welcome to my world
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
24 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Full Metal Panic! The End of Day by Day แปลไทย(บทที่ 1 ส่วนที่ 2)


บทที่ 1 silent commandment (ส่วนที่ 2)

13 ตุลาคม 22.30 น.(เวลาท้องถิ่นยุโรป)
ทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ทางใต้ของเกาะซิซิลี
ชายฝั่งอากรีเกนโต้


นายใหญ่คาโป้ เดินเข้ามาในห้องที่เหมือนกับโรงทหาร ที่เดินตามมาข้างหลังเขาคือชายสองคน เป็นสมาชิกในครอบครัว ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย คนหนึ่งให้สัญญาณ จากนั้นทั้งคู่ก็โค้งแล้วเดินออกจากห้องไป

บลูโน่ลุกขึ้นจากที่นอน ตรงไปทักทายนายใหญ่ด้วยการกอดอย่างอบอุ่น

"วิซองติโอ บลูโน่ ชินกับที่นี่รึยัง"คาโป้ถาม

"ขอบคุณมากครับ ใต้เท้า สบายมากครับ"

บลูโน่มักจะตอบแบบนั้นเสมอ เวลาที่เขาพูดภาษาอิตาลี่

"แค่"ปาป้า"ก็พอน่า ฉันคิดเสมอล่ะว่า นายก็เหมือนกับเป็นลูกชายฉัน เดี๋ยวนี้คนที่จะเรียกพ่อตัวเองว่า "บอสเซีย"ก็มีน้อยเต็มที่ สวนทางกับจำนวนสาวๆที่เข้าวิทยาลัยดันมีมากขึ้น น่าเศร้าจริงๆ แต่ยังไงมันก็ยังน่าสนใจล่ะนะ"เขาพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ความจริงแล้ว อายุของทั้งคู่ ไม่ได้ต่างกันมากขนาดที่จะเรียกได้ว่าเป็นพ่อลูกกัน บลูโน่นั้นเป็นชายชาวอเมริกัน อายุราว 40 กว่าๆ ความสูงปานกลาง ผมสีน้ำตาล ไม่มีลักษณะเด่นอะไรมากนัก แต่ตาสีฟ้านั้นมีแววท้าทายและอันตรายแฝงอยู่ เขาจบจากโรงเรียนนายเรือ และยังเป็นหัวกระทิที่ได้เข้ารับราชการที่กระทรวงกลาโหม แต่ตอนนี้เขารับงานอิสระ แถมยังรวยอีกด้วย

เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน บลูโน่ยังเป็นเจ้าหน้าที่ของมิธริล ประจำศูนย์บัญชาการของหน่วยปฏิบัติการที่ซิดนี่ย์ แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็เป็นสายลับให้กับ "อมัลกัม" เพื่อแลกกับเงินจำนวนมหาศาล

บลูโน่เองนั้นไม่ได้คิดว่านี่เป็นการทรยศ เขายังคงทำงานให้กับแผ่นดินบ้านเกิด และความภักดีก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม การขายข้อมูลให้องค์กรอื่น ก็เป็นแค่งานนอกเวลาเล็กๆแค่นั้น

นอกจากนั้นแล้ว"ผู้สกัดกั้นข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ"งั้นรึ? ไม่ใช่เรื่องอะไรเลยที่ผู้มีอำนาจ จะต้องทำตัวเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม มันฟังดูวิเศษก็จริง แต่ก็เป็นความเพ้อฝันที่คร่ำครึไปแล้ว

ถึงอย่างไรแล้ว งานสายลับของเขาก็มีแค่ส่งโปรแกรมแก้พาสเวิร์ดของมิธริลไปยังตลาดมืด แล้วก็แก้ข้อมูลให้รับ SRT ใหม่สองนายเข้าร่วมกองเรือแปซิฟิกตะวันตกเท่านั้น

แต่เมื่อเรื่องรั่วออกมาแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหนีออกมา ถึงจะไม่เต็มใจนักก็เถอะ แต่ถึงยังไงชีวิตก็ยังมีค่ามากกว่าเงินทองล่ะนะ

เขาไม่ไว้ใจ"อมัลกัม" ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าองค์กรที่ลึกลับแบบนั้นจะทำยังไงกับคนทรยศที่หมดประโยชน์ ไปแล้ว ตอนนี้ทั้งมิธริลและอมัลกัมก็เป็นตัวอันตรายสำหรับเขาทั้งคู่

นั่นล่ะคือเหตุผลที่บลูโน่เลือกที่จะมาอยู่ในความคุ้มครองของมาเฟียซิซิลี ตระกูลบาร์บาร่านั้นส่งออกอาวุธไปยังอเมริกาเหนือและตะวันออกกลางผ่านทางยุโ รป ทั้งยังสะสมอาวุธไว้เองด้วย บลูโน่เคยช่วยเคลียร์เส้นทางลับลอบนำเข้าอาวุธให้พวกนี้มากกว่าครั้งหนึ่ง คนฉลาดมักจะหาทางออกได้เสมอ

กำลังทางทหารของที่นี่เปรียบได้กับประเทศเล็กๆ ซึ่งมีทั้งอาวุธหนัก รถหุ้มเกราะ เครื่องยุทธภัณฑ์ แม้แต่ AS ยุคที่สองของใหม่ก็ยังมี ด้วยเหตุนี้เอง จึงไม่ง่ายนักที่ทั้งมิธริลและอมัลกัม จะมาจัดการกับพวกเขาได้

"ทุกคนที่นี่พวกเดียวกันทั้งนั้น" คาโป ดิ คาปิ ผู้นำตระกูลบาร์บาร่า ย้ำกับบลูโน่ "ฉันมีเส้นสายในกรมตำรวจกับทหาร ถ้าจะบังเอิญมีคนจากองค์กรพวกนั้นเข้ามาเกาะนี้แล้วล่ะก็ ฉันต้องรู้ก่อนแน่"

บลูโน่ได้แจ้งผู้นำตระกูลบาร์บาร่า ถึงรูปร่างหน้าตาของคนจาก"พาลโฮรอน" กองเรือมิธริลประจำทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ผู้ที่อาจจะกำลังตามล่าเขาเอาไว้แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถขโมยเอารูปถ่ายของพวกนั้นมาได้ แต่เขาก็ยังจำหน้าได้ชัดเจน ถ้าพวกนั้นก้าวเข้ามาในเกาะวันใด วันนั้นก็จะเป็นวันตายของพวกมัน

หลังจากยืนคุยกันอยู่ประมาณ 5 นาที บาร์บาร่าก็แตะไหล่เขาเบาๆ

"ตามสบาย วันนี้วันเกิดลูกสาวฉัน ขอตัวก่อนแล้วกัน"

"ขอดื่มให้กับคุณหนูครับ" บลูโน่พูด ยกแก้วไวน์แสดงความเคารพ

หลังจากดื่มแล้ว บลูโน่ก็แยกทางกับคาโป้ แล้วเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่

