Day 1 : จุดเริ่มต้นของการเดินทาง (Munich)
วันแรกของการเดินทาง

Day 1 (19 March 2009)

Bangkok, Thailand
On the Qatar Airways flight QR613
Doha, Qatar
On the Qatar Airways flight QR3
Munich, Germany

* เป็นเรื่องส่วนตัวปะปนมามาก ฉบับสาระจะรีวิวไว้อีกทีในห้อง blueplanet
** อาจมีภาพ เสียง และเนื้อหาไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีควรได้รับคำแนะนำ
*** ขออภัยถ้าเกิดเข้ามาแล้วภาพมันไม่ขึ้น เพราะเว็บฝากไฟล์จำกัดแบนด์วิชให้เข้าได้ไม่เกิน 4 mb ต่อชั่วโมง (พึ่งรู้เมื่อกี๊นะเนี่ยมีคนทักมา)

การผจญภัยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

วันนี้นอนไม่หลับ เลยเปิดคอมอีกรอบ จองตั๋ว Anne Frank's House

รอมาจนถึงตีห้าแล้ว ไม่นอนแล้ว เลยอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จกิน Doxycycline ไปสองเม็ด สักพักเกิดปวดท้อง เลยลงไปเปิด Harrison ดู ปรากฎว่าเค้าให้กินแค่เม็ดเดียว

ซักพักก็คลื่นไส้ แล้วก็อ้วกพุ่งแบบควบคุมไม่ได้ อ้วกหกเลอะพื้นห้องไปนิดนึง เลยต้องมาตามเช็ด

เอาหนังที่ rip เปิด itune เพื่อเอาลง ipod แต่มันบอกว่าไฟล์นี้ไม่สามารถเล่นใน ipod ได้ เซ็งเลย

พอทุกอย่างเรียบร้อยก็ลากกระเป๋าขึ้นรถพ่อ แล้วก็ออกไปสุวรรณภูมิทันที

ไปถึงสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์เช็คบินของ Qatar Airways

ก็เจอเอ๋ ป้อ แล้วซักพักจ้ำก็เดินมา ก็ตกลงกันว่าไปต่อแถวเช็คอินกันเลย

ก็มีคนมายืนดูแลแถว เป็นสาวน่ารักสองคน น่าจะเป็นพนักงานของสนามบินนะเพราะไม่ได้แต่งชุดอะไรที่บ่งบอกว่ามาจากสายการบิน เสียดายที่แม่อยู่ด้วย เลยต้องทำตัวสงบเสงี่ยม พูดน้อย

พอต่อแถวไปซักพัก ก็พึ่งนึกได้ว่านิกยังไม่มานี่หว่า แต่ก็ต่อแถวแล้ว แล้วก็ของเยอะด้วย รอนิกมาแล้วค่อยแทรกเข้าไปทีหลังละกัน พอนิกมาก็เป็นไปตามนั้น เข้ามาแทรก

ยืนสักพักก็มีพนักงานมาแจกแบบสอบถาม พอส่งแบบสอบถามก็ได้เข็มกลัดที่เป็นโลโก้ของ Qatar Airways มา

แต่เราไม่ได้นะ เพราะยื่นแบบสอบถามให้เอ๋ทำ แล้วตอนหลังมันเหลือแบบสอบถามแค่ 3 แผ่น ก็งงเหมือนกัน แต่ช่างมัน

พอเข้าไปเช็คอิน ก็เจอพนักงานแต่งชุดของ Qatar Airways ดูเท่ดี จัดการเลือกที่นั่งให้เรียบร้อย เช็ค Through ไปมิวนิคเลย

น้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน แต่ก็เฉียดๆ ชั่งได้ 16 กิโล ได้บอร์ดดิ้งพาสมาสองใบ ก็เก็บไว้ แล้วก็บอกว่าเครื่องบินออกเร็วกว่ากำหนดการครึ่งชั่วโมง

ตอนแรกออก 8.50 เลื่อนเป็น 8.20 แล้วต้องไปถึง gate ก่อน 20 นาที ดังนั้นต้องไปถึง 8.00 น.

