welcome to my world
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 

Full Metal Panic! The End of Day by Day แปลไทย(บทที่ 1 ส่วนที่ 3)

Full Metal Panic! The End of Day by Day

บทที่ 1 silent commandment (ส่วนที่ 3)

"นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันถูกหยามขนาดนี้!" ผู้นำตระกูลบาร์บาร่าตะโกนก้องด้วยความโกรธ

"วันนี้เป็นวันเกิดของลูกสาวฉัน แขกทุกคนต้องถูกตรวจสอบ แต่แล้วไอ้โจรนั่นกลับลอบเข้ามาจัดการกับพวกทหาร แถมยังหนีไปได้อีก!"

"ขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับ คาโป ดิ คาปิ" หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกล่าวคำขอโทษอย่างลนลาน รถยนต์เกือบครึ่งที่จอดอยู่ในคฤหาสน์ถูกส่งออกไปตามล่าผู้ลักลอบเข้ามา

"ถึงยังไง คราวนี้พวกมันหนีไม่รอดแน่ครับ เราล้อมพวกมันไว้หมดแล้ว แล้วก็จะพาคุณบลูโน่กลับมา สั่งสอนไอ้พวกโจรนั่นให้รู้สำนึก..."

"ช่างหัวไอ้บลูโน่นั่นประไร!" บาร์บาร่าพูด เผยความจริงในใจออกมา "ไอ้หมอนั่นมันก็แค่ตัวน่ารำคาญ ฆ่าแม่มให้หมดนั่นแหล่ะ จะใช้อาวุธอะไรก็ได้ เอา AS ออกไปด้วย ถ้าใครมาขวาง ถึงจะเป็นแค่เด็กผู้หญิง ก็จัดการมันให้หมด!"

"A...AS ด้วยหรือครับ"

"ใช่ ฉันซื้อหุ่นยนต์พวกนั้นไว้ก็เผื่อเกิดเรื่องแบบนี้ สั่งให้ทหารเคลื่อนพลออกไปให้หมด เข้าใจไหม! ฆ่ามัน! ฉันอยากเห็นหัวไอ้พวกนั้นมากองไว้ตรงหน้า!"

"รับทราบครับผม ขอตัวก่อนครับ!"

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยยืนทำความเคารพแบบทหาร ก่อนจะหันหน้ารีบวิ่งไปยังศูนย์บัญชาการ

"เชอะ.....!" บาร์บาร่าสบถ มองตามร่างที่วิ่งจากไป เขาหยิบซิการ์ขึ้นมาจุดสูบ หวังจะช่วยให้ใจเย็นลงบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่อเขากำลังถูกลูบคมแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้หัวแทบระเบิดด้วยความโกรธ

ก่อนที่จะก้าวมาถึงจุดนี้ เขาเคยจัดการลงโทษศัตรูด้วยมือตัวเองโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร เขาจะฆ่าพวกมัน รวมทั้งครอบครัวของพวกมันด้วย แน่นอนแม้แต่เด็กเล็กๆก็ไม่เว้น เขาไม่เคยนึกเสียใจในการกระทำของตัวเองเลย ที่ทำไปนั้นก็เพื่อทำให้ศัตรูหวาดกลัวและเกรงจนไม่กล้าทำอะไร

ใช่แล้ว เขาต้องไปปลอบใจลูกสาวซะหน่อย ยอดดวงใจของเขาคงกำลังตื่นตระหนกอยู่แน่ๆ

บาร์บาร่าคิด แล้วก็เรียกรปภ. เดินออกไปจากที่จอดรถ ที่นั่นยังมีรถหรูของแขกจอดเรียงรายกันหลายคัน ทั้งจากัวร์ โลตัส ปอร์เช่ โรลส์รอยซ์ ลัมโบกินี่ เมื่อตรงไปเรื่อยๆ เขาก็เดินผ่านเฟอร์รารี่ F-40 สีแดงคันหนึ่ง แล้ว...

เขาก็ได้ยินเสียง "ปี๊บ" ดังมาจากเฟอร์รารี่คันที่อยู่ใกล้ๆ

"...?"