คฤหาสน์อันโอ่อ่านี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 และก็ยังมีการต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในนั้นตกแต่งอย่างมีชีวิตชีวา ทั้งกำแพงและเพดานถูกทาด้วยสีทอง ประดับขอบด้วยลายเส้นอย่างละเอียดลออ เสียงดนตรีดังเคลียคลอมาตามสายลม อาหารอันแสนโอชา ไวน์ชั้นเลิศ และผู้คนมากมาย งานเลี้ยงดำเนินไปตลอดราตรีอันยาวนาน

ในงานนั้นมีหญิงสาวในชุดสวยงามมากมาย พวกเธอนั้นมาจากหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งสาวสวยผิวสีแทนจากเมดิเตอร์เรเนี่ยน สาวผมบลอนด์ ตาสีฟ้า จากยุโรปเหนือ เมื่อบลูโน่ยิ้มให้ พวกเธอก็จะแย้มยิ้มตอบ

"ลา แบลลา ซิซิลี" เขาพึมพำกับตัวเอง

เหมือนสวรรค์จริงๆ คิดถูกแล้วที่มาที่นี่

ขณะที่บลูโน่เดินเที่ยวไปเรื่อยๆอย่างสำราญใจ เขาก็ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งเธอเป็นคนสวยมาก ดูเหมือนจะมีเชื้อสายทางตะวันออก ตานั้นคมงาม ผมสีดำยาวเป็นลอน มีบรรยากาศที่ท้าทายให้ค้นหา เธอสวมชุดราตรีสีดำ ยาวกรอมพื้น แม้จะดูเหมือนเป็นชุดที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่าย แต่กระนั้นด้านหลังก็เปิดโล่ง มองได้ลึกไปจนเกือบถึงสะโพก ชักชวนให้ปั่นป่วนใจยิ่งนัก

บลูโน่ใจเต้น อารมณ์หื่นกระหาย

"เป็นยังไงบ้างคะ งานเลี้ยงสนุกดีไหม?" เธอพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน ออกจะน่าประหลาดใจสักหน่อย แต่บลูโน่ก็ยิ้มกว้างให้เธอ

"สนุกมากเลยครับ ที่นี่เยี่ยมมาก แรกๆตอนผมมาที่เกาะนี้ เห็นแต่บ้านทรงร้องเท้าจนเอียน"

ที่ซิซิลีนั้นมีคฤหาสน์หรูหราเพียงไม่กี่แห่ง อาคารส่วนมากนั้นจะเป็นบ้านพักแบบเรียบๆที่มีไว้อยู่อาศัย

ถ้าเป็นเรื่องตลก ก็ไม่ขำเอาซะเลย เธอจึงหันมายิ้มให้ตามมารยาท

"คุณเป็นคนอเมริกันใช่ไหมคะ ฉันเคยอยู่ที่นั่นมาสองปี"

"งั้นเหรอครับ เพราะแบบนี้นี่เอง คุณถึงทายถูก"

"ก็คงงั้นล่ะค่ะ คุณคงมาจากในเมือง...เป็นพวกไฮโซ...หรืออะไรทำนองนั้น อีกอย่างนะคุณให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากคนอื่นด้วย"

"โอ้..งั้นก็แย่ล่ะสิครับ งั้นผมไม่ทำตัวให้เป็นที่สนใจคงดีกว่า" เขาพูด รอยยิ้มยังอยู่บนใบหน้า วางท่าอวดหรู ไม่เข้าใจคำพูดเหน็บแนมอย่างกลายๆของหล่อน

"แล้วคุณอยู่ที่ไหนล่ะครับ"

"บัลติมอร์"

"โอ้ นั้นมันใกล้กับที่ผมอยู่มากเลยนะครับ"

"จริงเหรอคะ ดูไม่เหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นเลยนี่นา" เธอหัวเราะคิกคักแล้วยิ้ม

"จริงๆนะครับ แต่เรื่องมันยาวสักหน่อย"

ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ และความหลังเก่าๆที่โหยหา บลูโน่สนทนากับเธออย่างกระตือรือล้น เขาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเก่าๆ ข่าวคราวท้องถิ่น แน่นอนว่ายังไม่ลืมหยอดคำหวานให้เธอด้วย เธอเองนั้นก็ดูจะพอใจอะไรกับการสนทนาครั้งนี้ พยักหน้าให้เขาเป็นบางครั้ง และแล้วเธอก็เริ่มเชื้อเชิญ

"คุณจะว่าไงคะ ถ้าเราจะไปคุยกันในที่เงียบๆกว่านี้ แถวนี้คนชักจะเยอะไปหน่อยแล้ว"

บลูโน่เห็นด้วยโดยไม่ลังเล

"เยี่ยมมากเลยครับ ผมพักอยู่ข้างบนนี้เอง เราไปดื่มกันต่อที่นั่นดีไหมครับ?"

บนนั้นมีเตียงแล้วก็ห้องน้ำ เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ไม่ต้องรออะไรอีก เธอคล้องแขนเขา

ทั้งคู่ออกมาจากงานเลี้ยง เดินไปตามระเบียงที่เชื่อมกับตึกใหญ่ ที่นั่นมีทหารทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนจังก้าอยู่สองคน ในมือถือปืน ทั้งคู่สวมแว่นตากันแดด พร้อมกล้องมองตอนกลางคืน

"ซินยอร์ สุภาพสตรีท่านนี้เป็นใคร?" ทหารคนหนึ่งถามอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

มาเฟียสมัยนี้มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยกันแล้ว พวกนี้ผ่านการฝึกฝนพิเศษ ปืนที่ใช้ไม่ใช่ปืนกระจอกๆอย่างที่เห็นในหนังเจ้าพ่อ แต่เป็นปืนกลรุ่นใหม่ที่ผลิตในเบลเยี่ยม ตลับกระสุนรูปกล่องนั้นทำจากพลาสติคแข็ง ซึ่งช่วยให้ยิงกระสุนด้วยความเร็วที่สามารถเจาะเสื้อกันกระสุนได้อย่างง่ายด าย

"อย่าถามอะไรเซ้าซี้น่า" บลูโน่พูด แล้วก็พาเธอเดินผ่านหน้าไป

ตรวจตรากันเข้มงวดมันก็ดีอยู่หรอก แต่เวลาแบบนี้ยังจะ.... เขาคิดพร้อมกับยิ้มฝืดๆ

"ขอโทษด้วยครับที่พวกนั้นทำกับแขก VIP อย่างนี้" เขากระซิบ เธอทำท่าประหลาดใจแล้วก็หัวเราะคิกคักด้วยความตื่นเต้น

เพียงครู่ใหญ่ทั้งคู่ก็มาถึงห้อง เขาประคองกอดเอวบางๆของเธอเอาไว้ ความฝันที่จะได้ลิ้มรสสาวร่างน้อย ใกล้จะเป็นจริงแล้ว

"เอาล่ะ เราจะทำอะไรกันดี จริงสิ ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย"

"คิ๊กๆ อยากรู้จริงๆเหรอคะ?" เธอพูดพร้อมกับโปรยยิ้มลึกลับมาให้เขา อยู่ใกล้กันแบบนี้ เขามองเห็นได้ทุกรายละเอียดของผิวเนียนสวย สาวๆนี่ดีจริงๆ ความต้องการและความตื่นเต้นมีอยู่ท้วมท้น บลูโน่ละล่ำละลัก

"แน่นอน ผมอยากรู้ ถ้าผมไม่รู้ พอถึงตอนนั้นผมก็เรียกไม่ถูกน่ะสิ"

เขาดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ แหวกรอยผ่าของชุดราตรีออก เพื่อจะได้มองเรียวขาคู่งามนั้นให้เห็นชัดๆ

"แค่ชื่อเหรอคะ คุณไม่อยากรู้อย่างอื่นเกี่ยวกับฉันบ้างหรือ?"

"อยากสิ อยาก เราค่อยๆเรียนรู้กันไปก็ได้..."

"คุณอยากรู้ทุกอย่างเลยใช่ไหม?"

"ใช่ บอกผมมาได้ทุกอย่างเลย ทุกอย่าง ทุกอย่าง.."

"ดี งั้นฉันจะบอกแกเอง" ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน บลูโน่ยังตามไม่ทัน

เธอจับเขากระแทกเข้ากับกำแพง ฟันหน้าเจ็บปวดจนแทบจะหลุด เธอทิ่มปืนกระบอกใหญ่เข้ามาในปาก มันเป็นปืน Heckler & Koch

ขนาดลำกล้อง .45 ปืนที่ใช้กันในหน่วยรบพิเศษ ใหญ่เกินกว่าผู้หญิงจะถือได้

"อะ..อะ...อะ?"

เธอกำปืนไว้แน่นแล้วจ้องหน้าบลูโน่ที่กำลังประหลาดใจ

เธอพูด

"ฟังให้ดี ! ฉันชื่อ เมลิซ่า เหมา หน่วยรบSRTภาคพื้นดิน สังกัดมิธริล ประจำ ทัวฮา เดอ ดานัง ยศจ่าสิบเอก รหัสเรียกขาน Urz 2..."

เป็นไปไม่ได้ ทัวฮา เดอ ดานัง กองเรือแปซิฟิกตะวันตก ภายใต้การบัญชาการของเทสต้ารอสซ่า หรือชื่ออะไรก็ช่างเหอะ ทำไมพวกนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้

"อะ ...อ๊าก.."

"แกรู้อะไรไหม เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้บังคับบัญชาที่ฉันนับถือถูกฆ่าก็เพราะแก ฉันล่ะอยากจะเหนี่ยวไกปืนเป็นบ้า!" เธอพูด สายตาเย็นชานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังและกระหายเลือด

เขาเริ่มร้องไห้และส่ายหัว แต่เมื่อเหมาเอาปืนยัดปากเขาไว้อยู่ มันจึงดูน่าทุเรศเป็นอย่างมาก

ได้โปรด ได้โปรดอย่าฆ่าผม สายตานั้นเว้าวอน ความหื่นกระหายนั้นหายหดไปหมดแล้ว ถ้าหมอนี่ขัดขืนซะหน่อย เธอคงเต็มใจที่จะเหนี่ยวไกอย่างยิ่ง

แต่เมื่อเห็นเขาเป็นซะอย่างนี้ เธอจึงอารมณ์เย็นลงได้บ้าง

เธอลดปืนออกจากปากเขา แล้วเปลี่ยนไปจี้ตรงคอแทน

"ได้โปรดอย่าฆ่าผม ผมขอร้อง ได้โปรด.."

"หุบปากแล้วเงียบซะ! "

ที่ระเบียงใกล้กันนั้น ทหารของพวกมาเฟียถือวิทยุเดินตรวจตราอยู่ ตามประวัติศาสตร์ของพวกมาเฟียแล้ว ไม่มีตระกูลไหนเลยที่จะโหดร้ายเท่าตระกูลบาร์บาร่า

ผู้นำตระกูลบาร์บาร่านั้นมีภาพพจน์เป็นชายที่เปี่ยมไปด้วยมิตรภาพและอุทิศตน ให้กับสังคม แต่ตัวจริงของเขานั้นผิดกันอย่างลิบลับ เขาเป็นคนประเภทที่ว่า สามารถจะลักพาตัวผู้พิพากษาที่ปฏิเสธสินบนของเขา ตัดหัว เอาเงินยัดใส่ปาก แล้วส่งรูปถ่ายที่สยดสยองนั้นไปให้ครอบครัวนั้นดู

คฤหาสน์แบบนี้จะมีทหารรับจ้างที่กระหายสงครามคอยเฝ้าระวังอยู่มาก อุปกรณ์ที่ใช้ก็ทันสมัย ถ้าเป้าหมายการลักพาตัวของเหมาส่งเสียงออกมา เธอคงไม่สามารถพาเขาไปด้วยได้

"อย่ายิงผม ผมจะทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการเลย ได้โปรด..."

"งั้นก็เงียบซะที!"

"เงียบ...เงียบแล้วครับ ขอโทษครับ ผมมันบ้า ผมไม่ได้ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับมิธริลเลย มันเป็นความคิดชั่ววูบ ผมสำนึกแล้วครับ ได้โปรด โอ้ ได้โปรด.."

"ไม่ได้ยินที่ฉันบอกรึไงวะ ไอ้นี่!"

เหมาดึงเอาเข็มฉีดยารูปร่างเหมือนปืนออกจากกระเป๋าถือด้วยมือขวาที่ว่างอยู่ กดมันเข้ากับลำคอของบลูโน่แล้วเหนี่ยวไก ประมาณ 10 วินาที บลูโน่ที่เอาแต่พร่ำร้องว่า ได้โปรดๆ ก็คอพับและสลบไป

"ค่อยยังชั่ว..." เธอพึมพำ แล้วก็ถอดขนตาปลอมกับวิกออก เผยให้เห็นผมซอยสั้นสีดำ เธอเกาศีรษะ ข้างในหูนั้นมีเครื่องส่งสัญญาณขนาดเล็กเสียบอยู่เตรียมพร้อมที่จะรายงานไปย ังผู้ร่วมปฏิบัติการ "นี่ Urz 2 จับเป้าหมายได้แล้ว เตรียมตัดสัญญาณเตือน"

เธอหยิบเครื่องมือบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ และเริ่มแก้ไขสัญญาณ เมื่อสลับวงจรได้แล้ว เธอก็สับสวิตซ์สัญญาณลง ไฟเตือนที่ควรจะเป็นสีแดงยังคงเป็นสีเขียว

เมื่อเข้ามาถึงข้างในได้แล้ว สัญญาณแค่นี้ก็เป็นเรื่องกล้วยๆ

เหมาเดินตรงไปที่หน้าต่าง ถอดกลอน แล้วก็ดันบานกระจกออก

จากระเบียงเล็กๆที่ชั้น 4 ข้างล่างนั้นเป็นสวนหิน ถัดไปนั้นเป็นรั้วสูงชัน และเมื่อมองไกลออกไปก็จะเห็นภาพของเนินเขาที่ทอดตัวยาวอยู่ท่ามกลางแสงจันทร ์ ทั้งยังพอมองเห็นแสงไฟตามถนนสาดส่องเป็นแนวไกลไปจนสุดขอบฟ้า

