Day 14 : ลาก่อนเยอรมนี - Last Day in Germany and Europe (Berlin)
Day 14 (1 April 2009)

ลาก่อนเยอรมนี - Last Day in Germany and Europe

Berlin, Germany
On the Qatar Airways Flight QR58
Doha, Qatar
On the Qatar Airways Flight QR612
Bangkok, Thailand (Arrive at 2 April)

* เป็นเรื่องส่วนตัวปะปนมามาก ฉบับสาระจะรีวิวไว้อีกทีในห้อง blueplanet
** อาจมีภาพ เสียง และเนื้อหาไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีควรได้รับคำแนะนำ
*** จากกรณีที่ภาพหาย ก็เลยเปลี่ยนเป็นลิ้งค์มาจาก multiply แทน ไม่มีจำักัดอีกแล้ว


ศัพท์ที่ควรทราบ

Hauptbahnhof(Hbf) = สถานีหลักของเมือง เปรียบเทียบได้กับหัวลำโพงบ้านเรา
S-Bahn (Stadtschnellbahn) = รถไฟฟ้าบนดิน แต่บางครั้งก็มุดลงใต้ดินบ้าง ตามแต่ภูมิประเทศจะเอื้ออำนวย
U-Bahn (Untergrundbahn) = รถไฟฟ้าใต้ดิน จำง่ายๆ U ย่อมาจาก Underground
Tram = รถราง
RB = Regional-Bahn เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใกล้ๆ
RE = Regional-Express เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใกล้ๆ จอดสถานีน้อยกว่า RB
IC = InterCity คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง ความเร็วจะอยู่ประมาณ 200 km/h
EC = EuroCity คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง เหมือน IC เลย แต่วิ่งไปทางยุโรปตะวันออกเลยเป็นอีกชื่อนึงคือ IC ตัวรถไฟจะแตกต่างกันเล็กน้อย
ICE = InterCity-Express คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองความเร็วสูง ความเร็วจะสูงกว่า IC ถ้าเส้นจาก Mannheim ไป Cologne เค้าว่าทำความเร็วสูงสุดถึง 300 km/h เลยทีเดียว
WC (ย่อมาจาก Water Closet) = ห้องน้ำ
Fahrkarten = ตู้ขายตั๋วของ DB ใช้กดดูเที่ยวรถไฟก็ได้ บางทีอาจเรียกว่าตู้กดดูเที่ยวรถไฟ
Flughafen = สนามบิน
พี่ปื๊ด = คนดำ (เรียกนิโกรเป็นการเหยียดสีผิวเกินไป อีกทั้งขืนหลุดปากคำว่านิโกรออกมาตอนอยู่ใกล้ๆพวกคนดำ คงโดนตื้บแน่)
เอาตั๋วไปแต๊ก = เอาตั๋วไป validate ที่เครื่อง entwerten


วันนี้ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า เพื่อเตรียมตัวไปสนามบิน เมื่อคืนคุณปู่บอกให้ขึ้นไปกินอาหารได้ตั้งแต่ 7:30 (ปกติขึ้นไปได้ 8:00) ก็ขึ้นไป เจอคนฟิลิปปินส์ทักมา บอกว่าทำงานอยู่ Embassy

พอกินเสร็จก็ลงไปเอากระเป๋า คืนกุญแจปู่ อำลาคุณปู่ ให้ postcard สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยปู่ ถ่ายรูปกับปู่ด้วย

คุณปู่ถามว่าไปขึ้นเครื่องบินที่ไหน Frankfurt หรือว่า Tegel เราก็บอก Tegel ปู่ก็บอกเดินทางดีๆนะ เดี๋ยวจะส่งเมลล์ให้ไปรีวิวที่ hostelworld ด้วย รีวิวดีๆนะ ขอคะแนนเต็มทุกช่องเลย ฮ่าฮ่า

จากไปแล้วคงคิดถึงคุณปู่กุนเธอร์ ถ้าได้กลับไปเบอร์ลินอีก คงเอาของฝากจากไทยติดไม้ติดมือไปเยี่ยมแกซะหน่อย








เสร็จแล้วก็ลากกระเป๋าไป S-Bahn ไปลง Zoologischer Garten แล้วต่อรถบัสสาย 109 เพื่อไป Tegel Airport (Flughafen Tegel)





ไปถึงสนามบินต้องเอา Refund Cheque ไปให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร (Zoll) พร้อมพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบิน แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะปั๊มใน Cheque แล้วเราก็เอา Cheque ไปขึ้นเงินตรงเคาน์เตอร์ใกล้ๆได้ ได้มา 22 ยูโรจากเสื้อกันหนาวเมื่อวาน