ในตอนนั้นเอง เสียงนั่นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ บาร์บาร่าหยุดเดิน มองเข้าไปในรถที่ตอนนี้เสียงได้เปลี่ยนไปแล้ว

ข้างในนั้นเขามองเห็นระเบิดพลาสติคขนาดห้ากิโลกรัม ทันใดนั้นมันก็ระเบิดออกมา

แรงระเบิดฉีกตัวถังรถกระจุยเป็นชิ้นๆ น้ำมันเบนซินติดไฟแล้วกลายเป็นลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่ กวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวราวกับว่าเป็นพายุทำลายล้างขนาดยักษ์ ฝากระโปรงปลิวกระเด็นไปในอากาศเหมือนกับเป็นจานร่อน กระแทกเข้ากับผนังอาคารที่ไกลออกไปประมาณ 50 เมตร

บาร์บาร่านั้นไม่รับรู้อะไรนอกจากความตายที่มาถึง

อย่างไรก็ดี คำสั่งฆ่าที่สั่งไปแล้วนั้นยังคงมีผลอยู่

*****
เวลาเดียวกัน
โชฟุฉี โตเกียว ญี่ปุ่น
โรงเรียนมัธยมจินได

แน่นอนว่าจิโดริ คานาเมะ ไม่มีทางที่จะได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับการไล่ล่าที่ห่างออกไปราวครึ่งโลกเลย

เธอสวมเครื่องแบบนักเรียนแบบกลาสี ผมยาวสีดำ ตามปกติแล้วเธอมักจะร่าเริงอยู่เสมอ แต่ก็มีบางครั้งที่ออกอาการเหมือนคุณป้าเจ้าของบ้านแก่ๆ รูปร่างนั้นแม้จะเรียกไม่ได้ว่าเทียบเท่ากับซุปเปอร์โมเดล แต่ก็นับว่าไม่มีที่ติเช่นกัน

โรงเรียนมัธยมที่สงบสุข ในประเทศญี่ปุ่นที่สุขสงบ ลมพัดผ่านท้องฟ้าแสนสดใสอย่างสงบเงียบ

ต้องขอบคุณที่"หมอนั่น"ไม่อยู่ เลยทำให้ทุกอย่างราบรื่นเช่นนี้ รวมทั้งการสอบเมื่อวานนี้ด้วย

ในตอนเช้าก่อนสอบวิชาแรก คานาเมะเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ข้างๆเธอนั้นมีเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ คานาเมะบังเอิญได้ยินบทสนทนาของเธอ

"หวัดดี นี่ฉันเองนะ... ใช่ เดี๋ยวจะสอบแล้วล่ะ... อืม... ก็ทำนองนั้นแหล่ะ ฮ่าๆๆ..จริงๆด้วย ไม่ไหวเหมือนกัน แต่ก็จะพยายามล่ะนะ นี่ฮีโร่รู้มั้ย... ?ใช่...ใช่"

เธอคงกำลังคุยกับแฟน เห็นว่าเป็นนักเรียนม.ปลายเหมือนกัน

"หือ...ตอนนี้ทำอะไรอยู่งั้นเหรอ...ไม่ได้นอนเลยเหรอเนี่ย? ฮ่าๆๆ โทษทีๆ มีรายงานต้องส่งสินะ...ใช่...รู้แล้วล่ะน่า จะลองดูแล้วกันนะจ๊ะ..."เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนกว่าปกติ

(หืมมม ช่างกล้านะยะหล่อน...)

คานาเมะพึมพำกับตัวเอง เช้าๆที่สดใสแบบนี้ ขนาดอยู่ในห้องเรียน ยังต้องมารับรู้เรื่องแฟนของคนอื่นเขาอีก จริงๆเลย ไม่รู้จักอายกันบ้างรึไงนะ

เธอคิดไปเรื่อยเปื่อย คงต้องโกหกแน่ถ้าเธอจะบอกว่าไม่ได้อิจฉาคนอื่นที่มีแฟนแบบนั้น จะเป็นยังไงบ้างนะ ถ้ามีคนโทรมาหาเธอก่อนสอบ เพราะอยากจะได้ยินเสียงของเธอ จะรู้สึกอย่างไรบ้างถ้ามีคนพิเศษแบบนั้น แล้วจะได้คุยเรื่องอะไรกันบ้าง?