"เรียบร้อย..."เธอพูด มือจับราวระเบียงเอาไว้ อากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืนกระซิบผ่านเรือนแก้ม เกือบจะทำให้ลืมไปเลยว่ายังอยู่ในดินแดนของศัตรู

"ทิวทัศน์ที่งดงามดังภาพวาด นามนั้นหรือคือท่านเฮคาเต ธิดาเทพ แห่งรัตติกาล" มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังเธอ

ที่ฝั่งตรงข้ามของหน้าต่างที่ถูกเปิดออก มีชายคนหนึ่งยืนซ่อนตัวอยู่ตรงมุมมืด เขายืนพิงเสาหินเอาไว้ ทำมือโค้งราวกับจะขอเธอเต้นรำ

"นายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร" เหมาถามห้วนๆ

"ก็ตั้งแต่ไอ้เบื๊อกนั่นมันเลิกจับก้นเจ๊นั่นแหล่ะ" เขาตอบ ก้าวออกมาจากเงานั้น แสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้มองเห็นร่างของครูซ เวเบอร์ แต่งกายด้วยชุดทักซิโด้ เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม ผมสีทอง ตาสีฟ้า และยิ่งดูงามสง่ายิ่งขึ้นไปอีก เมื่ออยู่ในชุดที่หรูหราเช่นนี้

"อย่างที่ผมบอก เจ๊ใส่ชุดนี้แล้วสวยจริงๆ"

"แน่อยู่แล้วล่ะยะ จะล่อหมอนี่มันก็ต้องทำแบบนี้ แต่ฉันจะไม่ใส่ไอ้ชุดบ้านี่เป็นครั้งที่สองแน่ ใส่แล้วดูหยั่งกะพวกสมองกลวงในงานออสการ์"

ครูซเดินไปหาเธอด้วยมาดสุขุม กระซิบข้างๆหูเธอเบาๆ

"ไม่จริงหรอก ผมว่ามันเหมาะกับเจ๊ดีน้าาาา"

"เหมาะกับพวกลามกอย่างนายน่ะสิ"

"ไม่... จริงๆนะ เจ๊ดูสวยจริงๆ มีเสน่ห์ลึกลับ ยิ่งตรงข้างหลังเนี่ยแบบว่า...แล้วรู้ไหม เฮกาเตก็เป็นเทพธิดาแห่งการล้างแค้นด้วยนะ นั่นล่ะเข้ากับเจ๊ที่สุด"

"นายเมารึเปล่าเนี่ย?"

"ซิ ซินยอริต้า ถ้าจะเมาก็เมารักใครบางคนนั่นแหล่ะ ฮี่ๆๆ.."

"พอซะทีเหอะ"

ครูซอ้อมมาข้างหลัง และกอดไหล่เธอไว้แนบแน่นและอ่อนโยน น้ำหอมกลิ่มมะกรูดลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ถ้าเธอไม่ได้ระวังตัว เธอก็คงจะนิ่งอึ้งในท่านั้นไปแล้ว แต่...

สำหรับเหมา ภารกิจต้องมาก่อน

เธอเบี่ยงหัวลงแล้วผงกกลับมาอย่างเต็มที่ ด้านหลังศีรษะของเธอชนเขากับสันจมูกของครูซเต็มแรง ความเจ็บปวดลามไปจนถึงคอ

"อุ๊บ!"

"เอาล่ะ ไปทำงานซะ...เร็วเข้า"

"โอ๊ย ทำอะไรของเจ๊กันเนี่ย!"

"หุบปากแล้วก็เลิกเล่นซะที สร่างรึยังล่ะ ข้างนอกนั่นยังมีพี่ชายหน้าโหดเดินสวนสนามอยู่ให้เพียบเลยนะ"

"ช่างเป็นความจริงที่น่าเศร้าเหลือเกิน"

"เก็บของแล้วก็ไปได้แล้ว"

"ชิ!"

ครูซเก็บสัมภาระที่วางไว้ตรงมุมระเบียงด้วยน้ำตาคลอเบ้า มือกดจมูกเอาไว้ เมื่อวันก่อน เขาได้ซุกอุปกรณ์ไว้ในของประดับบ้านและส่วนประกอบของอาหารในงานเลี้ยง การจะเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดเอาไว้พร้อมกับหาทางลับลอบเข้าไปในงานด้วย เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง เนื่องจากว่ามีความเป็นไปได้ที่จะยังคงมีสายลับอยู่ในมิธริล พวกเขาจึงต้องปฏิบัติภารกิจด้วยตนเอง โดยปราศจากความช่วยเหลือจากหน่วยข่าวกรองหรือกองเรือแอตแลนติคเหนือ การที่สามารถลอบเข้ามาในดินแดนที่ไม่คุ้นเคยได้นั้น คงต้องขอขอบคุณความกว้างขวางของพันโทคาลินิน ทักษะทางคอมพิวเตอร์อันยอดเยี่ยมของเหมา และเส้นสายของครูซตอนเป็นทหารรับจ้าง

ครูซดึงเอาเส้นลวดและรอกขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้วเขากับเหมาก็ช่วยกันแบกร่างที่ไม่ได้สติของบลูโน่ออกไปที่ระเบียง

ขณะที่พวกเขาทำงานกันอยู่นั้น ครูซก็เริ่มบ่น

"จริงๆเลยน้า ทำกับผมแบบนี้ได้ไง ทั้งที่ผมอุตส่าห์พยายามสลัดสาวสวยที่ตั้งใจจะพาผมไปอยู่ด้วย เพื่อกลับมาหาเจ๊แล้วน้าาา"

"สาวสวย?"

"ใช่แล้ว แม่ม่ายสาวเศรษฐีนีจากมิลาน เห็นขนาดเพชรรอบคอเธอแล้วจะตกใจ กำลังจะไปกันได้สวยเลยล่ะ"

"โกหกน่า"

"จริงๆเจ๊ เธอน้ำตาคลอตอนที่บอกกับผมว่า ฉันอยากอยู่กับคุณ แต่งงานกับฉันเถอะนะ..."

"ขนาดนั้นเชียว?"

เขามัดรอกเอาไว้กับราวระเบียง ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสวน บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าครูซจัดการพวกนั้นด้วยสตัน

กันไปหมดแล้วก่อนจะปีนขึ้นมา ครูซกำลังจะปีนลงไปที่พุ่มไม้หนาข้างล่างนั่น แต่เหมาเรียกเขาไว้

"เดี๋ยว ให้ฉันลงไปก่อน"

"ก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะ แต่ทำไมล่ะ?"

เธอไม่ตอบ ถ้าเขารู้ว่าเธอไม่ได้สวมชั้นในเลย อีตาลามกนั่นคงจะเริงร่าสุดขีด เนื่องจากส่วนบนของชุดนั้นบางมาก แถมข้างหลังยังเปลือยเปล่าซะอีก เพราะงั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใส่อะไรไว้ข้างใน อีกทั้งรอยผ่าของกระโปรงยังสูงอีกด้วย ถ้าครูซยืนอยู่ข้างล่าง

แล้วมีลมพัดมาแรงๆล่ะก็ เอ่อ...

