลายเป็นสีเหลือง เหมือนเครื่องที่ทำจากพลาสติกด้วยค่ะ ด้านหลังเป็นสีขาวเรียบ วางไว้ส่วนไหนของบ้าน ที่ทำงาน ก็ดูเข้ากัน ด้านข้าง ฝั่งนี้จะเป็นช่องลมเข้า แนะนำให้วางห่างจากผนัง หรือสิ่งของประมาณ 10 ซม. ขึ้นไปค่ะ ด้านลมออก จะเป็นลมที่สะอาดแล้ว ให้วางไปในทิศที่ลมสามารถกระจายได้ทั่วห้อง ด้านใต้เครื่อง รุ่น 480i จะเป็นรุ่นที่มี Built-in เซ็นเซอร์ที่เครื่องค่ะ ตัวเซ็นเซอร์จะอยู่ที่ด้านล่างเครื่อง ตรวจจับ PM 2.5 / VOC / อุณหภูมิ / ความชื้น ฐานวางด้านล่างเป็นยาง ช่วยไม่ให้พื้นเป็นรอยในระดับนึง แต่ถ้าอยากได้เป็นแบบล้อเลื่อน ก็มีเป็นอุปกรณ์เสริมที่สั่งซื้อแยกได้เหมือนกันค่ะ แผงควบคุมที่ด้านบนของเครื่อง ตอนปกติจะเป็นฝาปิดอยู่ พอจะใช้งานแล้วค่อยเปิดมากดปุ่ม ที่จับ ตรงนี้มีทั้ง 2 ข้างค่ะ เอาไว้เวลาเราจะยกย้ายที่ ทำให้ยกได้ถนัดขึ้น เมื่อถึงเวลาเปลี่ยน Filter ก็ให้เปิดเครื่องจากทางด้านหลังค่ะ Filter จะมาเป็นแบบกล่อง เราใส่เข้าไปที่เครื่องได้เลย ไม่ต้องแกะกล่องออกมา ดูตรงลูกศรสีดำ ให้ชี้เข้าที่ด้านในตัวเครื่อง ( ชี้ไปทางที่อากาศถูกดูดเข้ามา ) แผ่นกรอง ใช้ระบบ HEPASilent ของ BlueairTM เป็นกระบวนการการกรองดักจับอนุภาคที่อยู่ในอากาศถึง 99.97% ที่อนุภาค 0.1 ไมครอน ดักจับได้ทั้ง PM 2.5 / ละอองเกสรดอกไม้ / ฝุ่น / สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง / เชื้อรา / แบคทีเรีย / ไวรัส / ไรฝุ่น ทำจากเส้นใยแก้ว มีความละเอียดเป็นพิเศษ แข็งแรง ยืดหยุ่น กันน้ำ เป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี เรียงเป็นชั้น ๆ ถึง 3 ชั้น
แผ่นกรอง Blueair SmokeStop™ โครงสร้างเขาจะเป็นรูพรุนสูง ผลิตจากถ่านกัมมันต์สำหรับจับก๊าซและกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ ตรงพู่สีดำ จะเป็นตัวที่ปล่อยประจุลบ ไปจับกับโมเลกุลของฝุ่น ทำให้ฝุ่นร่วงลงไป กับ อนุภาคฝุ่นติดกับแผ่นกรองได้มากขึ้น ฝาด้านหลัง จะมีตัวล็อคอยู่ ตรงนี้ถ้าเราปิดฝาไม่สนิท ถึงเสียบปลั๊กแล้วเครื่องก็จะยังใช้ไม่ได้ค่ะ วิธีการเปลี่ยน Filter จะมีบอกอยู่แล้วค่ะ ตรงนี้เขาบอกว่าควรเปลี่ยน Filter ทุก 6 เดือน ( อันนี้หมายถึงเราเปิดใช้งานตลอด 24 ชม. ) ถ้าไม่ได้เปิดทั้งวันก็ใช้งานได้นานกว่านั้นค่ะ การติดตั้งเครื่องแค่เสียบปลี๊กก็ใช้งานได้ ช่องเสียบสายไฟ อยู่ที่ใต้เครื่องค่ะ พอเสียบสายไฟเรียบร้อย เครื่องก็พร้อมใช้งาน ไฟตรงด้านหน้าจะติดเป็นสีฟ้า ปรับความสว่างไฟได้จาก แอพ Blueair Friend ค่ะ ทีนี้มาดูแผงควบคุมกันค่ะ ว่าอันไหนคืออะไรบ้าง เลข 1 ปุ่มเชื่อมต่อ Wi-Fi กับ แอพ Blueair Friend กับ สมาร์ทโฟน เลข 2 ปุ่มเปิด - ปิด ปรับระดับแรงลม ระดับ 1-2-3 เลข 3 ปุ่มเตือนการเปลี่ยนไส้กรอง Filter ( ถ้าเป็นสีส้ม ก็ถึงเวลาเปลี่ยน ) สีฟ้าคือปกติ เลข 4 ปุ่ม Auto เครื่องจะทำงานปรับระดับแรงลมอัตโนมัติตามปริมาณฝุ่นในห้อง เลข 5 ปุ่ม VOC ถ้ามีพวกกลิ่น สารเคมีระเหยในอากาศ จะขึ้นเป็นสีส้ม สีฟ้าคือปกติ เลข 6 ปุ่มแสดงปริมาณฝุ่น PM 2.5 ถ้ามีมากจะขึ้นเป็นสีส้ม ฟ้าคือปกติ ดูแล้วเข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยากดีค่ะ แผงควบคุมเป็นแบบระบบสัมผัส กดเบา ๆ ก็ติด แรงลมปรับได้ 3 ระดับ ความดังของแรงลม อันนี้ถือว่าเขาทำมาได้ดีค่ะ • แรงลมระดับ 1 ถ้าไม่ตั้งใจฟังจะไม่ได้ยินเสียงเลยค่ะ บางครั้งนึกว่าปิดเครื่องอยู่ • แรงลมระดับ 2 ก็เงียบค่ะ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย • แรงลมระดับ 3 อันนี้จะมีเสียง ดังในระดับฝนตก ไม่ได้เป็นการรบกวนอะไร นอนหลับได้ปกติ ปุ่ม PM 2.5 สีฟ้าอยู่ในสภาวะปกติ สีส้มคือฝุ่นมีปริมาณมาก ถ้าปุ่ม Filter ขึ้นเป็นสีส้ม เตือนให้เราเปลี่ยนไส้กรอง พอเราเปลี่ยนเสร็จ ปุ่ม Filter จะยังเป็นสีส้ม ให้เรากดค้างไว้สัก 3 วิ แล้วจะกลับมาเป็นสีฟ้าเหมือนเดิมค่ะ ดูวิธีการใช้งาน เครื่องฟอกอากาศ Blueair 480i บนแผงควบคุมไปแล้ว เครื่องนี้ยังเชื่อมต่อ Wi-Fi ควบคุมการทำงานของเครื่องจากจุดไหนในโลก ( ที่มี Wi-Fi ) ก็ได้ด้วยค่ะ ก่อนอื่นเราต้องดาวน์โหลด แอพ Blueair Friend ลงในสมาร์ทโฟนของเราก่อน แอพ Blueair Friend ใช้งานได้ทั้ง ios และ Android ค่ะ มิกิทำขั้นตอนแบบละเอียดเอาไว้ให้แล้วนะคะ เพื่อน ๆ ทำตามขั้นตอนได้เลย เปิดแอพมาปุ๊บ จะเจอหน้าจอแบบนี้ค่ะ . . . เข้ามาครั้งแรก ก็ให้ลงทะเบียนก่อน เสร็จแล้วก็ Login เข้าระบบ 1. กด Setup Device 2. เลือกรุ่นของเครื่องฟอกอากาศ 3. ไปที่แผงควบคุม แล้วกดปุ่ม Wi-Fi ค้างเอาไว้ 3 วินาที 4. ใส่รหัส Wi-Fi ที่เราใช้งานอยู่ แล้วรอสักพัก 5. ใส่ชื่อให้กับเครื่อง 6. เชื่อมต่อสำเร็จ แล้วกด Okay กรณีถ้าเกิดว่าทำตามขั้นตอนนี้แล้วยังเชื่อมต่อไม่ได้ ให้ถอดปลั๊กเครื่องสักพักนึง แล้วเสียบปลั๊ก ลองเชื่อมต่อใหม่อีกครั้งค่ะ ตอนนี้มาดูว่าใน แอพ Blueair Friend มีอะไรให้ใช้บ้างนะคะ การแสดงข้อมูลสภาพอากาศภายนอกห้อง อันนี้เราเลือกจุดที่เราอยู่ตอนนั้น หรือ จุดไหนก็ได้ค่ะ เช็คสภาพอากาศ มลภาวะได้ทั้ง วัน / อาทิตย์ / เดือน มีบอกค่า AQI , PM 2.5 , PM 10 , CO , NO2 , O3 , SO2 ด้วย การแสดงข้อมูลสภาพอากาศภายนอกห้อง เช็คสภาพอากาศ มลภาวะได้ทั้ง วัน / อาทิตย์ / เดือน มีบอกค่า PM 2.5 / VOC / อุณหภูมิ / ความชื้น การควบคุมแรงลม ปรับแรงลมได้ 3 ระดับ แล้วก็ Auto ควบคุมแสงไฟ LED ปรับความสว่างได้ระดับ 0-1-2-3-4 ตอนกลางคืนถ้าเราปิดไฟห้องนอน ก็ปรับแสงจากเครื่องให้ลดลงมาหรือปิดไปเลยก็ได้ค่ะ เพราะถ้าปิดไฟห้องแล้วแสงจาก LED