ถ้าฉันมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับใครสักคน แล้วเราก็อยู่กันคนละที่ ฉันก็คงจะทำหน้าแบบนั้น คุยกันด้วยเสียงเล็กๆน่ารักแบบนั้น ใช่ไหม?

ยกตัวอย่าง แค่สมมุตินะสมมุติ ว่าเขาเป็นแฟนของเธอ (ออกจะห่างไกลจากความเป็นจริงสักหน่อยใช่ไหมนะ?)

คานาเมะกำลังจมอยู่กับความคิด แล้วก็ได้ยินเสียงของโทคิวะ เคียวโกะ เพื่อนร่วมชั้นของเธอ

"นี่ คานะจัง"

"หือ?"

"ทำข้อสอบเลขได้บ้างไหม? ฉันทำไม่ได้เลยแหล่ะ...เฮ้อ"

"เหรอ เสียใจด้วยนะ ฉันว่าฉันคงพอทำได้บ้างล่ะนะ"

เธอตอบเหมือนกับใครบางคนที่สอบได้เต็ม

บางทีเธออาจจะทำได้เกือบเต็มในวิชาภาษาอังกฤษ แล้วก็คงจะได้คะแนนค่อนข้างดีในวิชาวรรณกรรมคลาสสิค ส่วนวิชาเคมีกับคณิตศาสตร์ 2 นั้นคงจะได้เต็มแน่ๆ

แม้ว่าเธอจะไม่ถนัดวิชาทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มากนัก แต่เธอก็มั่นใจว่าเธอคงไม่พลาด

นั่นก็เพราะสิ่งที่เทซซ่าเคยบอกไว้เป็นความจริง เมื่อพลัง "วิสเปอร์ด"ของเธอตื่นขึ้นมาแล้ว ความรู้ทั้งหลายที่เธอได้รับก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่า...

คานาเมะนั้นไม่ได้รู้สีกเลยว่าเธอ "ฉลาดขึ้น"เลย แม้ตอนนี้เธอจะสามารถอธิบายรายละเอียดของสูตรเคมีของตัวนำไฟฟ้าจากหน่วยความทรงจำที่ใช้ในระบบขับเคลื่อนของ AS ได้เช่นเดียวกับวิธีสร้างมัน ทั้งยังสามารถอธิบายถึงธาตุหลักที่ใช้ในทฤษฎีกลศาสตร์ และยังค้นพบวิธีที่ใช้ที่ยังไม่มีใครเคยทราบมาก่อนอีกด้วย

แต่สำหรับเธอแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรเลยกับการพูดถึงวิธีปรุงซุปปลาแมคคาเรล ซึ่งโดยมากแล้วจะไม่ค่อยมีใครรู้ว่าถ้าใส่ขิงฝานบางๆลงไปในซุปด้วยแล้ว จะช่วยลดกลิ่นคาวปลาได้

....ถ้าจะอธิบายให้ฟัง

ก็คงเหมือนกับการคุยเรื่องตลกๆกับเพื่อนฝูงแล้วหัวเราะไปพร้อมๆกันนั่นแหล่ะ

แม้ว่าเธอจะกังวลใจในหลายๆเรื่อง แต่เธอก็ไม่คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นเพราะมันยิ่งจะทำให้เธอทุกข์ใจไปเปล่าๆ ปัญหาทั้งหลายดูเหมือนว่า จะมาจากการที่มีคนอยากรู้วิธีทำซุปนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม

"แปลกจัง..."เคียวโกะพูด

"คะแนนคณิตศาสตร์ของเธอ ตอนสอบไฟนอลครั้งที่แล้ว ได้ท๊อปเลยไม่ใช่เหรอ"

"ไม่หรอก แค่โชคดีน่ะ"

"เธออ่านหนังสือยังไงกันเนี่ย หรือว่าโกงเอา บอกมาหน่อยน่า" ดวงตาโตของเคียวโกะเบิกกว้างหลังแว่นกลมเหมือนตาแมงปอ

