|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
สุขภาพดีเริ่มที่แม่ท้อง
ยามท้องเป็นช่วงที่คุณแม่ต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ เพราะไม่ใช่แค่สุขภาพตัวเองเท่านั้น ยังมีสุขภาพของลูกรักที่กำลังก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่างทีละน้อยจนแข็งแรงพร้อมที่จะออกมาดูโลกใบนี้ ซึ่งสุขภาพของลูกจะแข็งแรงมากน้อยเพียงใดนั้น คุณแม่นั่นล่ะค่ะ คือคำตอบ
ดูแลสุขภาพดีแบบแม่ท้อง
1. เริ่มที่อาหารการกินค่ะ ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละวัน พยายามเลี่ยงอาหารหวานๆ ที่ให้น้ำตาลและไขมันสูงค่ะ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารสุกๆ ดิบๆ ที่สำคัญกินให้พอเพียงกับความต้องการของร่างกาย อย่ากลัวอ้วนจนปล่อยให้ตัวเองหิว เพราะลูกอาจเกิดมาไม่แข็งแรงได้นะ 2. พักผ่อนเพียงพอ ในช่วงตั้งครรภ์อย่างนี้นอนให้ได้วันละ 8-10 ชั่วโมงนะคะ เพราะคุณแม่จะเหนื่อยและเพลียง่าย อาจจะหาเวลางีบตอนกลางวันด้วยอย่างน้อยสัก 1 ชั่วโมงก็ยังดีค่ะ
3. การออกกำลังกาย จะช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้นค่ะ ร่างกายแข็งแรงด้วย แต่อย่าหักโหมมากเกินไปจนเหนื่อย อ่อนเพลีย และกระทบกระเทือนน้องน้อยในท้องนะคะ
4. อยู่ในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เพราะคุณแม่อาจจะอ่อนเพลียได้ง่าย
5. สำหรับคุณแม่ที่เป็นสาวทำงาน ช่วงท้องนี่ต้องระวังหน่อยค่ะ มีเกณฑ์คร่าวๆ ว่าถ้างานที่ทำอยู่ต้องยืนมากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวันละก็ เมื่อท้องได้ 6 เดือน ควรจะหาวิธีลดชั่วโมงการยืนลงหรือหมั่นเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ อย่ายืนติดต่อกันนานๆ ยิ่งเมื่อท้องแก่แล้วไม่ควรยืนนานเกิน 1 ชั่วโมง และถ้าคุณแม่คนไหนทำงาน ที่ต้องข้องเกี่ยวกับพวกสารพิษสารเคมี ควรรีบปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ เพราะอาจมีผลต่อลูกในครรภ์ค่ะ
6. ฝากครรภ์และไปพบคุณหมอสม่ำเสมอตามที่นัด และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามที่คุณหมอแนะนำ
7. ดูแลความสะอาดของร่างกาย ยิ่งในช่วงที่ตั้งครรภ์ คุณแม่จะร้อนเหนียวตัวและเหงื่อออกง่ายกว่าปกติ และมีส่วนของร่างกายที่เสี่ยงต่อการเกิดการอับชื้นมากขึ้น ควรอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น แต่ถ้าอากาศเย็นควรอาบน้ำอุ่น และทาโลชั่นหลังอาบน้ำถ้ารู้สึกว่าผิวแห้งตึงค่ะ
8. ดูแลสุขภาพฟัน ในช่วงท้องคุณแม่ต้องกินแคลเซียมให้เยอะเป็นพิเศษ เพราะลูกจะดึงเอาแคลเซียมของคุณแม่ไปใช้ในการสร้างกระดูก เพราะฉะนั้นคุณแม่อาจจะฟันผุได้ง่าย คุณแม่จึงต้องกินแคลเซียมเพิ่มและดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาด และไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะ
9. ดูแลเต้านม เพราะในช่วงตั้งครรภ์เต้านมคุณแม่จะขยายมากขึ้น เพื่อเตรียมสร้างน้ำนม จึงต้องเปลี่ยนขนาดยกทรงให้ใส่แล้วรู้สึกสบาย เวลาอาบน้ำก็ล้างเต้านมด้วยน้ำสะอาด อาจใช้โลชั่นทาเมื่อรู้สึกผิวแห้ง ถ้ามีปัญหาเรื่องหัวนมก็ควรปรึกษาคุณหมอแต่เนิ่นๆ ค่ะ
คุณแม่ที่ตั้งท้องอาจจะเกิดอาการบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางท่านอาจจะกังวลว่าอาการดังกล่าวจะมีผลต่อตัวคุณแม่หรือลูกอาการต่างๆทีพบได้มีดังนี้
อาการแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้องมักเกิดในระยะแรกของการตั้งครรภ์พอเข้าสู่ไตรมาสสองอาการแพ้ท้องจะหายไปอาการของอาการแพ้ท้องมีอะไรบ้าง
คลื่นไส้อาเจียนหลังจากดื่มน้ำหรือรับประทานอาหาร น้ำหนักลด ขาดน้ำ ปัสสาวะสีเข้ม เกลือแร่ในร่างกายอาจผิดปกติ
การดูแลตัวกรณีที่อาการไม่มาก รับประทานอาหารว่างที่มีโปรตีนสูง งดอาหารที่มีไขมันหรือใยอาหารสูงรับประทานอาหารที่มีแป้งสูง ให้รับประทานอาหารครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆ ให้รับประทานอาหารบนเตียงตอนตื่นนอนเนื่องจากการเคลื่อนไหวจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน เลือกรับประทานอาหารที่มีรสดี อย่าให้ท้องว่างเพราะท้องว่างจะทำให้เกิดคลื่นไส้อาเจียน หลีกเลี่ยงกลิ่นฉุนๆ งดดื่นน้ำผลไม้ กาแฟ แอลกอฮอล์ระหว่างรับประทานอาหาร ดื่มน้ำขิงอาจจะบรรเทาอาการ
ถ้ามีอาการมากน้ำหนักตัวลดมาก แพทย์จะให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ให้น้ำเกลือเพื่อแก้คลื่นไส้อาเจียน
การเปลี่ยนแปลงทางเต้านม
ไตรมาสแรก
หลังการตั้งครรภ์6-8สัปดาห์จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเต้านม คุณแม่จะรู้สึกว่าเต้านมใหญ่ขึ้น กดจะเจ็บเนื่องจากมีการเจริญเติบโตของไขมันและต่อมน้ำนม เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงขยายใหญ่ขึ้นจนสังเกตเห็นได้ ควรเลือกขนาดของยกทรงให้เหมาะสม หัวนมและฐานหัวนมจะดำขึ้น
ไตรมาสสอง
ขนาดของเต้านมจะใหญ่ขึ้นและมีการเริ่มสร้าง colustrum ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดกับทุกคนแรกๆจะมีลักษณะเหนียวข้นต่อมาจะมีลักษณะเหลวใส ของเหลวนี้จะหลังเมื่อมีการบีบหรือมีความตื่นเต้นทางเพศ
คุณแม่ต้องสังเกตว่าหัวนมโผล่หรือไม่ถ้าไม่โผล่ต้องปรึกษาแพทย์
อาการปวดหลัง
อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อยเกิดได้ตั้งแต่เดือนแรกจนใกล้คลอด สาเหตุเกิดจากมดลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีน้ำหนักมากขึ้นทำให้หลังต้องแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นซึ่งมีวิธีป้องกันดังนี้
อย่าใส่รองเท้าส้นสูงให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยๆ งดยกของหนัก ห้ามก้มยกของ อย่ายืนนาน ถ้าหากต้องยืนนานให้ยืนด้วยขาข้างเดียวสลับกันไป นั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิงและให้หนุนหมอนใบเล็กๆที่หลัง จัดสิ่งแวดล้อมที่บ้านและที่ทำงานเพื่อจะได้ไม่ต้องงอหลัง ที่นอนต้องไม่แข็งเกินไป ให้นอนตะแคงซ้ายขาขวาก่ายหมอนข้าง ประคบร้อนบริเวณที่ปวด ออกกำลังบริหารกล้ามเนื้อ
ปัสสาวะบ่อย
ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์คุณแม่คงจะมีความรู้สึกอยากปัสสาวะแม้ว่าจะเพิ่งไปปัสสาวะมาเนื่องจากมดลูกที่โตกดกระเพาะปัสสาวะ อาการปัสสาวะบ่อยจะดีขึ้นเมื่อมดลูกเจริญเข้าในท้องและจะเริ่มมีอาการอีกครั้งเมื่อเด็กใกล้คลอด เมื่อมีปัสสาวะเล็ดเวลาจามหรือไอให้บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
อาการปวดท้องน้อย
เมื่อมดลูกใหญ่ขึ้นจะทำให้เอ็นทียึดมดลูกตึงตัว คุณแม่จะรู้สึกตึงหน้าท้องบางครั้งข้างเดียวบางครั้งสองข้างลักษณะจะปวดตึงๆมักจะเริ่มขณะอายุครรภ์ 18-24 สัปดาห์ การป้องกัน
อย่าเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว เมื่อปวดท้องให้โน้มตัวมาท่งหน้า ให้นอนพักหรือเปลี่ยนท่าบ่อยๆจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด
อาการปวดศีรษะ
เป็นอาการที่พบได้บ่อย ความถี่ของการปวดและความรุนแรงจะไม่เท่ากันในแต่ละคนหากท่านรับประทานยาเป็นประจำโปรดปรึกษาแพทย์ โปรดปรึกษาแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้
ปวดไม่หาย ปวดบ่อย ปวดรุนแรงมาก ตาพร่ามัวหรือมองเป็นจุด ปวดศีรษะร่วมกับคลื่นไส้
ริดสีดวงทวาร
เป็นหลอดเลือดที่โป่งพองมักจะพบในคนที่ท้องผูก หลังคลอดอาการท้องผูกจะดีขึ้น การป้องกัน
หลีกเลี่ยงท้องผูก รับประทานอาหารที่มีใยมาก ดื่มน้ำมากๆ ก้นแช่น้ำอุ่น ใช้ครีมทา
อาการจุกเสียดแน่นท้อง
คุณแม่จะมีอาการจุกเสียดท้องอาการจุกจะเริ่มจากกระเพาะไปสู่หลอดอาหารเกิดเนื่องจากมีกรดมาก อาหารย่อยช้าและมดลูกที่ดันกระเพาะปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะทำให้แน่นท้อง วิธีป้องกันอาการแน่นท้อง
รับประทานอาหารบ่อยๆเป็นวันละ 5-6 ครั้ง หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส และรสจัด งดสุราและบุหรี่ งดอาหารก่อนออกกำลังกาย
นอนไม่หลับ
มดลูกเริ่มโตขึ้นคุณแม่จะหาท่าสบายๆนอนยากเต็มแต่ก็มีเคล็ดในการนอนคือ
ถ้านอนไม่หลับให้อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ดื่มนมอุ่นๆสักแก้วจะช่วยให้หลับดีขึ้น ให้นอนตะแคงข้างซ้ายมีหมอนหนุนท้องและขา นอนบนม้าโยก
ตะคริว
คุณแม่เมื่อใกล้คลอดจะมีอาการตะคริวที่เท้าทั้งสองข้างโดยมากมักจะเป็นขณะนอน มีวิธีป้องกันดังนี้
ให้เหยียดขาก่อนนอน ขณะเหยียดห้ามชี้นิ้วเท้าให้ดึงข้อเท้าเข้าหาตัว ประคบอุ่นที่น่อง นวดน่อง ดื่มน้ำมากๆ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือกาแฟ ให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม
อาการเหนื่อยหอบ
เมื่ออายุครรภ์ได้31-34 สัปดาห์มดลูกใหญ่ขึ้นจนดันกำบังลมทำให้รู้สึกหายใจไม่อิ่ม คุณแม่ไม่ต้องกังวลกับอาการนี้ว่าลูกจะได้ oxygen เพียงพอหรือไม่เด็กยังคงได้รับ oxygen อย่างเพียงพอ เมื่อใกล้คลอดอายุครรภ์ 36-38 สัปดาห์จะเริ่มหายใจสะดวกขึ้นเนื่องจากเด็กเคลื่อนตัวลงช่องเชิงกรานวิธีป้องกันไม่หายเหนื่อย
ขยับตัวช้าๆเพื่อไม่ให้ปอดและหัวใจทำงานหนัก นั่งตัวตรงเพื่อเพิ่มเนื้อที่ปอด ให้นอนหัวสูง
การเปลี่ยนผิวหนังในคนท้อง
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังที่พบบ่อยๆคือ
จะเกิดฝ้าขึ้นโดยเฉพาะบริเวณที่เจอแดดดังนั้นควรทาครีมกันแดด จะเกิดรอยดำเป็นเส้นบริเวณหัวเหน่า หลังคลอดรอยดำจะหายไป รอยแนวสีชมพูบริเวณหน้าท้องที่เรียกว่าท้องลายเป็นการขยายของหน้าท้องเพื่อการเจริญเติบโตของเด็ก ไม่มีทางป้องกัน รอยนี้จะค่อยๆจางหายไปหลังคลอด จะเห็นเส้นเลือดบริเวณหน้าอกขยาย ผิวบริเวณผ่ามือจะแดง อาการทั้งสองเป็นผลจากฮอร์โมน อาจจะเกิดสิวขึ้นให้ล้างหน้าวันละหลายครั้ง ห้ามใช้ tetracyclin และRoaccutane
อาการบวมและเส้นเลือดขอด
ผู้ป่วยที่ใกล้คลอดอาจจะมีอาการบวมหลังเท้าวิธีแก้ให้นั่งหรือนอนยกเท้าสูง ห้ามซื้อยาขับปัสสาวะมารับประทานเด็ดขาด ถ้าหากบวมแขนหรือหน้าต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบ
เส้นเลือดขอดเกิดจากมดลูกกดทับเส้นเลือดดำอาจจะเกิดบริเวณขา อวัยวะเพศหลังคลอดจะหายไปวิธีป้องกัน
อย่านั่งหรือยืนนานเกินไป ยกเท้าสูง นอนยกเท้าสูง อย่าใส่ถุงเท้าที่รัดแน่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่านั่งไขว่ห้าง
Create Date : 02 เมษายน 2552 |
Last Update : 2 เมษายน 2552 15:06:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 716 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]
|
|
-- ยินดีต้อนรับทุกท่านจ้า --
ณ ที่แห่งนี้.. คุณแม่ลูก2เขียนบันทึกเรื่องราว ของลูกชายตัวดี..เดนเด้ - - และ - - ลูกชายตัวน้อยๆ..ไดโอ
รวมถึงสาระต่างๆ ที่แม่เก็บรวบรวมมาแบ่งปัน เพื่อนๆทุกคน.. หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ
ღ ..ขอบคุณ.. ღ ทุก Comment ที่ฝากคำทักทาย & พูดคุย ตลอดจนมิตรภาพดีๆที่มีให้แก่กันค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|