เสร็จแล้วก็หาเคานเตอร์เช็คอิน แต่ยังไม่เปิดเลยเดินดูของในมินิมาร์ทซะหน่อย แต่สนามบิน Tegel นี่แคบมาก ไม่มีไรทำก็เลยไปรอจนเคาน์เตอร์เช็คอินเปิด เช็คอินเสร็จ ข้างๆเคาน์เตอร์เช็คอินก็เป็นด่าน Immigration เลย ใกล้มาก

พอผ่าน Immigration อีกไม่เกิน 10 ก้าวก็เป็นด่าน Security ลืมถอดเข็มขัด ผ่านเครื่องจับโลหะเลยงานเข้าเลย โดนตรวจหมดทั้งตัว เจ้าหน้าที่ให้ปลดกระดุมและก็รูดซิบกางเกงลงด้วย เวอร์ไปหน่อยมั๊ยเนี่ย พอตรวจเสร็จไม่มีอาวุธอันตรายเค้าก็ Thank you

ส่วนกระเป๋าที่สแกนผ่านเข้าเครื่องสายพานก็งานเข้าอีกเช่นกัน ลืมเอาลูกแก้วของฝากที่เป็นรูป Berlin ข้างในเป็นน้ำ กับวาสลีนออก เครื่องเอ็กซเรย์สายพานก็เลยตรวจจับของเหลวได้ โดนค้นกระเป๋า รื้อของออกมาหมดเลย วาสลีนโดนทิ้ง ส่วนลูกแก้วใส่น้ำรูป Berlin นั้นรอดตัวไป

ส่วนถุงของฝากก็เช่นกัน โดนค้นหมดเลย แต่ก็ไม่พบวัตถุอันตราย แต่เสียเวลาใส่ของเข้าไปใหม่มากๆ แต่ไม่เป็นไร เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม

ส่วนจั้มโดนเจ้าหน้าที่ศุลกากร (Zoll) สอบสวน ถามว่าที่ห้อยคออยู่คืออะไร จั้มบอก Camera แล้วก็โดนถามว่ามีตังเท่าไหร่ โดนขอดูเงินด้วย เล่นเอาจั้มงิดไปเลย สงสัยคิดว่าเป็นสปายของโซเวียตหลงมาจากยุคสงครามเย็นมั้ง

(กล้องของจั้ม ยี่ห้อ Lubitel เป็นกล้องออกแนวกล้องโลโม่อะ ลองไปถามพวกเล่นกล้องดูน่าจะรู้ เป็นกล้องที่สายลับของโซเวียตใช้ตอนสงครามเย็นด้วยนะ)

ถัดจาก security อีก 10 ก้าว ก็เป็น gate แล้ว มีที่นั่งรอขึ้นเครื่อง เครื่องดื่มที่ขายใน gate ราคา 3 ยูโรอัพ ซื้อไม่ลงจริงๆ

นั่งๆรอไปเรื่อยๆ ไฟลท์นี้มีคนอินเดียมาขึ้นเยอะด้วย เพราะว่าสายการบินนี้มีบินไปลงอินเดียเหมือนกัน

นั่งๆอยู่ ตรงด่าน security เจอผู้ชายอินเดียคนนึงโดนตรวจจับของเหลวเหมือนกัน คือกระป๋องสเปรย์ดับกลิ่นตัว Axe

เอ๋เลยพูดว่า "เฮ้ย นั่นของสำคัญเลยนะ อย่ายึดไปนะ ถ้ายึดไปผู้โดยสารคนอื่นเดือดร้อนแน่ !!"

พวกเราทุกคนเลยฮากันมาก

ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้วก็ขึ้นเครื่องไป ไฟลท์ QR58 เครื่องเล็กนิดเดียว ไม่มี PTV แต่ก็โอเค





ไฟลท์นี้แอร์น่ารักดี มีคนนึงเดินมาเผลอสบตาไป เค้าแต่งหน้าซะขาวเลย ตกใจหมดเลย ตกใจมากๆ แต่ตอนหลังก็รู้สึกเค้าน่ารักดี เลยแอบส่งยิ้มให้ไป ตอนหลังเห็นเค้าหน้าบึ้งๆ เลยไม่กล้ายิ้มให้เค้ามาก ฮ่าฮ่า

ลงชื่อแอร์ในนี้จะผิดกฎหมายไหมเนี่ย ชื่อ Kristine ถ้าผิดรีบบอกเลยนะจะได้เอาออก

อาหารมาอย่างไม่บันยะบันยัง สั่งอาหารในเมนูมาเป็น Spanish vegetable and saffron paella with herbed shrimps กินแล้วก็อร่อยดี

นอกจากนี้ในถาดยังมี ไก่ ผัก เค้ก แคร็กเกอร์ ช็อกโกแล็ต ขนมปังกับเนย ชีส น้ำเปล่า ทั้งหมดที่กล่าวมา ซัดเกลี้ยงเลย เลยอิ่มมาก กินเสร็จก็หลับเลย

ตื่นมาก็มีเสิร์ฟแซนด์วิชอีกละ แซนด์วิชไก่ อร่อยอีกเช่นเคย กินน้ำ กินเสร็จก็นั่งรอจนถึงที่หมาย

ตอนนี้นั่งเครียดอยู่ว่าลูกแก้วเบอร์ลินจะผ่านด่านตรวจ security ที่ Doha รึเปล่า

พอถึงสนามบินโดฮาก็ตรวจ security เหมือนเดิม แล้วลูกแก้วเบอร์ลินก็รอดตาย ได้กลับประเทศไทยแล้ว เดินเล่น duty free ไปพลางๆ แต่แคบมาก ไม่ค่อยมีของให้เลือกเยอะเท่าไหร่

เลยไปที่เกทเลย เดินเข้าเกท หันหลังไปทำไมเพื่อนไม่มา ปรากฎว่าพวกที่เหลือเจอแพรว เพื่อนที่เรียนคณะเดียวกัน เลยคุยอยู่ซักพัก พอคุยกับแพรวเสร็จก็เดินเข้า gate มา

ขึ้นเครื่องบิน เจอแอร์น่ารักอีกแล้ว คนนึงชื่อไรจำไม่ได้ แต่ชื่อสไตล์ฝรั่งแบบน่ารักๆเหมือนกัน อีกคนชื่อ Lilibeth มีชื่อฝรั่งแบบประมาณนี้น่าจะเป็นคนจีนหรือคนฮ่องกงหรือเปล่า เหมือนเดิมนะถ้าลงชื่อแล้วผิดกฎหมายก็บอกได้จะรีบเอาออก

ถึงมื้ออาหารแล้วก็กินกันเลย คราวนี้เลือกกินมัสมั่นเนื้อ แต่ไม่ค่อยอร่อยเลย กลับไปกินที่ไทยดีกว่า

กินข้าวอยู่ดีๆก็เกิด turbulence (เรียกเป็นภาษาไทยว่าตกหลุมอากาศหรือเปล่าหว่า ?) น้ำในแก้วกระฉอกออกมาเลย รู้สึกปวดหัว คลื่นไส้ขึ้นมาทันที ในมือเตรียมหยิบถุงอ้วกออกมาแล้ว แต่ไม่ได้ใช้หรอก

ตอนเค้าเสริ์ฟแซนด์วิชมาต้องแกล้งหลับ เพราะปวดหัว กินไม่ลง และก็ไม่อยากพูดอะไรกับใครด้วย แค่ได้กลิ่นก็ไม่ไหวแล้ว อยากให้ถึงเร็วๆ ไม่ไหวแล้ว ทรมานเหลือเกิน

ก่อนลงจากเครื่องบินคุยกับคนที่นั่งข้างๆ เป็นคนเยอรมัน มาประเทศไทยเพื่อมางานแต่งงานเพื่อนคนไทยที่เคยเรียนมหาลัยกับเค้าที่เยอรมัน พอเครื่องจอดก็ลง ไป immigration

อยู่ดีๆก็มีฝรั่งคนนึงแทรกมา เป็นคุณลุงแก่ๆละ บอกว่าทำ passport หาย ตม.เลยบอกให้เราช่วยคุยกับลุงให้หน่อย เราก็บอกไปว่า wait a minute. the immigration officer will talk to you later.

แล้วเจ้าหน้าที่ ตม.ก็พูดออกแนวสำเนียงตลกๆหน่อยว่า "ไปทำอีท่าไหนล่ะลู๊งงง พาสปตหาย" ซักพักเค้าก็หาพาสปอร์ตเจอ ซ่อนอยู่ที่พุง เป็น passport จอร์แดน สงสัยว่าประเทศจอร์แดนมีฝรั่งอยู่ด้วยเหรอ

พอผ่าน ตม.แล้วก็ออกมารับกระเป๋า เห็นแอร์ไฟลท์เมื่อกี๊ตรงสายพานรับกระเป๋าด้วย อยู่ริมกำแพง พอเรารับกระเป๋าเสร็จก็เดินผ่าน custom ช่อง nothing to declare แต่โดนเจ้าหน้าที่เรียก

คำแรกที่เจ้าหน้าพูดคือ "ไปไหนมา"

เราก็บอกว่า "ไปเยอรมันมาครับ"

เจ้าหน้าที่ "ไปกี่วัน นี่อะไร"

เราก็บอกว่า "กระเป๋าเดินทางครับ"

เจ้าหน้าที่ "ซื้ออะไรมา ?" (คิดในใจ โห มึงสรุปแล้วเหรอว่ากุซื้อของจากต่างประเทศมาขายแบบหนีภาษี)

เราก็บอกว่า "จะตรวจมั๊ยล่ะครับ ?"