ก็สว่างพอประมาณเลย ปุ่ม Log หน้าจอ ล็อคที่แผงควบคุมบนตัวเครื่อง ให้กดปุ่มแล้วไม่เกิดการสั่งงาน เอาไว้กันเด็กกดปุ่มเล่นค่ะ Night Mode อันนี้ถึงจะชื่อว่าโหมดกลางคืน แต่ที่จริงแล้ว ก็ตั้งเวลาการทำงานได้ตลอด 24 ชม. นะคะ เลือกได้ทั้ง วัน , เวลาเริ่ม - เวลาปิด , แรงลม , แสงไฟ LED ดูข้อมูลของเครื่อง อันนี้ชอบนะคะ ควบคุมเครื่องระยะไกลแบบนี้เนี่ย เราควบคุมการทำงานจากนอกบ้านได้แล้ว บางทีตอนนอน หรือ นั่งทำงานอยู่ ไม่อยากลุกไปเปลี่ยนโหมด ก็เปลี่ยนได้จากแอพในสมาร์ทโฟนเลย สะดวกสุด ๆ ด้วยความที่ตัวเครื่องเขาน้ำหนักไม่เยอะมาก มีที่จับถนัดมือ ก็ยกไปไว้ส่วนไหนในบ้านได้แบบง่าย ๆ ค่ะ แต่แนะนำให้ซื้อตัวล้อเสริมมาติดก็ดีนะคะ ยิ่งเคลื่อนย้ายเครื่องง่ายเข้าไปใหญ่ ตั้งไว้ในห้องทำงาน อากาศสดชื่น ก็ทำงานได้สบาย ไม่ต้องกังวลใจ บ้านไหนมีคนที่สูบบุหรี่ จุดธูป จุดเทียนบ่อย ๆ ก็ช่วยได้เหมือนกันนะคะ ตั้งไว้ในห้องนอน อันนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญเลยค่ะ เพราะถ้านอนหลับไม่สบาย นอนได้ไม่เต็มที่ ตื่นมาก็เพลีย ประสิทธิภาพการทำงานก็ลดลงเน๊อะ อีกอย่าง เวลาที่นอนแล้วหายใจไม่ออก จาม ขยี้จมูก คันตา คันคอ เป็นอะไรที่แย่มาก ๆ เลย เราเป็นผู้ใหญ่ ยังพอหาวิธีทำให้อาการลดลงได้บ้าง แต่ถ้าบ้านไหนมีเด็กเล็ก หรือ สัตว์เลี้ยง เขาพูดไม่ได้แล้วก็ทำอะไรเองไม่ได้ ถ้าเกิดอาการต่าง ๆ นี่ก็น่าสงสารนะคะ สัตว์เลี้ยงเนี่ย เขาก็เหมือนคนค่ะ มีอาการเป็นได้เหมือนเราเลยล่ะ ที่บ้านมิกิเลี้ยงน้องหมา คือ ตัวเขาเองก็มีขนร่วง มีรังแค หรือ ไปนอนคลุกฝุ่นมาจากนอกบ้านอยู่แล้ว ทีนี้เครื่องฟอกอากาศก็ช่วยดูดพวกขน ฝุ่นเข้าไปได้เหมือนกัน กลิ่นก็ด้วยค่ะ ถ้าเกิดวันไหนไม่เปิดเครื่องฟอกอากาศนี่รู้เลย เพราะจะได้กลิ่นน้องหมาแบบเต็ม ๆ เลยล่ะ ( เปิดเครื่องฟอกอากาศตอนที่ปิดบ้านเปิดแอร์นะคะ ) ตั้งในห้องนั่งเล่น , ห้องประชุม ก็เหมาะค่ะ หลังจากที่ใช้งานมาสักพัก คือ รู้สึกว่าสภาพร่างกายตัวเองดีขึ้น ตื่นเช้ามาสดชื่นขึ้นค่ะ พวกอาการหายใจไม่ออก คัดจมูก จาม คันตา ดีขึ้นเยอะมาก นอนหลับได้สนิทมากขึ้น ระหว่างวันก็หายใจสะดวก ยิ่งช่วงนี้ฝุ่น PM 2.5 หนาแน่น ทำให้รู้สึกเครียดกลัวเป็นโรคที่เกิดจากฝุ่นเหมือนกัน ตอนนี้ก็หายกังวลมาระดับนึง อย่างน้อยอยู่ในบ้านก็ยังได้สูดอากาศสะอาด ๆ บ้าง พวกเรื่องกลิ่น ก็ช่วยได้เหมือนกัน เวลาที่กินอาหารกลิ่นแรง ๆ ในห้องแอร์ เปิดเครื่องฟอกอากาศแล้วกลิ่นลดลงค่ะ เคยลองกับสเปรย์ปรับอากาศนะ กลิ่นหายไปเร็วมาก ส่วนปุ่ม VOC จะขึ้นไฟสีส้มเลย ที่ชอบสุดเลยก็คือ เครื่องนี้เขาเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ แล้วในแอพ Blueair Friend เช็คสภาพอากาศ มลภาวะได้ทั้งในห้อง นอกห้อง ควบคุมการทำงานระยะไกล หลายทีที่กำลังจะนอนแล้วไม่อยากลุกจากเตียงแค่ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมากด ๆ ก็จัดการปรับโหมดได้แล้ว ปกติถ้าไม่มีเครื่องฟอกอากาศ อาการแพ้ฝุ่นจะมาครบค่ะ หายใจไม่ออก น้ำมูกไหล เคืองตา เคืองในคอ บางทีหนักหน่อยหายใจไม่ออกทั้ง 2 ข้าง ขยี้ตาจนตาเหี่ยว ตาแดง แล้วนอนลำบากมาก อยู่ในที่มีฝุ่นประมาณนึงอาการก็มาแล้ว ตอนนี้เครื่องฟอกอากาศก็เลยเป็นไอเท็มหลักที่ขาดไม่ได้ไปแล้วค่ะ เขาทำให้ชีวิตประจำวันดีขึ้นจริง ๆ เครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น 480i ราคา 38,400 บาท รับประกันสินค้า 5 ปี ถ้าคำนวนระยะเวลา 1 ปี แบบเปิดใช้งาน 24 ชม. ( เปลี่ยน Filter 1 ครั้ง ) ตกประมาณ 115 บาท/วัน ปีถัดไปก็เปลี่ยนแค่ตัว Filter ราคาเฉลี่ยต่อวันก็ยิ่งถูกลงไปอีกค่ะ ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของความคุ้มค่า อันนี้ลองคิดเล่น ๆ นะคะ เทียบกับค่ารักษาถ้าเราเกิดป่วยขึ้นมา ตอนนี้แอดมิทวันนึงก็หลายบาทแล้วค่ะ แถมเจ็บตัวอีก ไม่นับว่าถ้าเกิดเป็นมะเร็ง ค่ารักษานี่น้ำตาไหลเลย เครื่องฟอกอากาศก็ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นหลาย ๆ โรคจากมลภาวะแล้ว ก็ยังมีอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจ ลดพวกอาการแย่ ๆ ของภูมิแพ้ที่เราไม่อยากให้เกิดด้วย การลงทุนกับสุขภาพ อันนี้คิดว่ายังไงก็คุ้มค่ะ มาถึงตรงนี้ถามว่าเครื่องฟอกอากาศ Blueair ดีไหม ดูจากประสิทธิภาพ วัสดุ ดีไซน์ ก็ถือว่าดีเลยล่ะค่ะ เขาถือเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เราสามารถซื้อมาใช้ได้ในราคาสมเหตุสมผล แต่ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นคือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะในตอนนี้เรื่องโลกร้อนก็เป็นอีกเรื่องที่ทุกคนน้องคำนึงถึงค่ะ ตอนนี้เครื่องฟอกอากาศ Blueair มีวางขายแล้ว ห้างสรรพสินค้า Central , Power Buy , Paragon , Emporium , The mall บางแค บุญถาวร สาขารัชดา , ปิ่นเกล้า เพื่อน ๆ ที่มีขนาดห้องอาจจะเล็กกว่า หรือ ใหญ่กว่า 40 - 67 ตร.ม. หรือ การใช้งานที่มากกว่าห้องนอน ห้องนั่งเล่น Blueair ก็มีเครื่องฟอกอากาศรุ่นอื่น ๆ ให้เลือกใช้ตามความต้องการด้วยนะคะ เข้าไปดูโปรโมชั่น ข้อมูล ช่องทางจำหน่ายออนไลน์ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ค่ะ Line : @Blueair Web Site : https://www2.blueair.com/th Facebook : https://www.facebook.com/Blueairthailand แล้วครั้งหน้ากลับมาเจอกันใหม่นะคะ |
Tisiny
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?] ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International. Link |