เขาต้องเห็นก้นเธอแน่

"นี่ เป็นอะไรไปล่ะ ทำไมเหรอ?"

"เงียบซะที ไม่มีอะไรหรอก เข้าใจไหม?"

เธอถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วรีบปีนขึ้นไปบนราวระเบียง แล้วก็ปีนลงมาบนพื้นโดยไม่ยากเย็นอะไร จากนั้นครูซก็โรยตัวบลูโน่ลงมาด้วยรอก แล้วเขาก็ลงตามมาเป็นคนสุดท้าย

"ทางไปที่จอดรถเป็นยังไง?"

"ไม่มีปัญหา รปภ.ที่นี่สลบไปหมดแล้ว

"ดี งั้นไปกันเลย"

ถ้าพวกเขาไปถึงที่จอดรถได้ ที่เหลือก็แค่โยนบลูโน่เข้าไปในที่เก็บของของรถเฟอร์รารี่คันที่ขับมา จากนั้นก็บึ่งรถจากไปอย่างไร้ความกังวล

ครูซแบกร่างที่ห้อยต่องแต่งของบลูโน่ไว้บนบ่า เหมาถือปืนเก็บเสียงเอาไว้ เดินไปยังที่จอดรถ แล้วตอนนั้นเอง...

"ซินยอร์!" เสียงของผู้หญิงดังชัดเจนมาจากในสวน

"เหวอ!"

"ซินยอร์ คาลิอุส โปรดรอก่อน!"

หญิงวัยกลางคน สวมเครื่องประดับที่ส่องแสงวิบวับวิ่งออกมาทางสวนหิน เธอนั้นทั้งอ้วนทั้งตัวใหญ่ บอกไม่ได้เลยว่าตรงไหนเป็นอกตรงไหนเป็นพุง และเมื่อเธอวิ่ง ตัวของเธอก็กระเพื่อมขึ้นลงเหมือนลูกบอลยางขนาดยักษ์

"อย่าบอกนะว่า นั่นน่ะ แม่ม่ายสาวสวยของนาย"

"เอ่อ..มะ..ไม่ใช่ เปล่าซักหน่อย"

"แล้วก็นะ ชื่อคาลิอุสนี่มันอะไร?"

"ก็แค่ชื่อปลอมนะ ชื่อของลุงที่ทำงานอยู่ที่ร้านขายยาในเมืองที่ผมเคยอยู่ เคยไปพักที่นั่นตอนปิดเทอม แกปล่อยให้ผมไปเล่นข้างนอกอยู่บ่อยๆ"

"คาลิอุส"เธอร้อง วิ่งตรงมาหาเขา เกาะแขนเขาไว้ ครูซร้องเสียงหลง "เธอบ้าไปแล้ว!" ไหล่ของเขานั้นยังแบกบลูโน่ไว้และข้างๆนั้น

ก็มีเหมาที่ยืนอึ้งอยู่ แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้สนใจสถานการณ์แปลกๆที่อยู่ตรงหน้านี้เลย

"อ้า...คาลิอุสที่รัก ฉันตามหาคุณแทบตาย คุณจะทิ้งฉันไปไหน?"

"ไม่ๆ เอ่อ คือ.."

"ฉันขอโทษ ถ้าฉันพูดอะไรที่ทำให้คุณไม่พอใจ ช่างเป็นคนอ่อนไหวอะไรเช่นนี้ แต่ฉันเข้าใจ ฉันเห็นความเศร้าในตาสีฟ้าคู่นั้น ทำไมเราไม่มาคุยกันให้มากกว่านี้ล่ะ? ความรักก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องมีรากไว้ยึดเกาะ แล้วก็ต้องใช้เวลานานกว่าดอกจะบาน แต่ฉันมั่นใจว่าเราจะเข้าใจกันได้ เพราะงั้น เพราะงั้น..." เธอร้องไห้เสียงดัง เหมากับครูซกำลังตื่นตระหนก

"เฮ้ๆ คุณผู้หญิง ช่วยเบาๆหน่อยได้มั้ยครับ? นะ?และผมจะ.."

"ได้โปรด คาลิอุส ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไป เปอร์ ฟาโวววเร่ อ๊าาาา ฮึ ฮือๆๆๆๆ"

"ไม่ต้องร้องได้ไหม ผมขอ..."

"ทำให้เธอเงียบซะทีเซ่ ถ้าเกิดใครได้ยินเข้าล่ะก็.."

ถ้ามีคนได้ยินเสียงเธอแล้วรีบตรงมาที่นี่ก็จะใช้เวลากว่า 30 วินาที แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่ส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ใกล้ที่สุด

ผู้ชายชุดดำถือปืนกลโผล่ออกมาตรงมุมที่จอดรถ ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร

"อะไรกันวะเนี่ย?...เฮ้ย!"

ผู้หญิงอ้วนกำลังยืนร้องไห้ หญิงสาวกำลังถือปืน และชายหนุ่มสุดหล่อกำลังแบกแขก VIP ชาวอเมริกันที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัว เมื่อพอจะเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็หน้าซีด

"ผู้บุกรุก มีผู้บุกรุกกกกก!" เขาตะโกน ยกปืนขึ้นในขณะเดียวกันกับที่เหมาเหนี่ยวไก

เธอยิงเขาเข้าที่หัวไหล่และสีข้างทำให้เขาล้มลงไปข้างหน้า ปากกระบอกปืนชี้ลงพื้น มือเหนี่ยวไก ฝุ่นควันจากพื้นดินลอยปกคลุมไปทั่ว

เสียงของปืนกลยิ่งทำให้แม่ม่ายคนนั้นร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ สัญญาณเตือนส่งเสียงราวกับรถหวอตำรวจดังก้องไปทั่วบริเวณ ทหารของพวกมาเฟียทั้งจากในบ้าน ในสวน บ้านพักของแขก รวมถึงในป้อม วิ่งออกมารวมตัวกัน เสียงของปืนดังพร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างตระหนกปลุกราตรีให้ตื่น โดเบอร์แมนหลายตัวถูกปล่อยออกมา มันเห่ากระโชกอย่างดุร้าย ไฟสปอตไลน์หลายดวงสาดส่องตามหาผู้บุกรุก

เสียงที่ดังรอบคฤหาสน์โบราณแห่งนี้ ทำให้มันดูราวกับเป็นไนท์คลับก็ไม่ปาน

"บ้าเอ๊ย!" เหมาครวญอยู่ท่ามกลางกระสุนปืนที่สาดเข้ามาไม่ยั้ง เธอใช้กำแพงหินขนาดสูงประมาณเอวเป็นที่กำลัง "ฉันคิดว่าครั้งนี้เราจะไปได้สวยแล้ว แต่ไม่เลย ต้องชักปืนออกมายิงอีกแล้ว ทำไมต้องเป็นแบบนี้ทุกทีวะ!?"

"ก็แค่แก้เซ็งนิดหน่อยน่าเจ๊" ครูซแย้ง เขาวิ่งตามมาหลังกำแพงเกือบไม่ทัน หายใจหอบเพราะต้องวิ่งไปด้วยแบกน้ำหนักของบลูโน่ไปด้วย

"เพราะผมมันใจดีเกินไปหน่อย...ก็คิดว่าจะพูดนั่นพูดนี่ปลอบใจเธอ แต่เธอดันเอาจริง ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกนะ สามีเธอก็พึ่งจะเสีย แล้วก็..."

"ยังจะมีเวลามาพร่ำพรรณาอีกเร๊อะ! เราจะตายกันอยู่ตรงนี้แล้วนะเฟ้ย!"

ในตอนนั้นเองที่เสียงปืนเงียบลง เพราะแม่ม่ายคนนั้นเป็นลมล้มทั้งยืน เหมากับครูซทิ้งเธอเอาไว้ ทำให้มีเวลาพอที่จะวิ่งออกไปจนถึงมุมสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่..

"ข้างหลังเป็นกำแพงสูงสามเมตร ข้างหน้าเป็นมือปืนร้อยกว่าคน ไม่มีที่ให้หนี แล้วเรายังมีแค่ปืนเก็บเสียงกับปืนไฟฟ้าคนละกระบอก"

"ก็ยังดีไม่ใช่เหรอ ปืนที่พวกนั้นใช้น่ะถึงจะแพงก็จริงแต่ก็ยังไม่เคยใช้ในการรบจริงเลยซักครั้ง เจ๊ยังเคยบอกเลยไม่ใช่เหรอว่าพวกนั้นน่ะเสียเงินโดยใช่เหตุ"

"นั่นมันไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยนะยะ"

แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดพูดแค่นั้น เพราะกระสุนชุดใหญ่สาดมารอบตัว เศษดินและหินกระเด็นปลิวตกมาบนศีรษะ

"โธ่เว้ย!"

เธอเล็งปืนออกจากที่ซ่อน ยิงออกไปห้านัดติดต่อกัน กระสุนโดนโดเบอร์แมนสองตัวที่วิ่งเข้ามา มันล้มกลิ้งลงไปกับพื้น ชักดิ้นชักงอ

"โถ น่าสงสารจัง"

"ไม่รู้ดิ หรือนายอยากไปเป็นอาหารเย็นให้พวกมันดีล่ะ"

"งั้นไม่เอาดีกว่า... เฮ้ย!"

ไม่กี่เมตรตรงหน้า ผู้ชายคนหนึ่งกระโดดออกมาจากที่ซ่อน ครูซยิง กระแสไฟฟ้าวิ่งไปตามอากาศปะทะเข้ากับชายคนนั้นจนล้มแน่นิ่งไปกับพื้น

"แย่ชะมัด น่าจะพกปืนไรเฟิลมาด้วย เห็นคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้บัญชาการของเจ้าพวกนั้นตรงหน้าต่าง..."

ครูซคิดจะเก็บผู้บัญชาการนั่นจากตรงนี้ ซึ่งเขาคงจะทำมันได้จริง ตราบใดที่เขามีไรเฟิลอยู่ในมือ ไม่ว่าศัตรูจะอยู่ไกลขนาดไหนเขาก็ยิงถึง

"เอาเถอะ ถึงจะจัดการไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว"

"แต่ถ้ายังอยู่แบบนี้ต่อไป เราถูกล้อมแน่" ครูซพูดขณะที่กำลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ของปืนไฟฟ้า

"ความผิดของนายนั่นแหล่ะ ถ้าจะต้องตายที่นี่ ทำอะไรกับไอ้หมอนี่ก่อนที่จะโดนฆ่าดีไหม..."เหมาถอดปากกระบอกปืนเก็บเสียงออ ก หันมามองบลูโน่ที่นอนนิ่งอยู่

"เจ๊จะฆ่ามันเหรอ แต่เรามานี่เพื่อพาตัวมันกลับไปนะ"

"ล้อเล่นหรอกน่า ฉันก็แค่หวังว่าอย่างนั้น" เมื่อพูดแบบนั้น เธอก็ได้ยินเสียงผ่านมาทางหูฟัง

"อย่าพึ่งตัดใจ Urz 2"

"เอ๋...?"

"ดูเหมือนจะมาทันเวลานะ ก้มหัวเอาไว้"

"อะไรกัน นายมาที่นี่ด้วยเหรอ โซ.."

แต่เสียงของเหมาก็ถูกตัดขาดไปด้วยเสียงของระเบิดดังสนั่น กำแพงด้านหลังถูกระเบิด เปลวไฟและเศษอิฐกระจายไปทั่ว

มีคนระเบิดกำแพงจากข้างนอก

ควันดำจากการระเบิดทำให้ทรรศนะวิสัยทั่วบริเวณเป็นศูนย์ ได้ยินเพียงแค่เสียงตะโกนของพวกมาเฟียที่วิ่งไปวิ่งมา พร้อมกับยิงปืนออกไปส่งเดช

"...?!"

"หลังกำแพง สี่นาฬิกา วิ่ง!"

ควันทำให้แสบตา เหมาปาดน้ำตาทิ้งแล้วก็ดึงไหล่ของครูซ วิ่งไปตามทิศทางที่เสียงนั้นบอก กำแพงสูงใหญ่ทางขวานั้นมีรอยถล่มขนาดกว้างกว่าสองเมตรที่ดูเหมือนกว่าจะถูกท ำลายจากระเบิดหรืออะไรบางอย่างจากภายนอก

พวกเขาก้าวข้ามกองอิฐออกไปนอกกำแพง ได้ยินเสียงรถเบรคดังออกมาจากอีกด้านของกลุ่มควัน

"ทางนี้"

แล้วทั้งคู่ก็เห็นรถเฟียตรุ่นเก่าจอดอยู่บนถนนที่วนรอบบ้านพัก มันเป็นรถคันเล็กแบบคูเป้สีครีม ถ้านั่งกันสี่คนล่ะก็คงต้องอัดกันเป็นปลากระป๋องแน่

เหมากับครูซถึงกับพูดพร้อมกันเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนขับ

"โซสึเกะ!?"

คนที่ขับรถมาจอดตรงหน้าพวกเขานั้นก็คือ ซางาระ โซสึเกะ นั่นเอง

ผมสีดำนั้นยุ่งเหยิง สีหน้าเอาจริง เขาสวมแจ๊กเก็ตนักบินสีเขียวมะกอกทับชุดทหารสีดำ ไม่แปลกเลยที่ทั้งเหมาและครูซจะประหลาดใจ เพราะโซสึเกะไม่ได้เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วย ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ญี่ปุ่น

"มาทำอะไรของนายน่ะ?"ครูซพูดพร้อมกับโยนบลูโน่ลงไปบนเบาะหลัง"นายมีสอบมิดเทอมวันนี้นี่นา?"

"ถูกต้อง แต่เนื่องจากเส้นทางหลบหนีของพวกนายถูกเปลี่ยน ฉันจึงได้รับคำสั่งจากผู้พันให้มาส่งข่าวและช่วยเหลือพวกนาย"

"เปลี่ยนงั้นเหรอ?"

"เส้นทางทะเลจากมาร์เซย์ถูกยกเลิก ดูเหมือนว่ากัปตันเรือประมงที่เราจ้างเอาไว้ จะถูกส่งเขาโรงพยาบาลเพราะโรคพิษสุราเรื้อรัง

เราก็เลยต้อง.."

กระสุนปืนของศัตรูแหวกควันออกมาปะทะเข้ากับกระจกมองหลังของรถเฟียต

"จบรึยั...?"

"...เปลี่ยนเป็นเส้นทางอากาศ จากฐานทัพอากาศนาโต้ในตุรกี มีเที่ยวบินไปกลับอยู่ที่นั่น เช้าวันพรุ่งนี้ที่ที่ทำการทหารในคาตาเนีย เราจะได้รับมอบหมายเลขประจำตัวและใบรับรองจากกองทัพสหรัฐฯ พร้อมด้วยเครื่องแบบทหารเรือ..."

"ไว้ค่อยอธิบายทีหลัง พาพวกเราไปจากที่นี่ซะทีสิเฟ้ย!"

"รับทราบ!" เขาตอบ เหมาวิ่งขึ้นมานั่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วโซสึเกะก็เหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์ร้องคำราม ล้อหลังหมุนตะกุยเอาดินกระเด็นขึ้นมา รถเฟียตพุ่งออกไปราวกับว่ามีคนมาเตะมันให้วิ่ง

"เหวอ...ไม่ซิ่งไปหน่อยเหรอ!" เหมาตะโกนแล้วตรวจดูทางด้านหลัง กระโปรงของเธอกระพือออกเป็นวงกว้าง

"เพื่อให้ปลอดภัยจากศัตรู"โซสึเกะตอบ "แล้วก็นะ.."เขาลากเสียง ชำเลืองมองเหมา

"มันเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำได้ใช่ไหม เธอกะจะไปว่ายน้ำที่มาร์เซย์งั้นเหรอ?"

"เปล่า นี่มันไม่ใช่ชุดว่ายน้ำ นี่มันชุดของพวกไฮโซ"

"งั้นเหรอ" โซสึเกะหักพวงมาลัยเต็มที่ รถเซออกไปทางด้านซ้าย ทำให้ศีรษะของเหมากระแทกเข้ากับหน้าต่างด้านข้าง ถนนลูกรังนั้นค่อนข้างจะขรุขระ ไม่เหมาะกับรถที่วิ่งกันในเมือง

"ฝีมือการขับของนายนี่มัน.."

"ไม่มีปัญหา"

"เออ..ว่าแต่เจ๊ เราจะทำไงกับเฟอร์รารี่ที่ทิ้งไว้ตรงที่จอดรถนั่นล่ะ?" ครูซถาม

"ช่างหัวมันเหอะ ยังไงเราก็เช่าเขามา"

"แต่พวกอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมกับข้าวของอื่นๆอีกตั้งเยอะ ยังอยู่ในช่องเก็บของเลยนะเจ๊.."

"อะไรนะ! ไอ้บ้าเอ๊ย!"

"ผมติดตั้งระเบิดเอาไว้ด้วยสิ ถ้ากดสวิทซ์นี่ อีก 15 วินาทีต่อมามันก็จะ ตูม เท่านี้ก็เรียบร้อย แต่ว่า..."

พวกเขาทิ้งอุปกรณ์สื่อสารที่ตั้งรหัสผ่านเอาไว้แล้วไว้ที่นั่น โซสึเกะถามเหมาที่พูดอะไรไม่ออกอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงเรียบๆ

"จะทำยังไงต่อ ให้กลับไปไหม?"

"ไม่มีทาง ตอนนี้น่ะ.."

ฟิ้ว เสียงดังแหวกอากาศเหนือหัวของพวกเขา กระสุนปืนปลิวว่อนไปทั่ว

บนถนนข้างหลังพวกเขาประมาณ 100 เมตร รถเชอโรกีขับเคลื่อนสี่ล้อวิ่งตรงมาหา มีคนโผล่ออกมาจากซันรูฟครึ่งตัวกำลังสาดกระสุนปืนกลออกมาอย่างไม่ยั้ง

เพล้ง เสียงกระสุนปืนกระแทกกระจก ปรากฎเป็นรูหลายรู เศษกระจกชิ้นเล็กๆตกเข้ามาในรถ

"จะให้กลับไปตอนนี้เนี่ยนะ! กดสวิตซ์ระเบิดนั่นซะ! ช่างหัวมัน ระเบิดมันทิ้งไปซะเลย!"

"ระ...รับทราบ.."

ครูซกดปุ่มบนสวิตซ์รีโมทขนาดพอๆกับโทรศัพท์มือถือ

"เอาล่ะเรียบร้อย ลาก่อนเฟอร์รารี่ ขี่เฟียตดีฝ่า"

"รถคันนี้ไม่ใช่ขยะหรอกนะ"

โซสึเกะประคองพวงมาลัยเอาไว้แล้วเหยียบคันเร่ง แต่รถเร่งไม่ขึ้นเลย นอกจากนั้นแล้วรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่ไล่หลังมายังแรงกว่ารถเฟียตถึงสองเท่า

"มันทันเราแน่!"

ทันใดนั้นรถคันสีดำก็เบียดเขามาใกล้ เหมามองเห็นทางโค้งอยู่ข้างหน้า เธอกระโดดโผล่ออกไปครึ่งตัวจากซันรูฟของรถเฟียต"

"บ้าชิบ.."

เธอประคองปืนด้วยมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น เล็งและยิง มือปืนฝ่ายศัตรูโดนยิงร่วงลงไปในรถ เธอยิงอีกครั้ง สะเก็ดไฟกระเด็นออกมาจากตัวรถ ดูเหมือนว่ารถคันนั้นจะติดตั้งเกราะกันกระสุนเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยั็งยิงต่อไปจนกระสุนหมด

กระสุนปืนขนาด.45 สิบนัดที่เหลือ เธอเล็งเข้าที่นั่งคนขับ กระจกกันกระสุนนั้นหยุดความแรงของปืนไม่ได้หมด รอยร้าวเริ่มเพิ่มมากขึ้นแล้วกระจกทั้งบานก็เปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นมัว

เมื่อรู้ว่าควรจะทำยังไงแล้ว เหมาก็เปลี่ยนตลับลูกปืนชุดสุดท้ายและยิงซ้ำอีกครั้ง กระสุนสามนัดโดนเข้าที่ไฟหน้าดับลงไปในทันที

"ระวัง!"

ทันใดนั้นเองรถเฟียตก็กระแทกเข้ากับกองดินและถลาออกไป ตัวรถหมุนคว้าง ล้อด้านขวาลอยขึ้นจากพื้น เหมา โซสึเกะและครูซ รีบถ่ายน้ำหนักมาด้านขวาพร้อมกัน

"หว๋าาาา!"

รถเอนตัวลงมา ล้อรถแตะพื้น ทันเวลาที่จะบังคับเลี้ยวได้ทัน แต่รถก็ยังส่ายไปส่ายมา เหมือนเด็กที่เพิ่งหัดเดินทางด้านหลัง คนขับรถคันที่ไล่ตามมามองไม่เห็นทางโค้งเพราะว่ากระจกหน้าร้าวและไฟหน้าดับ เชโรกีคันนั้นพุ่งทะยานข้ามที่กั้นขอบทางโดยที่ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย ล้อหน้าหมุนควงอยู่เหนือเนินที่ลาดลงไปข้างล่าง

รถยนต์สีดำทะมึนส่งเสียงคำรามก้อง เหิรขึ้นไปบนฟ้ายามราตรี

มันลอยอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นมันก็เอียงไปทางด้านซ้าย กระแทกกับพื้น แล้วก็กลิ้งต่อไปอีกสองสามรอบ เศษชิ้นส่วนหลุดกระจาย รถเฟียตรอดจากหายนะมาได้ ซ้ำยังสามารถจัดการกับผู้ไล่ล่าได้อีกด้วย

"น่าสงสารจัง ถ้ามีปีก พวกนายคงจะบินได้บ้างล่ะนะ ฮ่าๆๆๆ"เหมาพูดพร้อมกับโปรยจูบให้

"เฮ้อ อย่างกับกำลังเล่นหนังสายลับเลยวุ๊ย" ครูซพึมพำ

ทางด้านซ้ายและขวาของถนน เป็นเนินเขาที่ทอดยาวสลับกับโค้งหลายโค้ง ไม่มีรถสวนมาเลย หนึ่งนาที สองนาทีผ่านไป รถก็ยังแล่นไปได้เรื่อยๆเหมือนกับเป็นเจ้าถนน

"จบแล้วใช่ไหมเนี่ย?"

"ง่ายชะมัดเลยแฮะ"

แต่แล้วพวกเขาก็เห็นแสงไฟคู่หนึ่งส่องมาจากเนินเขาทางด้านหลัง มันพุ่งตรงไล่ตามมาด้วยความเร็ว

"อีกคันหนึ่งเหรอ?"

"แค่คันเดียวไม่เท่าไร เดี๋ยวฉันจะ.."

"ไม่ ดูนั่น!" โซสึเกะพูด

ตอนแรกนั้นมองเห็นว่ามีรถตามมาเพียงแค่คันเดียว แต่เมื่อรถเลี้ยวจนพ้นภูเขาไปแล้ว พวกเขาก็มองเห็นไฟหน้ารถ เพิ่มขึ้นมาทีละคู่ๆ

แสงไฟนั้นส่องตามๆกันมาโดยไม่ขาดสาย นับได้...

"สิบ...สิบสามคัน" ครูซคราง

"โซสึเกะ ไปเร็วกว่านี้ได้ไหม?"

"นี่ก็เร่งจนสุดแล้ว น้ำหนักมันหนักเกินไป" เขาตอบอย่างเรียบเฉย รถคันนี้เป็นรถขนาดเล็กที่ใช้ในเมือง แรงม้าไม่มาก จึงเป็นไปไม่

ได้เลยที่เมื่อบรรทุกผู้ใหญ่ถึง 4 คนแล้ว จะรอดพ้นจากการถูกไล่ตามได้ นอกจากนั้นแล้วพวกเขายังไม่มีอาวุธติดตัวอีกด้วย ถ้ามีปาฏิหาริย์ให้พวกเขาหนีรอดไปได้ ก็จะมีอาวุธกับกระสุนซ่อนอยู่ในโบสถ์แถวชานเมืองเตรียมพร้อมไว้ให้แล้ว แต่ปัญหาก็คือพวกเขายังอยู่ไกลจากโบสถ์นั้นมาก

เหมาหันไปมองบลูโน่ที่นอนกรนสบายอยู่เบาะหลัง ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

"ท่าทางเราคงต้องฆ่าหมอนี่ แล้วโยนทิ้งไป.."

"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น..."ครูซตอบ พวกเขาไม่ได้ล้อเล่น แต่ตัวปัญหาอย่างบลูโน่ วินเซนต์ไม่ได้ยินอะไร

"เธออยากจะทำให้รถเบาขึ้นงั้นเหรอ?" โซสึเกะถาม

"ใช่ ไม่งั้นพวกมันตามเราทันแน่"

"ถ้าเป็นอย่างนั้น แค่น้ำหนักผู้ชายคนเดียวคงไม่พอ โยนอาวุธที่ฉันขนมาไว้ในกระโปรงหลังทิ้งไปด้วยก็ได้ ก็พวกปืนไรเฟิล ปืนลูกซอง เครื่องยิงจรวด ระเบิดมือ น้ำหนักรวมกันคงประมาณ 40 โล... "

"นายว่าไงนะ?!"

พวกเขาผลักบลูโน่ออกไป ควานมือลงไปหาตัวยึดเบาะอยู่สักพัก แล้วก็ยกมันขึ้น

ข้างในนั้นมีทั้งปืนไรเฟิลเยอรมัน ลูกซองอิตาลี และจรวดของอเมริกัน ทั้งหมดนั้นเป็นอาวุธหนักที่ใช้ทำลายกระจกกันกระสุนได้สบาย

"เจ้าบ้า ทำไมนายไม่บอกพวกเราให้เร็วกว่านี้!?"ทั้งเหมาและครูซตะโกนประสานเสียงพร้อมกัน หน้าแดงด้วยความโกรธ

"ไม่ได้บอกรึ?"

"ไม่ได้บอกเฟ้ย! ให้ตายเถอะ!"

พวกเขาหยุดต่อว่าโซสึเกะ แล้วก็หยิบอาวุธขึ้นมาตรวจดู กระสุนยังอยู่ครบ ครูซรื้อกระจกหลังที่มีแต่รูออก แล้วเตรียมเล็งยิงด้วยไรเฟิล เหมาโผล่ออกไปทางซันรูฟ เลื่อนลูกเลื่อนปืนลูกซองที่บรรจุกระสุนลูกปรายไว้เต็ม

"เอาล่ะ จะลุยงานเลี้ยงกันต่อเลยไหม?"

สัมผัสเย็นเยียบของแท่งเหล็กปลุกอารมณ์เธอให้ตื่น

"พร้อมรึยัง เจ้าพวกบ้า?!"

"เมื่อไร!"

"ที่ไหนก็ได้!"

รถของศัตรูเข้ามาใกล้ จนมาถึงระยะที่ต้องการ

ซิ่งเข้ามาเลยพวก

"ร๊อคแอนด์โรล!!" เธอร้องตะโกน เสียงดังราวกับจะแหวกพายุได้ แล้วก็เปิดฉากยิง

(จบส่วนที่ 2)



Create Date : 24 พฤษภาคม 2551
Last Update : 24 พฤษภาคม 2551 21:39:42 น. 0 comments
Counter : 472 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คนรักมิวฟิล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คนรักมิวฟิล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.