welcome to my world
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
8 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Full Metal Panic! The End of Day by Day แปลไทย (บทที่ 3 ส่วนที่ 3 จบเล่ม 1)

Full Metal Panic!
The End of Day by Day
บทที่ 3 Black and White (ส่วนที่ 3)(จบเล่ม1)

ตอนนี้โซสึเกะกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งนักบินของ ARX-7 อาร์บาเลส และกำลังขึ้นลิฟท์ไปสู่ชั้นพื้นดินของเกาะเมริด้า

มันเป็นลิฟท์ขนาดมหึมา มีรอยสนิมเหล็กปรากฎอยู่ทั่ว

สิ่งก่อสร้างทั้งหมดของฐานทัพนั้นถูกสร้างอยู่ใต้ดิน ส่วนของที่อยู่อาศัย ระบบสื่อสาร คลังอาวุธยุทโธปกรณ์ โรงซ่อมบำรุงของทัวฮาเดอดานัง รวมทั้งสิ่งอื่นๆทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนที่อยู่บนพื้นดินนั้นมีแต่ป่าดงดิบที่ไม่ถูกรุกรานแผ่ขยายอยู่ แต่ยังมีของอย่างรันเวย์และเสาอากาศที่ถูกพรางตาและซ่อนไว้อยู่ด้วย อาจจะเปรียบเกาะทั้งหมดได้เทียบเท่ากับพื้นที่ส่วนยามาเตะของกรุงโตเกียว ซึ่งขนาดของมันนั้นกว้างเพียงพอสำหรับทำการฝึกภาคพื้นดิน

อาร์บาเลสกลับมาเป็นสีขาวตามเดิม สีเทาเข้มถูกลบออกไประหว่างการต่อสู้ในเรือเมื่อเดือนสิงหาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคที่ได้เห็นบอกว่า"เป็นข้อพิสูจน์ว่า มันถูกขับเคลื่อนโดยแลมด้าไดรเวอร์" ดูเหมือนว่าสีที่จางไปนั้น จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสนามพลังลึกลับของแลมด้าไดรเวอร์ ซึ่งทำให้สีนั้นไม่อาจยึดติดกับเกราะของอาร์บาเลสได้

โซสึเกะเช็คระบบ เช่นเดียวกับที่ทำใน M9
เครื่องกำเนิดพลัง-ปกติ
ระบบควบคุม-ปกติ
ระบบขับเคลื่อน-ปกติ
เซ็นเซอร์ ระบบขับดัน ระบบรับแรงกระแทก ระบบหล่อเย็น FCS ระบบเตือนภัย ทุกอย่างปกติ

เขามีอาวุธเพียงชิ้นเดียว คือ มีดฝึก ซึ่งเก็บไว้ในช่องเก็บทางด้านซ้าย

ลิฟท์มาถึงชั้นพื้นดิน เขาอยู่ในกรงสูง 12 เมตร ที่ถูกพรางตาไว้ด้วยใบไม้ โซสึเกะเคลื่อนหุ่นออกจากกรงลงไปบนพื้นแฉะ

สวบๆ เสียงย่ำเท้าหนักๆลงบนโคลน สะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ

ท้องฟ้าสีแดงฉานของยามเย็นในซีกโลกใกล้เขตร้อน นกประจำถิ่นบินหนีอย่างตื่นตระหนกจากการปรากฎตัวของยักษ์ใหญ่ขนาดสูง 8 เมตร ทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นว่างเปล่า

โซสึเกะเปิดสวิตซ์ระบบสั่งการด้วยเสียงแล้วพูด

"อัล"

"ครับผม สิบโท" สมองกลของหุ่น"อัล"ตอบทันที

"ฉันอยากจะรู้อุณหภูมิกับระดับความชื้นของพื้นที่โดยรอบ"

"อุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 83 % ครับผม"

"แล้วค่าความสมดุลย์กล้ามเนื้อล่ะ"

"ตรวจสอบแล้ว 99 ระดับสูงสุดครับผม"

มันเป็นเสียงห้าวลึกไร้อารมณ์ของผู้ชาย โซสึเกะสามารถเปลี่ยนเสียงของระบบนี้ได้ แต่เขาก็ปล่อยมันเอาไว้เหมือนกับที่มันถูกตั้งค่าไว้แต่แรก แต่สำหรับครูซแล้ว สมองกลในเครื่องของเขาใช้เสียงที่จำลองมาจากเสียงของนักร้องญี่ปุ่นคนโปรด

(ครูซ...)