พอเช็คอินเสร็จก็ไปซื้อแซนด์วิชกินที่ Family mart พนักงานที่ขายเราหน้าเหมือนพี่ซ้งเลยว่ะ แต่พี่ซ้งหน้ากวนตีนกว่านิดนึง

ในร้านมีแขกคนนึงตัวเหม็นมาก ภาวนาว่าอย่าอยู่ไฟลท์เดียวกันเลยนะ ไม่งั้นกุตายแน่

พอผ่านเข้าแถว ตม. ก็ปรากฎว่าแถวยาวมาก ป้อเจอเพื่อนป้อด้วย โดนถามอีกแล้ว ทำไมไม่ไป Paris

คำถามพวกนี้น่าเบื่อมาก หลังจากที่คิดว่าจะมาเที่ยว ตั้งแต่มีคนรู้ว่าเราจะมาเยอรมัน ได้ยินบ่อยมาก

ทำไมไม่ไป Prague ?
ทำไมไม่ไป Paris ?
ทำไมไม่ไป Swiss ด้วยล่ะ
Italy ก็ที่เที่ยวเยอะนะทำไมไม่ไปด้วยล่ะ ?

เดินทาง 14 วัน เวลาก็ไม่พอ ว่าแต่ กุก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมไม่ควรไป Germany ล่ะ ?

ชีวิตนี้มีสิทธิ์เดินทางไปยุโรปได้เพียงครั้งเดียวหรือ ? ถึงต้องไปเที่ยวเมืองดังๆให้ได้ทั้งหมด

เอาล่ะ จะออกจากประเทศไทยละ ลืมคำถามเฮงซวยข้างต้นไปให้สิ้นซาก แล้วไปตามหาสิ่งที่ใฝ่ฝันดีกว่า

สงครามโลก สงครามเย็น เบียร์ รถ ฟุตบอล และอื่นๆที่นึกไม่ออก

แต่เพื่อนที่ด้วยก็โอเคนะ อธิบายจุดยืนของเราแล้วเข้าใจดี ยอมมาเข้าร่วมการผจญภัยกับเราด้วย

พอผ่าน ตม.มาได้ก็เดินไปเรื่อยๆ พึ่งมารู้ตัวทีหลังว่าเข้าเกทผิด เพราะเดินกันแบบมึนๆ ไม่สนใจอะไร

กลับมาทางที่ถูก จะผ่านเข้า security ปรากฎว่าแถวยาวมาก

เป็นเวลา 7.50 แล้ว ก็ยังติดฝรั่งคนนึงซึ่งมีปัญหามาก มีของเป็นรถเข็นเลย

ได้ยินเสียงว่า ไฟลท์ QR613 จะออกแล้ว ป้ายบอกเที่ยวบินว่า QR613 Doha 8:20 "Final Call"

แล้วก็มีคนมาถือป้ายว่า Flight QR613 (ไฟลท์ที่เราจะไป) เรียกขึ้นเครื่องแล้ว รู้สึกจะเป็นคนน่ารักคนเดิมที่คอยมาดูแลตรงแถว counter check-in เมื่อกี๊

คราวนี้แม่ไม่อยู่แล้ว ดีใจไหม ?

ไม่ !! จะตกเครื่องแล้ว ใครจะมีอารมณ์มาดีใจอยู่ล่ะ ในใจรู้สึกกดดันมาก นอกจากกลัวตกเครื่องแล้ว คนในเครื่องคงสาปแช่งพวกเราอยู่แหงเลยที่ทำให้เครื่องออกช้า

พอ 8.05 น. ก็ผ่าน security มาได้ เหลือป้อติดอยู่ กำลังโดนตรวจเข้ม เพราะดันลืมถอดเข็มขัด เครื่องตรวจโลหะเลยร้อง

พอผ่านด่านมาได้ก็รีบวิ่งขึ้นเครื่อง ส่ง boarding pass ให้พนักงานที่ gate

พนักงาน : ขอ passport หน่อยค่ะ
เรา : (ทำท่ากำลังจะหยิบ)
พนักงาน : ไม่ต้องก็ได้ค่ะ

แล้วพวกเราทั้งห้าตัวก็รีบวิ่งไป ขึ้นเครื่องบินได้ เย่ ไม่ตกเครื่องบินแล้ว

เครื่องบินโล่งมาก มีคนน้อยมาก

คงมีตกที่นั่งเดียวกับเราเยอะ (ที่ด่าน ตม.และที่ security) เลยมาขึ้นเครื่องได้ช้า

รอประมาณสิบนาทีก็ 8.20 ตามเวลาที่ระบุไว้ใน boarding pass ว่าเครื่องจะออก

แต่เครื่องไม่ออก รอจนถึง 8.50 เครื่องจึงออก

สรุปคือ ออกเวลาเดิม

เครื่องบินไฟลท์ QR613 ที่จะขึ้นวันนี้ เป็นเครื่องบิน Boeing 777-300 A7-BAE เป็นเครื่องบินที่พึ่งซื้อมาอาทิตย์ที่แล้ว

เนื่องจากเป็นเครื่องบินใหม่ เพื่อนๆจึงตื่นเต้นกันมาก รู้สึกประทับใจมาก

เครื่องบินเมพสาด



เอาล่ะ หลังเครื่องบินออกซักพัก ก็ได้เวลาสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัว

อันนี้เป็นเกมส์ ด้านนึงเป็นรีโมท อีกด้านนึงเป็น joystick ไว้เล่นเกม



อันนี้เป็นบรรยากาศภายในเครื่องบิน



ช่องแอร์




ช่องเสียบหูฟัง, USB, รูเสียบสาย LAN เห็นจั้มบอกว่า สามารถเอา ipod มาเสียบ usb เพื่อชาร์จไฟ และก็ต่อหูฟังจากช่องเสียบหูฟังเพื่อฟังไปด้วยก็ได้ได้



จอบอกว่าถึงไหนแล้ว นานเท่าไหร่จะถึงที่หมาย ฯลฯ




หลังจากสำรวจแล้วก็เริ่มง่วง เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนด้วย ไฟรัดเข็มขัดก็ดับแล้ว เลยลุกไปฉี่

แล้วก็ขอน้ำเปล่าจะแอร์โฮสเตส แล้วก็กินยา Dimenhydrinate (ยาแก้เมายานพาหนะทั้งหลายแหล่ แต่ใช้แก้เมาเหล้าไม่ได้นะ)

ซักพักก็พลอยหลับไป

เพื่อนก็ปลุกให้มากินข้าว เลยตื่นขึ้นมากินข้าว รีบๆกิน แล้วพอเค้ามาเก็บถาดก็รีบหลับไป ไม่ได้สนใจไรมาก เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ไฟลท์หน้า (Doha - Munich) ไม่

พลาดแน่นอน ถ่ายมาให้ดูแน่

แต่เท่าที่จำได้ อาหารมี Omelette, มันฝรั่ง, ไก่ทอด, ครัวซอง, โยเกิร์ต, ขนมปังก้อน+เนย, น้ำเปล่า

หลังจากตื่นมารอบสอง คราวนี้ตื่นจริงๆ หิวน้ำ ขอน้ำได้กระดาษทิชชู่มาเช็ดปากด้วย

มีสจ๊วตคนนึง หน้าตาเหมือนเล็กที่อยู่วิดวะเลย

เมื่อไปเข้าห้องน้ำ ก็เจอสจ๊วตคนนั้น มองป้ายชื่อแล้ว ชื่อ Henesey ใกล้ๆก็มีแอร์สาวน่ารักคนนึง หมวย ตาตี่มาก อยากจะละลายตรงหน้าห้องน้ำนี้เลย

คนที่เข้าห้องน้ำก่อนหน้า เข้านาน เลยได้มีโอกาสคุยกับ Henesey คุยๆไปแล้ว Henesey ถามว่าไปเที่ยวไหนเหรอ

เราก็บอกว่าไปเยอรมัน ถามเราว่ามาจากไหนเราก็บอกมาจาก Thailand

Henesey ก็บอกมาจาก Philippines หน้าเหมือนคนไทยล่ะสิ เราก็ตอบไปว่าใช่

แล้วเราก็ถามว่า สายการบินนี้มีลูกเรือมาจากประเทศอะไรมากที่สุด Henesey ก็บอกว่ามาจากหลายๆชาติ

แล้วเราก็ถาม Henesey ว่าแอร์คนเมื่อกี๊มาจากประเทศอะไรเหรอ น่ารักดี

Henesey พูดมา แต่เราฟังไม่ชัด ไม่แน่ใจว่า ฮ่องกง รึเปล่า (ถ้าเป็น ฮ่องกงจริงๆน่าจะไปอยู่คาเธ่ย์แปซิฟิก ?)

ไม่ฮ่องกงก็จีนแหล่ะ เฮ้อ กลุ้มใจกับสติปัญญาตัวเองจริงๆ เป็นความโง่ภาษาอังกฤษของเราเอง ฮ่าฮ่า

ตอนหลังก่อนลงจากเครื่องบิน จะไปคุยกับ Henesey เจอฝรั่งท่าทางโง่ๆ คนนึงเอามือมากันไว้ แล้วก็พูดจาด้วยท่าทีและน้ำเสียงหาเรื่อง หาว่าจะไปแซงแถวเข้าห้องน้ำ

ใส่เสื้อเขียนว่า England น่าจะเป็นคนอังกฤษ

พอผ่านไอ้ฝรั่งแล้วก็เจอ Henesey แล้วก็เอานามบัตรกะโปสการ์ดที่เป็นวิวจากสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยให้ ที่ไหนจำไม่ได้ละ แล้วก็อำลาไฟลท์นี้ด้วยรอย

ยิ้มและมิตรภาพ

พอลงจากเครื่องบินก็มีรถบัสมารับ เพราะสนามบิน Doha ไม่มีทางต่อจากเกทเข้าเครื่องบินโดยตรง

พอถึงสนามบินก็ตื่นเต้นจัด ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แถวๆก่อนเข้า security เลี้ยวขวาไปก็ immigration เข้าประเทศกาตาร์

ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่สนามบินเป็นแขกหน้าโหดเดินมาบอกว่า "Camera is not allowed"

เราก็บอกว่า "oh sorry"

เค้าก็บอก "that's ok"

หลังจากผ่าน security ไปแล้วก็ไปเดินดู duty free ซึ่งเล็กมาก ไม่ค่อยมีของให้เลือกเลย และก็หิวๆด้วยเลยไปซื้อกุ้งทอด+เฟรนช์ฟราย+น้ำเปล่ากิน คนขายเป็น

แขกหน้าโหดอีกแล้ว แต่ตอนคุยสั่งอาหาร วาจาและน้ำเสียงสุภาพมาก แขกกาตาร์หน้าโหดแต่สุภาพดีแฮะ แบบนี้ค่อยดีหน่อย แขกตะวันออกกลางไม่ได้ดุเหมือนที่เคยคิดไว้แฮะ

ร้านอาหารที่กิน เป็นฟาสต์ฟู้ด จ่ายเงินได้ทุกสกุลที่มีในตาราง rate เทียบให้ด้วย อยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่สั่ง (มีเงินบาทด้วย !!) และก็รูดบัตรเครดิตได้ด้วย

อาหารมื้อนี้โดนไป 69 เหรียญกาตาร์ รูดเป็นบัตรเครดิตไป (เนื่องจากความโง่ที่ขี้เกียจคำนวณเลข ตอนกลับมาแล้ว บิลบัตรเครดิตตอนหมดเดือนจึงออกมา 688.26 บาท สำหรับอาหารมื้อนี้)

สนามบินที่นี่มีคอม+อินเตอร์เน็ทฟรีให้เล่นด้วยนะ แต่บางเครื่องปุ่มเม้าส์กดยาก แถมบางเครื่องก็เสียด้วย แต่ก็ส่งสามารถอีเมลล์หาเพื่อนๆและญาติพี่น้องตัวเองได้สำเร็จ

ตอนจะเข้า gate ก็มีพี่ปื๊ดสองคนเข้ามาขอตรวจพาสปอร์ต ก็งงว่าตรวจทำไมวะ

(พี่ปื๊ด = คนดำ พี่ปื๊ดเป็นคำที่พวกผมเรียกคนดำแบบฮาๆ อีกทั้งไม่เป็นการเหยียดสีผิวด้วย เพราะคำว่านิโกรเป็นคำหยาบที่เหยียดสีผิว)

แล้วก็ถามว่าไปเยอรมันไปทำไร เราก็บอกไปเที่ยว และก็ถามว่ามีตั๋วเครื่องบินขากลับมั๊ย เราก็บอกว่ามี และก็โอเค

ตอนหลังเหลือบไปเห็นว่าพี่ปื๊ดทั้งสองนั้นเป็น security officer เลยหายสงสัย

พอถึงจุดที่ฉีก boarding pass พนักงานก็ขอ passport พร้อม boarding pass พนักงานอีกคนก็ถามว่า nihon ? (ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ญี่ปุ่น) เราก็ยื่น

พาสปอร์ตให้ไป

แล้วพนักงานคนแรกก็หัวเราะแล้วบอก Thailand not Japan ดีนะที่เห็นก่อน เกือบพูดภาษาญี่ปุ่นใส่แล้วมั๊ยล่ะ ฮ่าฮ่า

พอผ่านเกทไปแล้วก็ขึ้นรถบัสเพื่อไปที่เครื่องบิน และก็หยิบยาแก้เมาเครื่องบินให้ป้อด้วย

พอถึงเครื่องบินก็ไม่มีไร ไฟลท์นี้ธรรมดาๆ จั้มโดนจับนั่งแยก

ถ่ายรูปอาหารมาให้ดูตามคำสัญญา





ขอไวน์เค้ามากินด้วยล่ะ ฮ่าฮ่า เอ๋ ป้อ นิก ก็ขอมากิน ของคนอื่นเป็นไวน์แดง แต่เอ๋กินไม่หมดเลยเอาไปให้จั้มกิน




บินเหนือน่านฟ้ายุโรปแล้ว !! อีกไม่นานเกินรอ


พอถึงมิวนิค ก็ลงจากเครื่องบิน ความหนาวก็เริ่มคืบคลานเข้ามา ดูจากพยากรณ์อากาศใน yahoo อากาศวันนี้ -1 ถึง 2 องศา

เรา ป้อ เอ๋ ก็เริ่มเกรียนด้วยกันท่องคำทักทายภาษาเยอรมัน ตอนนั้นเวลาประมาณทุ่มนึง ก็เลยเป็น good evening ภาษาเยอรมันคือ gluten aaben

ต่อไปก็เป็นด่าน ตม.เยอรมัน ตม.เยอรมันก็คุยกับเอ๋นานอยู่ ขอดูตั๋วเครื่องบินด้วย พอรู้จากเอ๋ว่าเราเป็นคนไทย ยังไม่ทันยื่นพาสปอร์ตให้ก็ สวัสดีครับมา

เราก็ gluten aaben กลับไป ตามที่ได้ท่องไว้ เค้าก็ยิ้มๆ แล้วก็ถามว่าไปเที่ยวไหนมั่ง เราพ่นไปใหญ่เลย

บอกว่า จะไปเมืองนี้ๆๆๆแล้วก็ออกไปเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ แล้วก็กลับมาเบอร์ลิน เดินทางโดยรถไฟนะ ซื้อยูเรลมาแล้วด้วย

แล้วเค้าก็ยิ้ม โอเค แล้วก็ปั๊มให้ แล้วเค้าก็บอกว่า ขอบคุณครับเป็นภาษาไทยมาด้วย โอ้ว ลืมท่อง you're welcome ภาษาเยอรมันมา

เลยไม่ได้พูดไร เดินออกไป ยืนรอกระเป๋า ประมาณห้านาที กระเป๋าก็มา เร็วมาก เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ หลงทาง เจอตำรวจในนั้นตำรวจก็ทักทาย hello

เห็นเราถือแผนการเดินทาง ก็เลยขอดูแผนการเดินทาง (ไม่ได้ดูแบบขอตรวจไรนะ คุยแบบ friendly) แล้วก็ถามว่า is that written in German ? เราก็บอก no, it's in English

แล้วก็เปิดหน้าที่เราเขียนว่า Allianz Arena กับ BayArena แล้วก็บอกว่า wow !! are you going to BayArena ?

เราก็บอก yes ได้โอกาสก็เลยถามตำรวจซะเลยว่า where's the train station ? ตำรวจก็อธิบายมาละเอียดมาก จนหาทางออกเจอ

นอกสนามบินเป็นลานกว้างๆ หนาวมาก แต่ก็มีอารมณ์ถ่ายรูป ก่อนที่จะเข้าไปในสถานีรถไฟ





ในที่สุดก็เจอสถานีรถไฟจนได้

ก็เลยไปซื้อตั๋ว ไปบอกเค้าว่า group ticket for go to Hauptbahnhof (Hauptbahnhof แปลว่า สถานีหลัก)

เค้าก็ให้ตั๋วหน้าตาแบบนี้มา





เห็นราคาแล้วอย่าพึ่งตกใจ ตั๋วนี้ใช้ได้ 5 คน สมาชิกในทริปนี้ 5 คนพอดี ก็เลยเฉลี่ยไปคนละ 3.60 ยูโร ถูกมาก !!

ได้ตั๋วมาแล้วก็ต้องเอาไป validate ใส่เข้าไปใน entwerten มันร้องแต๊ก นึกว่าเครื่องเสีย เลยยัดเข้าไปซ้ำๆ ดัง แต๊กๆๆๆ

ชักตั๋วออกมา กะไปหาที่ validate ที่อื่น แต่เห็นที่ตั๋วมีรอย stamp ซ้ำๆกันในรูปด้านบน จึงได้รู้ว่าตัวเองโชว์ลาว จริงๆมัน validate ตั้งแต่ครั้งแรกที่แต๊กแล้ว

เมื่อรู้ว่าตัวเองหน้าแตก ก็รีบลงไปที่ชานชาลา พวกเราก็ทำหน้าเอ๋อๆว่าจะขึ้นรถไฟอันไหนวะ ไหน ดูป้ายสิ S1 หรือ S8 ดี

ก็มีคนแก่ผู้หญิงเข้ามาถามว่า Can I help you ? เราก็ตอบไปว่า We would like to go to the Hauptbahnhof.

เค้าก็ lecture มาอย่างละเอียด จับใจความได้ว่า ขึ้นได้ทั้งสองสาย ถ้าเป็น S8 ใช้เวลา 41 นาที สาย S1 ใช้เวลา 45 นาที ต่างกัน 4 นาที

ดูจากแผนที่แล้วดูเหมือน S1 จะอ้อมกว่ามากๆ แต่จริงๆต่างกันแค่ 4 นาที และตอนนี้รถไฟ S1 ก็จอดรออยู่พอดี จึงรีบลากกระเป๋าขึ้นรถกันไป

สังเกตได้ว่า ประตูรถไฟที่นี่ต้องกดปุ่มเปิดเองด้วย พอออกมาจาก Hauptbahnhof ก็ตามหาที่พัก เป็นสี่แยกซึ่งงงมาก ถามเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟแถวนั้น

เค้าก็อธิบายมา แต่พอขึ้นมา เจอสี่แยก หนาวด้วย จะเริ่มที่ไหนดีวะ ก็เริ่มไล่ๆ หยิบเข็มทิศขึ้นมาดู แล้วก็พยายามเดินไปตามแผนที่

เจอผู้ชายฝรั่งสองคนเดินสวนมา เอาใบจองโรงแรมชี้ตรงที่อยู่ให้ดู เค้าก็บอกครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็บอกว่า

We are not from here. I'm not sure but I think umm.... follow me เราก็เดินตามไป ในที่สุดก็เจอที่พักจั้มแล้ว (จั้มพักคนละที่ จั้มพักที่ Wombat Hostel แต่อยู่ซอยเดียวกับที่พักเรา) พาจั้มไปเช็คอิน แล้วพวกเราก็เดินไปต่อ จนถึงโรงแรม Germania Hostel พักที่นี่ 3 คืน

ถึงแล้วก็เช็คอิน เจอผู้หญิงญี่ปุ่นสี่คน แต่ไม่กล้าทัก พวกนั้นหัวเราะเสื้อหนาวป้อด้วย เสื้อหนาวป้อเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น เพื่อนๆยุให้เราทักมากๆ แต่อาย เลยกะว่ารอไว้วันอื่น จริงๆในทริปนี้มีคนเจ้าชู้กว่าเราอีกนะ แต่คือใครนั้น ไม่บอก 55+

เอาล่ะก็ขึ้นไปเก็บของเสร็จแล้วก็ออกไปกินอาหาร เจอร้านๆนึง เข้าไปกิน เป็นเนื้อสัตว์หมุนๆแล้วมีไฟลนอยู่เรื่อยๆ และเห็นเมนู จึงได้รู้ว่ามันเรียกว่า Kebab ป้อเลยสั่ง döner kebab บอกว่ามีแนะนำในหนังสือท่องเที่ยว เราก็เลยสั่งตาม ทุกคนว่าอร่อยมาก แต่เราไม่ชอบเลยว่ะ 55+ เลยเอาให้เอ๋กิน

ผู้ชายที่ขายให้เรา ตัวเหม็นมาก 55+ กลิ่นโชยจากหลังเคาน์เตอร์มาที่หน้าเคาน์เตอร์ที่เรายืนอยู่เลย

ระหว่างนั่งกิน นั่งดูบอล ระหว่าง Hamburger SV แข่งกับ Galatasaray โคตรบรรยากาศฟุตบอลยุโรป

กินอาหารไปดูบอลไป เวลาประมาณสามสี่ทุ่มมั้ง ตอนนั้น ฮัมบูร์กโดนอัดไปสองลูกแล้ว นั่งดูไปเรื่อยๆ ฮัมบูร์กเอาคืนได้สามลูก

กลายเป็น 3-2 ชนะการาตาซารายไป

ดูบอลเสร็จก็กลับที่พัก พวกนั้นดูทีวีกันต่อ เราไปอาบน้ำ และก็นอน

สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้

- เฟรนช์ฟรายกับกุ้งทอดที่สนามบินโดฮา 59 เหรียญกาตาร์
- น้ำเปล่าที่สนามบินโดฮา 10 เหรียญกาตาร์
- Group day ticket 3 zone 3.60 ยูโร (18 ยูโร หารกัน 5 คน)
- Döner Kebab 3.00 ยูโร

รวม 6.60 ยูโร และ 69 เหรียญกาตาร์

Next : Day 2 : ไอ้ขี้เมาในมิวนิค

Prev : การเตรียมตัวก่อนเดินทาง Part 2 : ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และอื่นๆ



Create Date : 11 เมษายน 2552
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2562 9:23:04 น.
Counter : 570 Pageviews.

5 comments
  
ไม่อยากเปิดเรียนเรยงะเตเ้ต้
อยากเที่ยวต่อ
55555555555555
เลวได้อีก
นี้หรืออนาคตของชาติ
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โดย: Yuki-ChaN IP: 124.120.151.2 วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:14:52:29 น.
  
โอ้วววว....ตามมาเจอบล็อกเต้โดยบังเอิญ

อยากไปแบ็กแพ็กยุโรปบ้าง
ว่าแต่ใครกันที่เจ้าชู้สุด (อยากรู้มากฮ่ะ)
โดย: myo IP: 125.24.113.80 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:2:55:26 น.
  
ทำไมไม่ไป สวิส อิตาลี ด้วยล่ะ
โดย: mykung IP: 124.122.178.197 วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:0:04:23 น.
  
อ่านแล้วก็อยากไปบ้างหง่ะ

เด๋วตามไปอ่านอีกหลายๆวัน แต่ต้องใจเย็นๆ เด๋ว ไม่มีเวลาทำไรตอนฝึกงาน จะได้อ่านได้เรื่อยๆ

พรุ่งนี้ไปเรียนแล้วซิ ๕๕๕๕

ดิฉันก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน หุหุ สู้ๆน่ะจ๊ะ
โดย: kizzy IP: 124.121.100.172 วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:19:28:03 น.
  
Aerobridge
Rampbus
โดย: Mickeytae วันที่: 10 ตุลาคม 2552 เวลา:21:17:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mickeytae
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



เมษายน 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
15
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog