Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
2 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
ลูกน้อยในครรภ์สัปดาห์ที่1-40



Week 1- คุณเพิ่งผ่านพ้นช่วงของการมีรอบเดือนมาหมาดๆ ระหว่างทางก่อนที่รอบเดือนใหม่ของคุณจะมาเยือนอีกครั้ง จะเป็นช่วงที่ไข่ของคุณกำลังสุกพร้อมที่จะหลุดออกจากรังไข่และเข้าไปในท่อนำไข่ ก่อนการตั้งครรภ์ คุณควรจูงมือคู่ชีวิตไปตรวจร่างกายเพื่อเช็คดูว่า คุณทั้งคู่มีใครเป็นโรคที่สามารถติดต่อไปยังทารกในครรภ์ได้บ้าง การตรวจพบ และรับการรักษาล่วงหน้าไม่เพียงแต่จะป้องกันอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณเองในระหว่างการตั้งครรภ์แล้ว ยังป้องกันโรคหรือความพิการต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกของคุณได้อีกด้วย

Week 2- ช่วงต่อระหว่างสัปดาห์ที่ 1 และ 2 ไข่ที่สุกจะหลุดออกจากรังไข่ และเข้าไปคอยท่ารอเวลารับการปฏิสนธิจากอสุจิตัวที่แข็งแรงที่สุด คุณมีเวลาที่จะสร้างโอกาสให้เกิดการปฏิสนธิได้ในช่วง 72 ชั่วโมงก่อนไข่ตกจนถึง 24 ชั่วโมงหลังไข่ตกเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากอสุจิจะมีชีวิตอยู่รอดภายในท่อนำไข่ประมาณ 72 ชั่วโมง และไข่จะมีชีวิตอยู่รอดภายใน 24 ชั่วโมง ภายหลังหลุดออกออกมาจากรังไข่ จากนั้นก็จะฝ่อไปในช่วงที่มีการตกไข่เกิดขึ้น ภายในร่างกายของคุณจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าปกติ 0.5-1.6 องศาเซลเซียส คุณสามารถหาซื้อเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมินี้ได้ตามร้านขายยาทั่วไป ใช้อมไว้ใต้ลิ้นก่อนล้างหน้าแปรงฟัน การได้รู้ช่วงเวลาแน่นอนอย่างนี้ รับรองไม่มีทางพลาดที่จะได้ลูกมาชมเชย

Week 3-ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้วจะใช้เวลาเดินทางไปยังโพรงมดลูก 36 ชั่วโมง ในระหว่างนี้ ไข่จะมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วจนมีขนาดกว่าร้อยเซลล์เมื่อเดินทางไปถึงยังมดลูก ในจำนวนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่อยู่ด้านในจะพัฒนาไปเป็นตัวเด็กส่วนที่อยู่ติดกับผนังมดลูกจะพัฒนาต่อไปจนกลายเป็นรก ซึ่งจะหลั่งฮอร์โมนการตั้งครรภ์ (hCG) ออกมา ฮอร์โมนตัวนี้เองที่มีผลทำให้ร่างกายของคุณมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง รวมถึงอาการเหงือกบวม มีเลือดออกได้ง่าย คุณจึงควรไปเช็คสุขภาพปากและฟันเสียแต่เนิ่น

Week 4-ขณะที่ไข่กำลังฝังตัวลงในผนังมดลูก คุณแม่บางรายอาจมีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย และอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรอบเดือน เพื่อความมั่นใจคุณสามารถไปหาซื้อแผ่นทดสอบได้ โดยคุณจะต้องใช้ปัสสาวะตอนเช้า ขณะที่ยังท้องว่างอยู่ เพราะอาหารบางชนิดอาจมีผลให้ฮอร์โมนการตั้งครรภ์เปลี่ยนแปลงไป จนทำให้ผลที่ออกมาคาดเคลื่อนได้ หากคุณเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องการมีบุตรยาก ควรระมัดระวังไม่ทำอะไรที่ต้องออกแรงมาก เดินให้น้อยลง และพักผ่อนให้มากขึ้น

Week 5-ในระยะแรกๆ ของการเติบโต ไข่ที่ได้รับการปฏิสนะแล้วจะอาศัยดูดทรัพย์อาหารและซึมผ่านของเสียผ่านเยื่อบุมดลูก จนกระทั่งรก และสายสะดือได้เริ่มทำหน้าที่นี้แทนในอีก 2-3 สัปดาห์ต่อมา ในช่วงนี้คุณจะเริ่มรู้แล้วว่าประจำเดือนขาดไปแน่นอนคุณควรไปพบหมอเพื่อตรวจเช็กความสมบูรณ์ของการตั้งครรภ์ คุณหมอจะซักประวัติคุณ ตรวจวัดส่วนสูง และน้ำหนัก เพื่อคำนวณดูขนาดของทารก พร้อมกับกำหนดวันคลอดให้กับคุณ

Week 6-อาการแพ้ท้องต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันต่อมน้ำนมก็เตรียมผลิตน้ำนม จึงทำให้เต้านมของคุณขยาย และคัดตึง เพราะน้ำนมสามารถไหลผ่านออกมาได้ ช่วงแรกของการตั้งครรภ์คุณหมอจะเว้นช่วงห่างของการนัดตรวจในทุก 1 เดือน แต่เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น คุณหมอก็จะนัดถี่ขึ้นไปทุก 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากเกิดอาการผิดปกติขึ้น คุณควรรีบปรึกษาหมอในทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงเวลานัด

Week 7-ขณะนี้ลูกของคุณมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเล็กๆ เม็ดหนึ่ง แต่ถึงจะมีขนาดที่เล็ก หนูน้อยมีอวัยวะสำคัญหลายอย่างเป็นรูปเป็นร่างแล้ว หากคุณมองทะลุผนังเข้าไปได้ คุณจะเห็นว่าเขามีหัวที่ใหญ่กล่าลำตัว มีจุดสีดำเล็กๆ บริเวณตา และสมองมีร่องรอยของหู มีปุ่มแขนขาเล็กขึ้นมา หัวใจของเขาเริ่มแบ่งออกเป็นห้องซ้ายและขวา และเต้นประมาณ 150 ครั้งต่อนาที ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าในผู้ใหญ่ถึง 2 เท่า ในช่วงนี้คุณลองถามคุณหมอถึงระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในตัวคุณดูบ้างว่าอยู่ในระดับที่ต่ำหรือสูงเกินไปหรือไม่ เพราะการทำงานที่ผิดปกติของไทรอยด์อาจส่งผลต่อลูกในท้องของคุณเองได้

Week 8-หากคุณยังไม่เคยไปฝากครรภ์ คุณควรรีบไปในสัปดาห์นี้ (อย่างช้า 2 สัปดาห์นับจากที่รู้ว่ารอบเดือนขาดไป) เพราะตลอด 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะเป็นช่วงที่ตัวอ่อนกำลังสร้างอวัยวะที่สำคัญหลายอย่าง หากมีเหตุอะไรที่ไปขัดขวางพัฒนาการของอวัยวะสำคัญเหล่านี้ ก็จะส่งผลให้ทารกพิการหลังคลอดได้ การไปฝากครรภ์หากเร็วไปเท่าไร ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งของแม่และลูกในครรภ์มากเท่านั้น เพราะหากคุณหมอเกิดตรวจพบสิ่งผิดปกติใดขึ้น ก็จะสามารถให้การรักษาได้ทันหรืออย่างน้อยก็ช่วยลดความรุนแรงลงได้

Week 9-จากปุ่มเล็กๆ คู่บนและล่าง ที่บ่งบอกว่าเป็นจุดเริ่มของแขนขาของตัวอ่อน ในสัปดาห์นี้แขนของตัวอ่อนยาวขึ้นจนเห็นได้ชัดว่ามีสองส่วน โดยมีส่วนโค้งของข้อศอกเป็นส่วนเชื่อม หัวใจและสมองของเขามีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากขึ้น เปลือกตา และจมูกเริ่มปรากฏรูปร่างขึ้นศรีษะที่มีขนาดใหญ่ ในการฝากครรภ์ครั้งแรกคุณหมอจะต้องวัดส่วนสูงให้กับคุณด้วย เนื่องจากส่วนสูงจะเป็นตัวบอกขนาดของกระดูกอุ้งเชิงกรานของคุณหากพบว่าอุ้งเชิงกรานมีขนาดเล็กเกินกว่าที่ศรีษะของเด็กจะรอดออกมาได้ คุณหมอก็จะแนะนำให้คุณผ่าท้องคลอด

Week 10-หางเล็กๆ ของตัวอ่อนหดมาเป็นกระดูกก้นกบเรียบร้อยแล้วในสัปดาห์นี้ อวัยวะที่เป็นโครงสร้างสำคัญก็มีครบแล้วเพียงแต่ว่ายังมีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น ตอนนี้หัวใจของคุณทำงานอย่างหนัก เพื่อสูบฉีดเลือดไปบำรุงทุกส่วนของร่างกายให้พร้อมสำหรับการเจริญเติบโตของเจ้าตัวน้อยในครรภ์ การทำงานที่หนักทำให้หัวใจของคุณขยายใหญ่ขึ้น ในการนัดฝากครรภ์ช่วงแรกๆ ทุกครั้งคุณหมอจะทำการตรวจความดันของเลือดเพื่อให้แน่ใจว่าความดันไม่สูงเกินไป เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงลักษณะอาการของโรคครรภ์เป็นพิษได้ นอกจากนี้คุณหมอยังต้องตรวจปัสสาวะ ชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูง ตรวจเลือดและเช็กดูระดับการพองตัวของข้อมือและข้อเท้า

Week 11-อวัยวะสำคัญทั้งหมดพัฒนาเต็มที่แล้ว ช่วงเวลานี้เป็นนาทีของการเก็บรายละเอียด เช่น เล็บมือ เส้นผมบางๆ ส่วนอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเริ่มปรากฏรูปร่างให้เห็นเป็นเค้าโครงแล้ว อีกประมาณ 3 อาทิตย์ คุณก็จะรู้ได้แล้วว่า ลูกของคุณเป็นหญิงหรือชายนัดพบกับคุณหมอคราวหน้า คุณรอเตรียมตัวฟังเสียงหัวใจของลูกได้เลยคิดดูว่ามันน่าจะอัศจรรย์เพียงไร ถ้าคุณจะได้ยินเสียงหัวใจน้อยๆ ของเขาเต้นแข่งกับเสียงหัวใจของคุณ

Week 12-นิ้วมือ และ นิ้วเท้าแยกออกจากกันแล้ว กระดูกบางชิ้นเริ่มที่จะแข็งขึ้น ในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า จนถึงสัปดาห์นี้ คุณหมอจะทำการตรวจชิ้นเนื้อจากเยื่อหุ้มตัวอ่อน หรือที่เรียกว่า CSV (Chorionic villus sampling) เพื่อเช็คดูความผิดปกติของโครโมโซมหรือไม่ ในการตรวจคุณหมอจะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากเจาะผ่านเข้าไปในมดลูกของคุณเพื่อนำเอาเซลล์จากเนื้อเยื่อที่หุ้มตัวอ่อนออกมาทำการทดสอบภายในห้องทดลอง ซึ่งคุณจะรู้ผลหลังจากนั้นอีก 2-3 สัปดาห์ต่อมา การตรวจในลักษณะนี้อาจมีความเสี่ยงเล็กน้อยต่อการคลอดกำหนดได้

Week 13-ตอนนี้ความกว้างของมดลูกจะขยายออกไปกว่า 4 นิ้วแล้ว และเคลื่อนตัวจากบริเวณอุ้งเชิงกรานมาที่บริเวณท้อง มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น จะไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คุณต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น แต่อาการนี้จะหายไปได้เองเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ทุกครั้ง คุณหมอจะตรวจปัสสาวะให้กับคุณด้วยเพื่อตรวจเช็คระดับโปรตีน และน้ำตาลในปัสสาวะหรือสารเคมีที่เรียกว่า “คีโทน” ทั้งสามชนิดสามารถบ่งบอกอาการของโรคครรภ์เป็นพิษ โรคเบาหวาน และโรคที่เกี่ยวกับไต

Week 14-ขณะที่อวัยวะต่างๆ ของทารกกำลังพัฒนาไปในส่วนที่เป็นรายละเอียด บนใบหน้าของทารกก็เริ่มมีการเคลื่อนย้ายอวัยวะสำคัญๆ เช่น ดวงตาเคลื่อนจากด้านข้างทั้งสองมาอยู่บนใบหน้า หูเคลื่อนจากด้านล่างขึ้นมาสู่ตำแหน่งปกติ ขณะนี้มดลูกของคุณจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คุณหมอจะตรวจขนาดของมดลูก โดยการคลำหน้าท้องหาตำแหน่งของยอดมดลูก เพื่อเช็คดูขนาดของเด็กในท้อง คุณหมอจะสามารถประมาณวันครบกำหนดคลอดของคุณได้แม่นยำขึ้นจากการตรวจอัชตราซาวนด์

Week 15-ลูกน้อยของคุณจะเริ่มมีเส้นผมขึ้นเต็มศรีษะ และมีขนตาแล้ว ผิวของเขาบางใส สามารถมองทะลุเห็นเส้นเลือดที่กำลังพัฒนากล้ามเนื้อมีการทำงานที่ยืดหยุ่น ข้อมือ และข้อแขนงอ และกำมือได้แล้วในช่วงนี้คุณจะเริ่มทุเลาจากอาการแพ้ท้องแล้ว และเริ่มมีกำลังวังชาขึ้นมาบ้าง คงเหลือไวแต่เพียงความรู้สึกปลาบปลื้มที่กำลังมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในท้องเท่านั้น สำหรับคุณแม่บางท่านอาจมีอาการแพ้ท้องยืดเยื้อออกไปจาก 3 เดือนแรกบ้าง แต่ถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์ให้ช่วยวินิจฉัยดูเพราะบางทีอาจเป็นสัญญาณอันตรายที่คุณนึกไม่ถึงได้

Week 16-ลูกของคุณมีขนาดเท่าฝ่ามือของคุณได้แล้วล่ะ ถึงจะตัวจิ๋วขนาดนั้นแต่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาเริ่มมีพัฒนาการ เขาสามารถขยับใบหน้า อ้าปาก และขมวดคิ้วได้ประมาณสัปดาห์ที่ 11 -16 คุณหมอจะทำการตรวจวัดความหนาของหน้าอกคอ ซึ่งเป็นการใช้อัลตราซาวนด์เช็คดูปริมาณของเหลวที่อยู่ด้านหลังคอของทารกผลที่ได้จะนำไปคำนวณร่วมกับอายุ และระดับฮอร์โมนในเลือดของคุณ เพื่อเช็คดูความน่าจะเป็นในการเกิดโรคดาวน์ซินโดรมในทารกอีกครั้ง แต่ผลที่ได้จากการตรวจนี้ จะต้องนำไปวินิจฉัยร่วมกับการตรวจแบบ CVS และการตรวจเจาะถุงน้ำคร่ำด้วย

Week 17-ระบบต่างๆ ภายในตัวของทารกเริ่มทำงานได้บ้างแล้ว เช่น กระเพาะอาหารและกระเพาะปัสสาวะ ทุกขณะที่ลูกของคุณเติบโตขึ้น ภายในร่างกายของคุณจะต้องมีการสูบฉีดเลือดเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว การตรวจเลือดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่คุณหมอจะต้องตรวจให้กับคุณนับตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณไปฝากครรภ์ เพื่อเช็คดูอาการของโรคต่างๆ ที่สามารถส่งต่อมายังลูกในท้องได้ เช่น หัดเยอรมัน, HIV, โรคไวรัสตับอักเสบบี, ธาลัสซีเมีย เป็นต้น

Week 18-ระบบภายในร่างกายของทารกหลายอย่าง เริ่มมีการทำงานขึ้นบ้างแล้ว กระดูกชิ้นเล็กๆ ในหูที่เป็นทางผ่านของเสียงเข้าสู่หูชั้นในแข็งขึ้น เซลล์ประสาทในสมองส่วนที่รับรู้และส่งสัญญาณจากหูกำลังพัฒนา ทำให้เขาสามารถได้ยินเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาได้แล้ว ในสัปดาห์นี้คุณหมอจะทำการตรวจเพื่อเช็คดูความสมบูรณ์ของทารกที่เรียกว่า AFP test (Alpha feto pretein) ซึ่งจะเป็นการตรวจหาระดับค่า AFP ในเลือด ถ้าหากมีค่าที่สูงมาก นั่นอาจหมายถึงว่าเด็กมีความสมบูรณ์ดีมาก หรือคุณได้ลูกแฝด แต่ถ้าค่า AFP ออกมาต่ำมาก อาจบอกถึงอาการของโรคกระดูกสันหลังไม่ปิด หรือดาวน์ซินโดรมได้ แต่ผลที่ได้จากการตรวจ AFP ยังต้องได้รับการยืนยันจากการตรวจเจาะถุงน้ำคร่ำร่วมด้วย

Week 19-หากผลการตรวจหาค่า AFP ออกมาต่ำ คุณจะต้องได้รับการตรวจเจาะถุงน้ำคร่ำอีกครั้ง เพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบความผิดปกติของโครโมโซมและอาการของโรคดาวน์ซินโดรม ในการตรวจลักษณะนี้อาจเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดได้แต่ไม่มากนัก เนื่องจากในการตรวจคุณหมอจะต้องใช้เข็มเล็กๆ เจาะผ่านผนังมดลูกเข้าไปดูดเอาน้ำคร่ำในรกออกมาทำการตรวจ ซึ่งนอกจากผลของค่า AFP ต่ำแล้ว หากพบว่าภายในครอบครัวของคุณมีคนที่เคยมีอาการผิดปกติของโครโมโซมเกิดขึ้น หรือถ้าคุณมีอายุเกิน 35 ปีขึ้นไปคุณหมอจะทำการตรวจในลักษณะนี้ให้เช่นกัน

Week 20-เซลล์ประสาทภายในสมองกำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์ประสาทควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ในสัปดาห์นี้ รกมีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อมีน้ำหนักมากกว่า 1 ปอนด์อุดมไปด้วยโครงข่ายเส้นเลือด ส่วนหลอดเลือดของทารกขยายใหญ่ขึ้น จึงเหมาะกับการตรวจเจาะผ่านเส้นเลือดได้แล้ว โดยคุณหมอจะเจาะผ่านผนังช่องท้อง และสอดเข็มผ่านเส้นเลือดในสายสะดือที่อยู่ใกล้กับรกเพื่อนำเอาเลือดของเด็กมาทำการตรวจสอบหาความผิดปกติของโครโมโซมและอาการของโรคหัดเยอรมัน และโรคทอกโซพลาสโมซิส

Week 21-สมองของทารกกำลังพัฒนาเซลล์ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ การได้กลิ่น ลิ้มรส การได้ฟัง ได้เห็น และการสัมผัส คุณจะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกอย่างชัดเจนขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ การทำบันทึกจำนวนครั้งของการดิ้นของทารกในครรภ์เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คุณสามารถตรวจเช็คสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ได้ด้วยตัวคุณเอง หากคุณรู้สึกว่าลูกไม่ค่อยดิ้น หรือไม่ดิ้นเลย ควรรีบบอกให้คุณหมอทราบทันที

Week 22-ผิวของทารกหนาขึ้นเป็น 4 ชั้น ต่อมพิเศษในร่างกายหลั่งไขเคลือบผิวที่มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้งออกมาเพื่อป้องผิวบอบบาง ขณะที่ขนอ่อนยึดไขเคลือบผิวไว้ ในช่วงนี้น้ำหนักของคุณจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณควรเช็คระดับการเพิ่มของน้ำหนักตลอดการตั้งครรภ์ เพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคเป็นพิษได้ โดยปกติคุณควรจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ ?-1 กก. ต่อสัปดาห์ตลอดการตั้งครรภ์คุณควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 6-19 กก. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับส่วนสูง และขนาดตัวของคุณเองด้วย

Week 23-เจ้าตัวน้อยมีเซลล์เม็ดเลือดแดงจำนวนมาก และเริ่มที่จะผลิตเม็ดเลือดขาว ส่วนตัวคุณเองก็ยังคงมีปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นต่อไป และเริ่มที่จะผลิตเม็ดเลือดสีขาว ส่วนตัวคุณเองก็ยังคงมีปริมาณเลือดที่เพิ่มเป็นพลาสมา ซึ่งจะไปเจือจางเม็ดเลือดแดงทำให้คุณเกิดภาวะโลหิตจางซึ่งจะต่ำสุดในช่วงนี้แต่ถือเป็นเรื่องปกติในหญิงตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่ควรประมาท คุณควรให้แพทย์ตรวจดูว่าร่างกายได้ธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ ที่จะไม่ทำให้ภาวะโลหิตจางเลวร้ายจนเข้าขั้นอันตรายได้

Week 24-ริมฝีปากของทารกเริ่มปรากฏชัดขึ้นในสัปดาห์นี้ มีปุ่มโผล่ดุนเหงือกขึ้นมาเรียงเป็นแถว ส่วนตัวคุณเองน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่คงที่ และมีตกขาวมากขึ้นกว่าปกติ อย่าตกใจไป เพราะนั่นเป็นอิทธิพลของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มสูงขึ้นแต่ถ้าตกขาวมีสีสันแปลกๆ แถมมีกลิ่นด้วย อย่างนี้ต้องไปปรึกษาคุณหมอให้ช่วยตรวจเช็ค เพราะบางทีอาจมีสาเหตุมาจากการที่ช่องคลอดติดเชื้อซึ่งถ้าปล่อยไว้จนอักเสบมากอาจส่งผลให้คุณต้องคลอดก่อนกำหนดได้

Week 25-เส้นเลือดในปอดของลูกคุณกำลังพัฒนาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการหายใจด้วยตัวเองแล้ว แต่ตอนนี้เขายังอาศัยออกซิเจนจากคุณอยู่ จนกว่าจะคลอดออกมา อาหารเสริมของเขาในช่วงนี้ คือ ของเหลวในน้ำคร่ำ เขาชอบที่จะกลืนและขับถ่ายน้ำคร่ำในรกและสะอึกบ้างในบางครั้ง ช่วงปลายสัปดาห์ มดลูกของคุณจะหดรัดตัวเพื่อเตรียมร่างกายสำหรับการเจ็บท้องคลอด คุณอาจรู้สึกว่าหน้าท้องมีก้อนแข็งนูนขึ้นมาเป็นระยะๆ โดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่หากมีอาการเจ็บปวดและท้องขยายใหญ่มากอาจเป็นอาการรกลอกตัวก่อนกำหนดได้ คุณควรรีบไปพบแพทย์ทันที หากช้า อาจทำให้ลูกของคุณขาดออกซิเจนจนเป็นอันตรายต่อสมอง และอาจถึงชีวิตได้

Week 26-ปอดของหนูน้อยเริ่มขยับขึ้น-ลง คล้ายกับว่าเขากำลังหายใจด้วยตัวเองแล้ว แต่ความจริงแล้วเป็นการซ้อมทำหน้าที่ของปอดเท่านั้น ทันทีที่หัวใจของทารกเริ่มเต้น คุณหมอจะตรวจดูจังหวะการเต้นว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ซึ่งนอกจากการตรวจโดยใช้ฟังเสียงหัวใจทารกเต้นแล้ว คุณหมอก็จะทำการอัลตราซาวนด์เพื่อดูพัฒนาการของกล้ามเนื้อหัวใจในเด็กด้วย

Week 27-ลูกของคุณลืมตาขึ้นได้แล้วในสัปดาห์นี้ อวัยวะทุกอย่างของเขามีการทำงานเกือบสมบูรณ์แล้ว ถ้าต้องคลอดออกมาเขาก็สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลเป็นพิเศษจากหมอ ช่วงนี้คุณอาจมีความดันเลือดสูงขึ้นเล็กน้อย เป็นเรื่องปกติแต่ถ้าน้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มองเห็นอะไรไม่ค่อยชัด เพราะสายตาพร่ามัว มือและเท้าบวม และลามมาถึงหน้า และคอ ควรรีบปรึกษาแพทย์ด่วน เพราะอาจเป็นอาการของโรคครรภ์เป็นพิษได้

Week 28-ช่องต่างๆ ในสมองของทารกพัฒนามากขึ้น ขณะที่เนื้อเยื่อต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากนับจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไป คุณหมอจะเริ่มนัดคุณถี่ขึ้นเป็นทุกๆ 2 สัปดาห์ คุณหมอจะทดสอบภาวะในร่างกายหลายอย่างด้วยกัน เช่น การวัดระดับธาตุเหล็ก และกลูโคสในร่างกาย ถ้าผลการทดสอบออกมาเป็นลบคุณหมอจะตรวจสอบดูว่าภูมิต้านทานในร่างกายของคุณสร้างปฏิกิริยาต่อต้านกับกระแสเลือดของทารกหรือไม่ ปฏิกิริยาดังกล่าวจะมีผลต่อการตั้งครรภ์ในครั้งต่อไป ซึ่งจะทำให้ทารกคนต่อไปเป็นโรคตัวเหลือง ดีซ่าน และโรคโลหิตจางได้

Week 29-ถ้าลูกของคุณยังไม่ลืมตาในสัปดาห์นี้เขาควรจะลืมตาได้แล้ว เล็บของเขาขึ้นมาเป็นปุ่มให้เห็น ชั้นไขมันก่อตัวขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในโลกภายนอก มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจนไปเบียดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คุณต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น หากมีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย หรือมีประวัติโรคเบาหวานในครอบครัวคุณควรจะปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ได้ ในการตรวจ คุณหมอจะเจาะเลือดของคุณในขณะที่ผ่านการงดอาหารมา จากนั้นจะให้คุณดื่มน้ำตาลกลูโคส 100 กรัม และเจาะเลือดอีก 3 ครั้ง ห่างกันทุก 1 ชั่วโมง ถ้ามีน้ำตาลในกระแสเลือดสูงผิดปกติก็คือว่าเป็นเบาหวานคุณจะต้องได้รับการดูแลจากคุณหมออย่างใกล้ชิด

Week 30-สมองของลูกน้อยของคุณกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว หัวของเขายังคงมีขนาดใหญ่พอสำหรับการเติบโต ใมนสัปดาห์นี้คุณหมออาจสแกนให้คุณค่าดูว่าภายในสมองของเจ้าตัวน้อยจะตอบรับกับการสัมผัสได้ดีเพียงใด ถ้าหากคุณหมอฉายไฟส่องไปที่ท้อง แล้วลูกของคุณหันศรีษะไปตามแสงไฟที่ส่องมา ก็แสดงว่าประสาทตาของเขาเริ่มทำงานแล้วนั่นเอง

Week 31-เครือข่ายเนื้อเยื่อในถุงลมปอดพัฒนาขึ้น และหลั่งสารที่ช่วยป้องกันไม่ให้ถุงลมล้มเหลวในการใช้งานเมื่อทารกคลอดออกมาแล้ว เลือดประมาณ 16 ออนซ์จะไหลเข้าไปในผนังมดลูกบริเวณรกเส้นเลือดของคุณแม่จะอยู่ใกล้กับเส้นเลือดฝอยของทารก โดยมีเยื่อบางๆ เป็นผนังกั้นไว้ ป้องกันไม่ให้เลือดของแม่ผสมเข้ามาปนกับเลือดของทรรกหากคุณหมอตรวจพบว่าคุณมีเลือดเป็นอาร์เอชลบ คุณหมอจะฉีดยาแอนตี้บอดี้ (anti-D gamma globulin) ให้กับคุณเพื่อปกป้องไม่ให้เกิดอันตรายใดๆ กับลูกน้อยของคุณ ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากที่เขาคลอดออกมา

Week 32-ตอนนี้ลูกของคุณกำลังอยู่ในท่ากลับหัวลงเพื่อเตรียมพร้อมที่จะคลอดแล้ว อวัยวะต่างๆ ของเขาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชั้นไขมันเกาะติดกับชั้นผิวนับจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไป คุณหมอจะเริ่มนัดคุณถี่ขึ้นเป็นทุกๆ 2 สัปดาห์เพื่อตรวจสุขภาพของคุณ และลูกในท้องอย่างใกล้ชิด คุณควรให้คุณหมอช่วยตรวจดูว่าภาวะโลหิตจางในตัวคุณเริ่มลดลงหรือยัง ถ้าลดลงแล้ว คุณควรเลิกรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็ก เพราะจะทำให้อาการริดสีดวงทวารของคุณเป็นมากขึ้น

Week 33-ผมที่ศรีษะของเจ้าหนุน้อยหนาขึ้น สีผมในช่วงนี้อาจเปลี่ยนไป เมื่อทารกโตขึ้น ขณะเดียวกัน ขนอ่อนตามส่วนต่างๆ จะหลุดร่วงไปเกือบหมด และสร้างผมชุดใหม่ที่หนาขึ้นปกคลุมไขเคลือบผิวหนัง สำหรับคุณมดลูกจะหดรัดตัวเป็นก้อนนูนเป็นจังหวะสม่ำเสมอคุณจะรู้สึกเกร็งที่ยอดมดลูกและค่อยๆ คลายตัวลงมา หากมีของเหลวไหลออกมาด้วย คุณต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

Week 34-ลูกของคุณอยู่ในท่ากลับหัวและเตรียมพร้อมที่จะออกมาดูโลกแล้ว ต่อมหมวกไตของเขาจะผลิตฮอร์โมน สเตียรอยด์มากขึ้นเป็น 10 เท่า หากมีแนวโน้มว่าทารกมีโอกาสที่จะคลอดก่อนกำหนด คุณหมอจะเจาะตรวจน้ำคร่ำ เพื่อทดสอบความเจริญเต็มที่ของปอดหากพบว่าปอดยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่คุณหมอจะฉีดยาเร่ง เพื่อขยายการเติบโตในปอดของทารก

Week 35-กระดูกสันหลังของลูกคุณยังอ่อนบาง และมีความยืดหยุ่นมากพอที่จะหลุดรอดออกมาสู่โลกภายนอก ในช่วงใกล้คลอด คุณไม่ควรไปไหนไกลๆ แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นให้ต้องเดินทางจริงๆ ควรพกพาสมุดบันทึกประวัติสุขภาพครรภ์ไปด้วย (คุณหมอจะต้องทำบันทึกไว้ทุกครั้งที่คุณไปตรวจตามนัด) เพื่อที่ว่า หากคุณเกิดไปเจ็บท้องคลอดกะทันหันที่ไหน สูติแพทย์ที่อยู่บริเวณนั้นจะได้ให้การช่วยเหลือคุณได้ถูกต้อง

Week 36-คุณจะสังเกตได้ว่าลูกของคุณในช่วงนี้เริ่มดิ้นน้อยลง นั่นเพราะตอนนี้เขามีขนาดลำตัวที่ใหญ่จนเต็มพื้นที่ภายในช่องท้องของคุณ และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกอีกต่อไป ในช่วงนี้คุณหมอจะนัดคุณถี่ขึ้นเป็นทุกสัปดาห์เพื่อเตรียมแผนการคลอดและการเลี้ยงทารกแรกเกิด และให้คุรตัดสินใจเลือกวิธีบรรเทาความเจ็บปวดระหว่างช่วงการเบ่งท้องคลอด

Week 37-ตอนนี้ลูกของคุณพร้อมที่จะออกมาดูโลกได้ทุกขณะ แต่ถ้าปากมดลูกยังไม่เปิดเขาก็ยังจะเจริญเติบโตจนครบ 40 สัปดาห์ ระหว่างสัปดาห์นี้ ลูกของคุณกำลังหย่อนศรีษะลงมาถึงบริเวณกระดูกอุ้งเชิงกรานแล้ว ช่วงนี้คุณหมอจะตรวจดูว่าปากมดลูกใกล้ที่จะเปิดหรือยัง มีความหนามากเกินไปหรือไม่ และเด็กอยู่ในท่าไหน และตำแหน่งไหนแล้ว

Week 38-ไขเคลือบผิวของทารกจะลอกออกมาปะปนอยู่ในน้ำคร่ำที่ทารกกลืนเข้าไป และขับออกมาเป็นของเสียขณะเดียวกันร่างกายของทารกก็จะขับของเสียออกมาที่ลำไส้ทำให้เมื่อคลอดออกมาทารกจะมีเมือกสีเขียวเปรอะเปื้อนอยู่ทั่วตัว ถ้าลูกของคุณเป็นผู้ชาย ลูกอัณฑะของเขาจะเลื่อนลงมาอยู่ในถุงอัณฑะในช่วงนี้ เมื่อทารกคลอดออกมา แพทย์จะตรวจสอบอวัยวะส่วนนี้

Week 39-สารแอนตี้บอดี้ในร่างกาบของคุณแม่จำนวนเล็กอาจซึมผ่านผนังกั้นรก และเข้าสู่ในกระแสเลือด ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรคชั่วคราว และจะหายไปภายใน 6 เดือน ซึ่งจะเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกจะเจริญเต็มที่คุณหมอจะให้คำแนะนำกับคุณถึงอาการเจ็บท้องคลอดในระยะแรก ซึ่งจะมีการหดรัดตัวของมดลูกแรงขึ้น เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายเป็นจังหวะสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง ถุงน้ำคร่ำแตก และมีของเหลวไหลออกมาพร้อมกับเลือด คุณควรรีบไปโรงพยาบาลได้เลย

Week 40-สิ่งสุดท้ายที่คุณไม่ควรลืมที่จะตรวจเช็คสภาพให้แน่นอนนั่นคือ ความพร้อมที่จะทำหน้าที่ “แม่” คุณหมออาจตรวจสุขภาพร่างกายของคุณและลูก พร้อมให้การรักษา และคำแนะนำดีๆ ในการดูแลที่ถูกต้อง แต่สำหรับความเป็นแม่แล้ว คงไม่มีใครจะบอกคุณได้ถึงความพร้อม.



Create Date : 02 เมษายน 2552
Last Update : 2 เมษายน 2552 16:50:28 น. 4 comments
Counter : 3665 Pageviews.

 
ไม่มีภาพหร๋อค่ะ
ทำให้มีภาพแต่ละสัปดาห์
ได้ไหมค่ะ


โดย: มิ้น IP: 124.121.153.197 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:49:28 น.  

 
จะลองหารูปมาประกอบนะคะ


โดย: annim วันที่: 25 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:29:37 น.  

 
ตอนนี้เราก้อท้องได้31สัปดาห์กับ4วันเหลืออีกแค่3วันก้อ8เดือน (ท้องแรกด้วย) ดีใจมากๆลูกก้อดิ้นบ่อยดิ้นจนเจ็บท้องบางทีก้อรู้สึกท้องแข็ง ท้องป่องอยู่ข้างเดียว บางวันก้อดิ้นน้อยมากสงสัยจะขี้เกียจ ตอนนี้ก้อเก็บตังอยู่ ไม่รู้จะพอมั๊ยมีไม่ถึง20,000 กลุ้มใจ แต่ว่าไปซาว์ลมาแล้วนะเป็นผู้ชายกะจะให้ชื่อ น้องจูเนียร์ เพราะเป็นชื่อทีมบอลของแฟนเรา ไม่รู้หมอจะดูแม้นหรือเปล่านะแต่ว่าผู้ชายหรือหญิงก้อช่างเถอะ ออกมาแข็งแรงสมบูณ์ครบ32ไม่ขาดไม่เกินก้อพอแล้ว


โดย: ใบเฟิร์น IP: 118.173.162.252 วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:11:57:25 น.  

 
ตอนนี้ได้ท้อง 35 week ค่ะ 8 เดือน 3 อาทิตย์ แระ ใกล้แระค่ะกังวลนะค่ะบางทีลูกดิ้นน้อยพอปรึกษาคุณหมอๆก็บอกว่าหัวใจเต้นปกติดีอุลตร้าซาวด์ก็ครบดีไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใดเราก็โล่งอกไปเยอะน่ะ เราก็ลูกชายนะจะให้ชื่อ กันดั้ม อ่ะ แปลว่าตัวการ์ตูนในหนังการ์ตูนเรื่องหนึ่ง55++มันน่ารักดีตอนนี้ทำหน้าที่รอเห็นหน้าค่ะ อีก 5 week เอง กำหนดวันที่ 3 พฤษภา 53 จ่ะ บายๆ


โดย: แน๊ท IP: 114.128.185.205 วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:14:33:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MamyDD
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]









-‘•’- ยินดีต้อนรับทุกท่านจ้า -‘•’-

ณ ที่แห่งนี้..
คุณแม่ลูก2เขียนบันทึกเรื่องราว
ของลูกชายตัวดี..เดนเด้
- - และ - -
ลูกชายตัวน้อยๆ..ไดโอ

รวมถึงสาระต่างๆ
ที่แม่เก็บรวบรวมมาแบ่งปัน
เพื่อนๆทุกคน..
หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ

ღ ..ขอบคุณ.. ღ
ทุก Comment
ที่ฝากคำทักทาย & พูดคุย
ตลอดจนมิตรภาพดีๆที่มีให้แก่กันค่ะ





Friends' blogs
[Add MamyDD's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.