โซสึเกะฝากให้ผู้ดูแลบาร์คอยดูแลครูซในขณะที่เขามาที่นี้ เขาจะเป็นอะไรรึเปล่านะ? ท่าที่ร้อยโทคนนั้นจัดการกับเขาเป็นท่าที่ใช้ฝ่ามือใช่ไหม? ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะสามารถทำให้คนอย่างครูซสลบด้วยท่าง่ายๆแบบนั้น มันไม่เหมือนท่าหมัดธรรมดา บางทีนั่นอาจจะเป็นวิธีการต่อสู้ด้วยมือเปล่าอย่างใดอย่างหนึ่ง

ลิฟท์ซึ่งกลับลงไปข้างล่าง ได้กลับขึ้นมาอีกครั้ง ร้อยโทคนนั้นคงจะมี M9 อยู่ที่โรงเก็บอื่น ใช่แล้ว ร้อยโทผิวดำคนนั้นคงจะขับAS ออกมา แล้วการต่อสู้ระหว่าง AS ก็กำลังจะเริ่มขึ้น โดยมีเงื่อนไขว่าจะถอนคำพูดต่อว่าร้อยเอกแม็คอัลเลนในบาร์

(ถ้านายกลัวที่จะเอาหุ่นออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จะให้ฉันสั่งเอาไหม?)

เมื่อเขาพูดอย่างนั้น โซสึเกะก็ไม่ลังเลอีกต่อไป

ผมไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นใครหรือต้องการอะไร แต่ผมจะทำให้คุณเห็นเอง ถ้าคิดว่าผมเป็นพวกมือใหม่แล้วล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะ ผมขับ AS มาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เมื่อตอนที่อยู่กับกองโจรอาฟกัน พวกเราเคยขโมย RK-89 จากกองทัพโซเวียตมาแล้ว แฮมโดร่ากับผมแต่งเครื่องมัน จนแม้แต่เด็กอย่างพวกเราก็ขับได้ แล้วเราก็ล้ม AS รุ่นหลังๆอย่าง RK-92 มานักต่อนักแล้วโดยไม่ต้องมีใครต่อให้

เจ็ดปีมาแล้วที่เขาผ่านการต่อสู้ในสนามรบมาอย่างโชกโชน ได้ขับทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงนี้ อาวุธอย่าง AS กลายเป็นร่างที่สองของเขา

(ผมจะทำให้คุณเสียใจแน่ๆ...)

โซสึเกะคิดอยู่ในใจ

หลายต่อหลายสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้เขารู้สึกโกรธ

ไม่นานนักลิฟท์นั้นเลื่อนขึ้นมา

"ขอบใจที่รอ" เสียงของร้อยโทดังผ่านลำโพงภายนอกเครื่อง

เขาเดินออกมาจากกรง ตาของโซสึเกะเบิกกว้างเมื่อได้เห็น AS ที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาหวนระลึกถึงค่ำคืนเมื่อไม่นานมานี้ มันคือ M9 สีดำตัวนั้น

มันมีเกราะเสริมมากขึ้นที่แขนท่อนบนและขา บนหัวของมันมีแสงเลเซอร์สองจุดฉายออกมาจากตา ดูคล้ายกับอาร์บาเลสมาก แต่มันไม่มีช่องเสียบมีดอยู่ตรงปาก

M9 สีดำ

ไม่ผิดแน่ๆ ตัวเดียวกับที่พบในปฎิบัติการณ์ที่ซิซิลี

"ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองสินะ ฉันชื่อ ร้อยโท เบลฟานกัน ครูโซ ย้ายมาจากกองเรือเมดิเตอเรเนี่ยน พาลโฮรอน จะมาประจำการที่หน่วย SRT ของทัวฮา เดอ ดานัง วันนี้ และชื่อรหัสของฉันคือ Urzu1"

Urzu 1 นั่นหมายความว่า เขาถูกตั้งขึ้นมาแทนตำแหน่งของร้อยเอก แม็คอัลเลน ที่ถูกจำหน่ายออก ตั้งแต่เหตุการณ์นั้น

"สิบโท ซางาระ โซสึเกะ ฉันได้ยินเรื่องของนายจากพันตรีคาลินินมาแล้ว แต่ดูท่าทางนายไม่เหมือนสุดยอดนักบิน AS อย่างที่เขาเคยยกย่องเลยนี่ ลองแสดงให้ดูหน่อยสิ ว่านายทำอะไรได้บ้าง?"

M9 สีดำปลดฝาครอบอาวุธด้านซ้ายออกแล้วชักมีดฝึกออกมา
...........................

20 ตุลาคม 18.43 น.(เวลาท้องถิ่นญี่ปุ่น)
โชฟุฉี โตเกียว ญี่ปุ่น
ย่านการค้าเซ็นงาวะ

สุดท้ายแล้ว โซสึเกะก็ไม่มาโรงเรียน เขาเคยทำแบบนี้มาแล้วเมื่อตอนสอบ โรงเรียนก็เลยเงียบมากเมื่อเขาไม่อยู่ ถึงเขาจะไม่ได้เดินแบกอาวุธไปรอบโรงเรียนตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อก่อจลาจล แต่ก็มีอย่างน้อยสักครั้งในวันหรือสองวันอย่างคาดเดาสาเหตุไม่ได้ เขาเป็นตัวการในพฤติกรรมงี่เง่า ที่ก่อแต่เรื่องยุ่งยากและน่าขายหน้าให้กับทุกคนรอบกาย

และนั่นเอง เวลาที่เขาไม่อยู่ โรงเรียนถึงได้เงียบนัก

นั่นคือสิ่งที่นักเรียนคนอื่นและคานาเมะคิด สำหรับเธอแล้ว แค่คุยเล่นกับเพื่อนร่วมห้อง ส่งเสียงลั่นและหัวเราะเสียงดังนั้นยังไม่พอ

"สงสัยว่าฉันคงจะติดโรคหมอนั่นมาซะแล้วสิ"คานาเมะพึมพำ เธอกับเคียวโกะกำลังเดินกลับบ้าน แถวนั้นเริ่มมืดแล้ว

เคียวโกะหัวเราะก๊าก

"ขำอะไร?"

"ก็...คานะจังพูดเหมือนกับว่าเขาเป็นโรคประหลาดหรืออะไรทำนองนั้นเลยน่ะสิ"

"หา?" คานาเมะไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร และมองหน้าเคียวโกะอย่างงงๆ"

"ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่านะ คานะจังแปลกไปจริงๆนะเนี่ย"

"จริงรึ?"

"ใช่แล้ว จะว่าไงดีล่ะ มันบอกไม่ถูกว่าเธอดูเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กดี เห็นทีแรก คานะจังเหมือนจะเข้ามหา'ลัยแล้ว แต่บางทีก็เหมือนกับอยู่ชั้นประถมอยู่เลย"

"หืมมม"

คานาเมะเริ่มระลึกถึงสิ่งที่เพื่อนรักพูด สำหรับเคียวโกะแล้ว เธอกลับรู้สึกว่าเคียวโกะนั้นตรงกันข้ามกับตัวเอง เธอดูเหมือนเด็ก แต่บางครั้งเธอก็พูดอะไรเหมือนผู้ใหญ่อย่างที่เด็กม.ปลายพูดกัน

และนั่นเป็นสาเหตุที่คานาเมะชอบเคียวโกะมาก

โทคิวะ เคียวโกะ เมื่อเปรียบเทียบกับคานาเมะแล้ว เธอตัวเล็กกว่ามาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเธอนั้นจะเข้ากันไม่ได้ ในส่วนของบุคลิก คานาเมะนั้นใจแข็ง ส่วนเคียวโกะนั้นใจอ่อน และความโดดเด่นของเคียวโกะก็เทียบกับคานาเมะไม่ได้เลย เมื่อมาเดินอยู่ข้างกันแบบนี้แล้ว ทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะยืนอยู่กันคนละขั้ว

แต่เมื่อคานาเมะมองเคียวโกะ เธอมักจะคิดเสมอว่า"เคียวโกะดีกว่าฉัน" เธอรู้สึกแบบนั้นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย บางครั้งเธอยังคิดกับตัวเองว่า"ทำไมเคียวโกะถึงยังยิ้มให้ฉันทั้งที่ฉันมันง ี่เง่า แล้วยังมาอยู่ใกล้ๆด้วย?"

ตั้งแต่เธอได้ยินเรื่องต่างๆอย่าง"การคุ้มกันโดยหน่วยข่าวกรอง"จากเทซซ่าและ โซสึเกะ คานาเมะคิดหลายต่อหลายครั้งว่า"คงไม่ใช่เคียวโกะหรอกนะ?" อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอคิดพิจารณาจริงๆแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลย เธอเคยไปบ้านเคียวโกะและได้พบกับพ่อแม่พี่น้องของเธอหลายครั้งแล้วด้วย

"คานะจัง?"

"หือ?"

"นี่ คิดถึงซางาระคุงอีกแล้วล่ะสิ?"

"ปะ...เปล่าซะหน่อย โธ่เอ๊ย" เธอพูดพร้อมกับแสร้งหัวเราะ ทันใดนั้นเธอก็เห็นแสงสะท้อนตรงหางตา

"?"

ทั้งสองคนเดินผ่านย่านศูนย์การค้าหน้าสถานีรถไฟเซ็นงาวะ มันเป็นถนนที่ไม่ค่อยจะมีรถผ่าน เสียงฝูงคนจำนวนมากและเสียงตะโกนของพ่อค้าดังสะท้อนไปทั่วถนน คานาเมะเห็นแสงนั้นมาจากบนหลังคาของอาคารจำหน่ายสินค้าของทางสถานี

อะไรน่ะ แสงสะท้อนจากเลนส์รึ?

เนื่องจากช่วงนั้นเป็นเวลากลางคืนแล้ว บนหลังคานั้นจึงมืด เพราะเหตุนั้น แม้ว่ามันจะอยู่ไกลแต่คานาเมะก็ยังมองเห็นมันได้ แสงนั้นค่อยๆจางหายไปจากหลังคา แต่เธอก็ยังทันเห็นเงาคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

แม้เพียงแว๊บเดียว แต่คานาเมะก็มองเห็นเสี้ยวหน้าของเขา เธอรู้สึกเหมือนจะได้สบตากับเขาด้วย ผู้ชายผมสั้น ตาเรียวบางจนแทบจะปิด หน้าตาไม่เหมือนคนทั่วไป ทำให้เธอนึกถึงมือมีดที่พบในเรือดำน้ำเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว

คานาเมะคิดว่าเขายิ้มให้เธอ แล้วเขาก็หายไป

เธอหยุดยืน มองไปยังจุดนั้น แต่ก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆอีก

"มีอะไรเหรอ คานะจัง?"

"หือ?...อ้อ...เปล่า..." คานาเมะตอบ แต่ตายังมองไปบนหลังคา

"ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ"

"...?"

คานาเมะเริ่มเดินอีกครั้ง

(นั่นมันอะไรน่ะ?)

เธอรู้สึกไม่สบายใจ เธอไม่แน่ใจว่าจะบรรยายออกมายังไงดี รู้แต่เพียงว่า มีบางอย่างผิดปกติ ไม่ใช่ความรู้สึกว่าเธอถูกทำร้าย แต่รู้สึกเหมือนกำลังคลื่นไส้

ใช่ คลื่นไส้

เธอรู้สึกแบบนั้น เพราะสิ่งที่เธอกลัวอยู่ลึกๆกำลังจะเกิดขึ้นจริง เธอคิดอยู่เสมอว่า "สักวันหนึ่งมันต้องเกิดขึ้น" และตอนนี้เองที่เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของยมทูตที่ไม่พูดไม่จาเดินมาที่ประตูห น้าบ้าน เพียงแค่เห็นแสงสีขาวบนหลังคา คานาเมะก็ระลึกขึ้นมาได้

ท่าเรือกลางมหาสมุทรสีน้ำเงินเมื่อปลายเดือนมิถุนายน

ในเรือดำน้ำเมื่อปลายเดือนสิงหาคม

ความรู้สึกที่เธอเผชิญในสถานที่เหล่านั้นรื้อฟื้นขึ้นมาในใจ

มันแปลก แย่มาก เธอรู้สึกไม่ดีเอามากๆ ไม่ มันต้องไม่ใช่แบบนั้น เธอกำลังกลัว

"คานะจัง?"

คานาเมะไม่สนใจเคียวโกะ เธอดึงเอาโทรศัพท์ PHS ออกมาจากกระเป๋าแล้วกดตัวเลขที่เธอใช้ประจำ

(ซางาระ โซสึเกะ)

ชื่อของเขาปรากฎบนจอแอลซีดีของโทรศัพท์

ไม่เป็นไร มันจะต้องเรียบร้อยแน่ๆ ถึงจะเป็นโทรศัพท์ของเคียวโกะ แต่เมื่อเขารับสาย เขาก็จะบอกว่า"ไม่มีปัญหา"

(โซสึเกะ..)

บ้าจริง ทำไมฉันถึงต้องโกรธด้วยนะ ทำไมถึงหงุดหงิดที่โทรไม่ติด

(โซสึเกะ...!?)

มีเสียงรับโทรศัพท์

"ฮัลโหล? โซ.."

"ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ หรือยังไม่เปิดให้บริการ โปรดตรวจสอบเลขหมายแล้วติดต่อใหม่อีกครั้ง ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ หรือยังไม่เปิดให้บริการ โปรดตรวจสอบเลขหมายแล้วติดต่อใหม่อีกครั้ง ขออภัย...."

เสียงตอบรับนั้นเย็นชาและไร้ความรู้สึก

Full Metal Panic!
The End of Day by Day
บทที่ 3 Black and White (จบส่วนที่ 3)

(จบ The End of Day by Day เล่ม 1)


Create Date : 08 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2551 23:18:46 น. 1 comments
Counter : 1484 Pageviews.

 
ผมชอบเรื่องนี้มากเช่นกัน ชอบความซื้อบื้อของโซซุเกะมันน่ารักดีน่ะครับ อย่างให้ทำอนิเมชั่นตอนต่อออกมาเร็วๆจังครับ


โดย: Peach (Kiratipal ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:54:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คนรักมิวฟิล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add คนรักมิวฟิล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.