"มันเป็นความลับ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า เธอยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้ได้ ฮ่าๆ"

"ฮึ...จะว่าไปแล้ว วันนี้ยังไม่เห็นซางาระคุงมาโรงเรียนเลยนี่"เคียวโกะเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นว่าคานาเมะคงไม่บอกแน่

แม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ในช่วงสอบกลางเทอมที่สำคัญ แต่โซสึเกะก็ยังไม่มาโรงเรียน ถึงจะมีบางครั้งที่เขาจะหายไปสักสองสามวัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหายไประหว่างสอบ

"ไม่รู้สิ ตาบ้านั่นไม่สนหรอกว่าจะสอบได้รึสอบตก นั่นยังไม่รวมกับหลายเรื่องที่ก่อไว้ด้วยนะ..."

คานาเมะพูดเหมือนกับว่าไม่อยากจะสนใจ แต่จริงๆแล้วเธอกำลังเป็นกังวล เขาไม่เคยคิดถึงสถานะนักเรียนของตัวเองเลย ถึงโรงเรียนนี้จะไม่เคร่งครัดนักก็เถอะ แต่พวกอาจารย์คงไม่อดทนกับเรื่องแบบนี้บ่อยครั้งนักหรอกนะ

"นั่นล่ะปัญหาใหญ่เลยล่ะ หือ...อะไร?"

"ไม่ลองโทรไปหาล่ะ ถ้าคานะจังขู่สักหน่อย เขาอาจจะมาก็ได้นะ"

เคียวโกะพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ เธออยากจะลองใช้มันเพราะพึ่งจะซื้อมาเมื่อไม่นานมานี้

"ไม่มีทาง ฉันโทรไปไม่เคยติดเลย บางทีหมอนั่นอาจจะเดินหลงอยู่กลางทุ่งหรือในภูเขา นั่งตกปลาหรือทำอย่างอื่นอยู่ก็ได้"

"แต่ก็ยังไม่ได้ลองไม่ใช่เหรอ คราวนี้อาจจะโทรติดก็ได้นะ"

"ก็บอกแล้วไงว่าเป็นไปไม่ได้ เลิกเถอะ" คานาเมะบอก แต่เคียวโกะยังกดหมายเลขต่อไปแล้วเอาโทรศัพท์แนบกับหู เงียบอยู่ครู่หนึ่ง รอคนมารับสาย

"โทรไม่ติดใช่ไหมล่ะ บอกแล้ว.."

"หืออ..."

"ก็เป็นแบบนี้ทุกทีแหล่ะ โทรติดแต่เครื่องรับอัตโนมัติ จริงๆเลย ไม่รู้หมอนั่น..."

"รับแล้ว"

"หา?"

"เอ้า" เคียวโกะพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้

ที่นั่งถัดจากคานาเมะ เพื่อนของเธอก็ยังคุยโทรศัพท์กับแฟนหนุ่มอยู่ บางทีเธอคงจะอายที่มองเห็นตัวเองว่าคล้ายกับเพื่อนคนนั้น เธอจึงรับโทรศัพท์ด้วยท่าทางลังเล แล้วก็พูดออกไปอย่างค่อยไม่มั่นใจ

"...ฮัลโหล?"

"จิโดริ ?เกิดอะไรขึ้น!" เสียงร้องตอบออกมาดังไกลออกไป มีเสียงของแตกและเสียงคลื่นแทรกดังอยู่ด้วย แต่เป็นโซสึเกะไม่ผิดแน่

"เอ่อ...โซสึเกะ นายอยู่ที่ไหนน่ะ?"

"คานิคัตติ!"

"คันนี้ขันติ...อะไรของนาย?"

อะไรของเขาเนี่ย หมอนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่นะ?เธอรู้สึกกังวลนิดๆเมื่อเสียงตอบนั้นขาดๆหายๆ

"นี่...สอบเมื่อวานน่ะ นายลืมรึไง?"

"ไม่ได้ลืม แต่มันมีธุระด่วน ช่วยไม่ได้!"

"ช่วยได้สิ ยกตัวอย่างนะ ให้ฉันช่วยติวให้นายสักสามชั่วโมงไง อย่างวิชาวรรณกรรมคลาสสิค นายอ่อนที่สุดไม่ใช่เหรอ?"

"ขอ...โทษที" มีเสียงคลื่นแทรกดังออกมาด้วย

"ขอโทษๆงั้นเร๊อะ! แล้วก็นะ รู้มั้ยว่าฉันต้องโกหกอาจารย์เรื่องรถที่นายรื้อออกมาว่าไง!"

และนี่คือสิ่งที่คานาเมะอธิบายให้ อ.เอริ คากุระซากะฟัง...

"คือ.. เขาอยากจะช่วยแต่งรถให้อาจารย์น่ะค่ะ แต่ว่าเขาเกิดป่วยขึ้นมากระทันหันจนต้องรีบไปโรงพยาบาลที่เข้าประจำ เขาฝากมาบอกอาจารย์ด้วยค่ะว่า ถ้าเขาหายดีแล้วจะรีบกลับมาประกอบรถอาจารย์ให้เหมือนเดิมทันที ก็เลยอยากให้อาจารย์อดทนรอสักสองสามวันค่ะ"

เป็นคำอธิบายที่ฟังไม่ค่อยขึ้นเอาซะเลย แต่อ.เอริก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะใจดี เธอพูดด้วยน้ำตานองหน้า"งั้นเหรอจ๊ะ ครูก็พึ่งเคยได้ยินว่าเขามีโรคประจำตัวนี่ล่ะจ้ะ แต่ถ้าเธอพูดอย่างนั้นแล้ว ครูก็จะรอนะจ๊ะ"

ตอนนี้ซากรถคันนั้นก็ยังถูกคลุมไว้ด้วยผ้าใบ ทิ้งไว้หลังอาคารเรียน

"นายเข้าใจไหมว่าฉันต้องลำบากขนาดไหน?"

เงียบหายไปไม่มีคำตอบ ห้าวินาที หก... เจ็ด... เมื่อเธอเริ่มจะโวยอีกครั้ง ก็มีเสียงตอบออกมาสั้นๆ

"ฉันเข้าใจ!"

"ไม่ นายไม่เข้าใจหรอก! นายก็แค่ตอบไปงั้นๆ นายคิดบ้างไหมว่าทำไมฉันต้องมาทำดีกับนายด้วย โธ่เว๊ย! ทำไมนาย ทำไมนายถึงได้ก่อแต่ปัญหาอยู่เรื่อย...นี่ ฟังอยู่รึเปล่า?"

"ฟังอ..."

ในตอนนั้น มีเสียงดังราวกับฟ้าผ่า ตามมาด้วยเสียงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มีเสียงหวีดแหลมและเสียงของกระทบกัน โซสึเกะกลับมาพูดต่อ

"ฟังอยู่! มันตรงมาแล้ว!" โซสึเกะตะโกน คานาเมะไม่เข้าใจที่เขาพูด

"พะ...พูดอะไรของนายน่ะ?"

"เปล่ามันไม่เกี่ยวกับเธอหรอก! ฉันกำลังขับรถอยู่!"

แล้วเสียงดังเหมือนกับพลุแตกก็ได้ยินผ่านมาทางหูโทรศัพท์

*****
เวลาเดียวกัน
ซิซิลีเขตเหนือ
บริเวณชายแดนคานิคัตติ

รถเบนซ์ของพวกมาเฟียโดนยิงด้วยจรวดจนลอยขึ้นไปในอากาศ ไฟลุกท่วม

รถที่กำลังลุกไหม้สะดุดเข้ากับหินบนพื้นถนน ทำให้มันกระเด็นกลับหลังไปกระแทกเข้ากับรถคันที่ตามมาจนหมุนควง โซสึเกะไม่ทันสังเกตว่ารถพวกนั้นกำลังพยายามบีบให้เขาขับรถเข้าไปในตลาดเก่าแห่งหนึ่ง

ที่นั่นมีอาคารที่สร้างด้วยหินเรียงรายติดต่อกันเป็นแนวยาว

รถเฟียตวิ่งตะบึงไปตามถนนยามค่ำคืนด้วยความเร็วเต็มที่ อย่างที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้

"คันที่สิบ! เหลืออีกสาม!"เหมาตะโกน โยนเครื่องยิงจรวดที่กระสุนหมดทิ้ง ชุดที่สวมอยู่นั้นมีรอยฉีกขาดหลายแห่งจนทำให้เธออยู่ในสภาพเกือบเปลือย

"ลูกสุดท้ายแล้วเหรอ?" ครูซร้องถาม ขณะกำลังเปลี่ยนลำกล้องปืนไรเฟิล เขาถอดเสื้อทักซิโด้ออกแล้ว ผมสีทองนั้นปลิวสยาย

"ถูกต้อง! เราเหลือแค่ระเบิดเท่านั้น"

"บ้าชิบ!"

"เล็งไปที่หม้อน้ำรถยนต์ ฉันจะยิงคุ้มกันให้เอง!"

รถคันที่ไล่ตามมาอีกคันยิงปืนเข้าใส่ ครูซกับเหมายิงสวนกลับไป ท่ามกลางเสียงดังวุ่นวายนั้น คานาเมะถามย้ำอีกครั้งผ่านมาทางโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม เธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

"ฮัลโหล ขับรถอยู่...อะไรนะ! รถเหรอ!?"

"ถูกต้อง!" โซสึเกะตะโกนตอบผ่านทางหูฟังวิทยุ เขากำลังพยายามเต็มที่ที่จะบังคับพวงมาลัย

"มันอันตรายนะ คุยโทรศัพท์ไปด้วยขับรถไปด้วยมันผิดกฎหมายนะ ยิ่งนายเป็นนักเรียนมัธยมอยู่ด้วย ทำไมไม่จอดรถเข้าข้างทางก่อนล่ะ"

"ทำแบบนั้นไม่ได้ !ถ้าฉันจอด ฉันคงไม่ได้กลับไปสอบซ่อมแน่!"

"หา?"

รถเฟียตของเขาปุปะไปหมดแล้ว ทั่วทั้งคันมีแต่รูกระสุน รอยขูดขีด เศษชิ้นส่วนหลุดระไปกับพื้น อย่างไรก็ดีสภาพของเครื่องยนต์ก็ไม่ต่างไปจากผู้โดยสารเลย คงต้องเป็นเพราะปาฏิหารย์เท่านั้นถึงทำให้มันวิ่งได้

"สอบซ่อมก็ช่วยไม่ได้นี่นะ แต่นายแน่ใจเหรอ? เวลาเรียนนายอาจจะไม่พอก็ได้นะ ยิ่งโดดเรียนบ่อยอยู่ด้วย"

"มันเป็นภารกิจ ช่วยไม่ได้!"

รถเฟียตชนเข้ากับกองตระกร้าใส่ผักที่เรียงไว้ข้างถนน เขาหักเลี้ยวรถขึ้นไปบนทางเท้าก่อนจะวิ่งเข้าไปในตรอกแคบๆแต่รถของศัตรูก็ยังตามมาได้ รถBMWที่แข็งแกร่งคันหลังกวาดเอาลังใส่ขวดเปล่า ถังขยะ รถจักรยาน และรถเข็น ก่อนที่จะไล่ตามพวกเขาเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

"แล้วนายจะอธิบายกับอาจารย์ว่าไง ถ้าเวลาเรียนนายไม่พอ นายก็ต้องซ้ำชั้นใช่ไหม ไม่ได้ขึ้นม.6ด้วย"

"ในกรณีนั้น ฉันคิดว่าคงไม่!"

กำแพงด้านข้างผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็ว รถคันที่ไล่กวดมาใช้กันชนชนเข้ากับท้ายรถเฟียต พวงมาลัยเริ่มหนักและตัวรถก็เริ่มสั่น

"แล้วถ้านายสอบตกล่ะ พวกเราทุกคนจะเรียนจบก่อนนายนะ"

"นั่นเป็นปัญหา!"

เครื่องยนต์ของรถศัตรูเริ่มส่งควันออกมา ดูเหมือนว่าปืนไรเฟิลของครูซจะใช้ได้ผล รถเริ่มส่าย สะบัดและหมุน มันชนเข้ากับกำแพงและขยับเขยือนไม่ได้อีก

"เหลืออีกสอง!"

รถเฟียตวิ่งออกมาจากตรอก แต่รถของศัตรูมาดักรอไว้แล้ว มันวิ่งตัดถนนตรงมายังพวกเขา

"...มันก็เป็นปัญหาของฉันเหมือนกันนะ"

เหมากับครูซกำลังยิงปืนลูกซองและไรเฟิลพร้อมกับตะโกนอะไรบางอย่าง

"ฉันไม่ได้ยิน! พูดอีกครั้งจะได้ไห...."

พวกเขาเล็งปืนทั้งหมดไปที่ล้อหน้าของรถฝ่ายตรงข้าม ฝาครอบล้อหลุดกระเด็นลงมาบนพื้น ข้างหน้านั้นเป็นสามแยกรูปตัวที โซสึเกะหักเลี้ยวเต็มที่ ส่วนรถของผู้ไล่ล่านั้น เมื่อยางหน้าแตกไปแล้ว ก็พุ่งข้ามทางเท้าโดยที่ไม่อาจจะเลี้ยวได้ มันพุ่งเข้าชนกับร้านอาหารข้างทาง เศษกระจกและฝุ่นปลิวกระจายไปทั่ว เสียงแตรรถหวีดก้องสะท้อนไปในยามค่ำคืน

"อีกแค่คันเดียว!" เหมาร้องตะโกน

"อะไรกันน่ะ มีใครอยู่ด้วยเหรอ?"

"ช่างมันเถอะ! ว่าแต่ เธอบอกว่ามีปัญหาอะไรนะ!?"

เสียงยางรถบดถนนดังออกมาให้ได้ยิน รถยนต์คันสุดท้ายเร่งเครื่องตามมาข้างหลัง มันเป็นรถกระบะบรรทุกขนาดใหญ่มาก รถทั้งสองคันวิ่งเบียดกัน รถบรรทุกนั้นชนกระแทกรถเฟียตอย่างรุนแรง

"เอ่อ ...ช่างเถอะ แล้วนายได้อ่านหนังสือบ้างไหมเนี่ย?"

"เปล่า เสียงมันดัง..!"

มีแรงกระแทกตามมาด้วยการสั่นสะเทือนอย่างหนัก รถคันเล็กนั้นครูดไปกับกำแพง

รถบรรทุกกระแทกเข้ามาอีกครั้ง ทำให้กันชนหลังหลุดออก มันลากไปกับพื้นถนน เกิดประกายไฟติดตามท้ายรถมา

"โซสึเกะ?"

"เสียงมันดังมากเลย ! แค่คันเดียวเท่านั้น! จัดการมันให้ได้!"

"เข้าใจแล้ว นายรู้ไหม บางครั้งนะ ฉันคิดว่านายไม่ได้จริงจังกับเรื่องที่ฉันพูดเลย โซสึเกะ"

"จริงจังซิ! ฉันจริงจังเสมอนั่นแหล่ะ !แม้กระทั่งตอนนี้.."

"โซสึเกะ เบรค!" ครูซตะโกนบอก เขาดึงสลักระเบิดออกมาแล้วโยนไปที่กระบะท้ายของรถบรรทุกคันข้างๆ

โซสึเกะทำตามทันที เขากระทืบเบรคอย่างแรง รถหยุดและไถลไปข้างหน้า แต่รถของศัตรูยังคงวิ่งต่อไป

"หมอบลง!"

"ฮัลโหล?"

ทันใดนั้น ระเบิดมือในกระบะรถบรรทุกก็ระเบิดออกมา

เศษชิ้นส่วนปลิวกระเด็นมาทางรถเฟียตด้วย มันเฉือนรถหลายแห่งราวกับว่าตัวรถนั้นทำด้วยกระดาษ

ส่วนหลังของรถบรรทุกถูกทำลายทำให้มันเสียการทรงตัว ควันดำพวยพุ่งออกมา จากนั้นมันก็ลื่นไถลไปยังลานกลางเมือง ชนเข้ากับขอบกั้นน้ำพุที่ตั้งอยู่ตรงกลางลาน ตัวรถนั้นลอยขึ้น หมุนหงายท้อง ตกลงตรงกลางน้ำพุพอดี เสียงน้ำกระฉอกออกมา ตามมาด้วยเสียงเหล็กเสียดสีกัน

"..."

พวกเขารีบหยุดรถเฟียตลงตรงหน้าลาน โซสึเกะกับคนอื่นๆมองไปที่น้ำพุ เห็นรถบรรทุกคันนั้นพลิกคว่ำทับอยู่บนรูปปั้นทรงตึกแหลม

ล้อที่กำลังชี้ฟ้าอยู่นั้นไหม้ มันยังคงหมุนส่งควันออกมาเรื่อยๆ

"ดูเป็นศิลป์ดีนะเนี่ย ส่วนผสมระหว่างศิลปะสมัยใหม่กับยุคคลาสสิค" ครูซเอานิ้วมาชนกัน ทำท่าเป็นกรอบรูป

"แล้วก็คันสุดท้าย ไม่ยากเท่าไรนี่นะ" เหมาพูด มือดึงผ้ามาปิดชุดส่วนหน้าอกที่ขาดออกไป

พวกมาเฟียคลานออกมาจากประตูรถที่เปิดอยู่ พวกนั้นเถียงกันอยู่สักพัก แล้วก็วิ่งหนีไป

นั่นคือรถคันสุดท้ายที่ไล่ตามมา

โซสึเกะขยับหูฟังวิทยุ แล้วก็รีบเรียกปลายสายอย่างร้อนรน

"จิโดริ เรียบร้อยแล้ว เอาล่ะ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?"

ไม่มีเสียงตอบอยู่สักพัก มีเพียงความเงียบที่น่าหวาดหวั่น

"...จำไม่ได้แล้ว"

"?"

"ช่างเถอะ รีบกลับมาโรงเรียนก็แล้วกัน"

"โอเค เข้าใจแล้..."

"ตาบ้า!"

เสียงนั้นขาดหายไป ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมถูกตัดสัญญาณจากทางญี่ปุ่น โซสึเกะปิดสวิตซ์และถอนหายใจยาว

พวกเขาจัดการกับยานพาหนะของศัตรูจนหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจจะหยุดพักได้ เพราะอีกสักประเดี๋ยวพวกตำรวจก็คงจะมา และเมื่อไม่มีรถสำรอง ก็เลยยังต้องใช้รถเล็กๆคันนี้ต่อไป ถึงจะลำบากซักหน่อย แต่มันก็ยังวิ่งได้

"เอาล่ะ เราต้องไปทางตะวันออก" เหมาพูด "แล้วค่อยทิ้งรถไว้หน้าเมืองเดเลีย จากนั้นก็หารถที่ดีกว่านี้"

"หมายความว่าเรามีสำรองไว้แล้วเหรอ?"โซสึเกะถาม

"วิธีที่ดีที่สุดคือขโมยมาสักคัน ถ้าเราขึ้นถนนใหญ่ ขับไปตลอดทั้งคืน ก็น่าจะถึงคาตาเนียก่อนบ่ายวันพรุ่งนี้

"อา..ตระเวนราตรีอีกแล้วเหรอ.. โธ่" ครูซบ่น ข้างๆเขานั้น วินเซนต์ บลูโน่ยังคงนอนหลับไหลอยู่ เขาละเมอชื่อของผู้หญิงออกมา แล้วก็หลับต่อ

"ไอ้หมอนี่หน้าหม้อนี่หว่า เจ๊แน่ใจเหรอว่ามันเป็นสายลับจริง"

"เทสซ่ากับพันโทบอกว่างั้น และมันก็ยอมรับแล้วด้วย" เหมาตอบ เธอกำลังส่องเศษกระจกมองหลัง เช็ดหน้าแล้วก็จัดผมยุ่งๆนั้นใหม่

"อยากจะร้องไห้ชะมัด"ครูซคราง เขาดึงเอาหูกระต่ายที่พันกันมั่วรอบคอออก แล้วโยนมันทิ้งไป

(จบส่วนที่ 3)




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2551
0 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2551 21:01:57 น.
Counter : 560 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


คนรักมิวฟิล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คนรักมิวฟิล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.