คิดในใจ อยากเปิดกระเป๋าให้มึงได้สัมผัสกับกลิ่นเสื้อผ้าใส่แล้ว ถุงเท้าเน่าๆจังเลยว่ะ

เจ้าหน้าที่ "งั้นเอกซ์เรย์หน่อยละกัน"

แล้วก็เรียกเราไปที่จอ แล้วก็ชี้ที่อะไรแปลกประหลาดในจอ ซึ่งเราจำได้ว่าวางไรไว้ เค้าก็ถามว่าอะไร เราก็บอกว่า แก้วเบียร์ครับ

เค้าก็ถามว่า กินเบียร์เหรอ เราก็บอกว่าเปล่าครับ ซื้อมาฝากพ่อ เสร็จแล้วก็เดินออกไป น้ำเสียงนี่เรียบมาก ดูง่วงๆอย่างกะพึ่งโดนขุดออกมาจากที่นอน ให้อภัยได้ เพราะตอนนั้นยังเช้าอยู่ ประมาณ 7 โมง

ผมคิดว่าไม่ว่าผมจะอายุน้อยแค่ไหน การเรียกตรวจก็ควรจะมีมารยาทมากกว่านี้

เอาล่ะ ปวดหัวอยู่เลยอารมณ์เสียสินะ ออกไปดีกว่า ออกไปข้างนอก แท็กซี่สนามบินก็ตะโกนเรียกเลย "น้อง ไปไหน ?"

เราก็บอก มีคนมารับครับ

แล้วพ่อก็มา ขึ้นรถพ่อไป

ขอจบทริปนี้ไว้ ณ เท่านี้ละกัน รู้สึกใจหายจริงๆ การเดินทางได้จบลงแล้ว ลาก่อน พบกันใหม่ทริปหน้า

จบทริปนี้ไปแล้วคงคิดถึง

- ประเทศเยอรมัน
- Henesey สจ๊วตที่เจอบนไฟลท์ QR613
- แอร์สาวน่ารักๆบนเครื่องบิน ฮ่าฮ่า
- คน Deutsch ทุกคนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือเรา
- เบียร์
- สาวญี่ปุ่นที่เจอที่โรงแรมในมิวนิค
- สาวจีนที่นอยชวานสไตน์ที่พักที่เดียวกับจั้ม
- พ่อของโซเฟีย และก็โซเฟีย
- เด็กน้อยที่ไปโรงเรียนเองที่ Heidelberg
- พนักงาน hostel ที่บรัสเซลล์ ฮาดี
- สาว Kazakhstan ที่มาคุยกับป้อ
- บรรยากาศแห่งฟุตบอลยุโรปอันอบอุ่น
- ไอ้ผู้ชาย British ที่กวนตีนๆที่ Red Light District ที่เอาแบงค์ไปสะบัดหน้าตู้กระจกแล้วพูดว่า Hey !! Look !! I've got only 10 euro !!
- ไอ้มวยไทยที่เล่นกลไพ่ให้ดู
- คุณปู่กุนเธอร์
- สาว Norway รวมทั้งกลุ่มชาว Norway ที่พักที่เดียวกัน

The End



สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้

ค่าตั๋วเที่ยวเดียว Zone AB 2.10 ยูโร

รวม 2.10 ยูโร


ของฝาก

ไม่มี

Next : สรุป : ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริปนี้

Prev : Day 13 : สถิติมีไว้ทำลาย



Create Date : 17 เมษายน 2552
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2562 9:26:09 น.
Counter : 190 Pageviews.

2 comments
  
เราก้อเกือบดดนค้นกาเป๋าอะ สงสัยดูของเยอะ ฮ่าๆ อุดมไปด้วยขนม ขนม และขนม
โดย: "TA" IP: 125.24.44.169 วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:20:12:29 น.
  
ผมคิดว่าไม่ว่าผมจะอายุน้อยแค่ไหน การเรียกตรวจก็ควรจะมีมารยาทมากกว่านี้

ถูกต้องที่สุดเลย ไม่ว่าจะเป็นใคร...การเรียกตรวจควรสุภาพและมีมารยาท
โดย: t_karnya วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:43:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mickeytae
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



เมษายน 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
15
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog