กันยายน 2562

1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
ธรรมดา หรือ ไม่ธรรมดา...บันทึกเรื่องเล่าน่าจดจำ ในวันธรรมดาของเรา แต่ไม่ธรรมดาของใครๆ อีกหลายคน
09.09.2019

ธรรมดา หรือ ไม่ธรรมดา  

อะไรก็ไม่แน่...ใครจะรู้ในแต่ละที่เป็นวันธรรมดาของเรา แต่อาจจะไม่ธรรมดากับใครหลายคน การฝึกฝน เจริญสติ สัมปัชญะ รู้ตัวทั่วพร้อม ตามที่เคยได้ยิน ได้ฟังครูบาร์อาจาย์ หลายท่าน หลายองค์ ท่านสอนไว้ ดีแล้วนั้น จะช่วยทำให้เรานั้นรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราประสพพบเจอ โดยไม่ทันตั้งตัว แต่เราสามารถบริหารจัดการกับสิ่งที่เจอได้เป็นอย่างดี
 
จากเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอในครั้งนี้ เป็นอะไรที่ตอกย้ำ เพิ่มความกระจ่างชัดแจ้ง เห็นจริงด้วยเอง อีกครั้ง ใน คำสอนของครูบาร์จารย์ ว่าเราสามารถนำมาปรับใช้ในได้ ได้จริงในชีวิตประจำวัน
 
วันนี้ ตื่นเช้ามากำลังจะออกไปทำงาน พบคุณลุงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้นอนหมดสติอยู่ตรงทางออกพอดี เดินเข้าไปดูด้วยความตกใจ แต่ก็ยังไม่กล้าเรียกเอง เลยเดินไปให้หาคนช่วย เจอพี่ผู้ชายคนหนึ่งพอดี เลยเรียกให้เค้าช่วยดูให้

พวกเราช่วยกัน เรียกลุงเค้ากันอยู่นานแต่ ลุงก้อไม่พูดอะไรเลยนอกจากนอน หมดสติ จะให้พาไปส่งโรงพยาบาล ก็ไม่ไป พี่ชายคนนั้น เลยโทร 1669 คุยนานพอสมควร
ก็เข้าใจอ่ะค่ะ ว่าต้องการข้อมมูลเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ก็พอเข้าใจได้ค่ะ แต่ ที่ไม่เข้าใจคือ สุดท้ายแล้ว เอาให้ข้อมูลไปหมดแล้ว บอก ให้โทรแจ้ง 191 เลยค่ะ เหอะ เหอะ เป็นงั้นไปค่ะ
 
จบตรงนั้น แล้ว ก็โทรทันที 191 โทรไปแล้วก็สอบถามข้อมูล พอสมควรอีก แล้วบอกว่า จะประสานงานเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปตรวจสอบ พวกเรารอ กันประมาณ ครึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่เห็น เจ้าหน้าที่ผ่านมาสักที ในระหว่างนั้น มีคนเดินผ่านไปผ่านมาก็มองกันแต่ก็ไม่กี่คนจะเข้ามาช่วยเลย แตโชคดี มีน้องนักศีกษ ปีสีคนหนึ่งเดินผ่านมาสมทบอีกคน  ดูจากการแสดงออกน้องเป็นคนจิตใจดีมาก  เลยคุยกับน้อง แล้วตัดสินใจ ยกลุงขึ้น ไปส่งโรงพยาบาลกันเอง แล้วเรียกน้องขึ้นรถพาลุงไปโรงพยาบาลด้วยกัน
 
จากการจาราจรที่ค่อนข้างจะหนาแน่น และเป็นธรรมดา ในช่วงเวลาเร่งด่วนของคนเมือง รถติดไม่กระดิ๊กเลย ทำไงดีละทีนี้ ....มีเสียงกระซิบจากข้างใน ว่า เรื่องข้างนอก เกินความคุมของเรา ทำไรไม่ได้ต้องปล่อย 

จากนั้นตั้งสติเลย สิ่งต่อไปที่ต้องทำ จะไปไงต่ออ่ะทีนี้ จบแค่พาขึ้นรถแล้วไปส่งโรงพยาบาลเท่านั้นหรอ ระหว่างที่รถไม่ขยับ  มองหน้ากันกับน้อง แล้วก็ตั้งคำถามไปที่ลุง ลุงชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน มีญาติที่ติดต่อได้มั้ย แต่ดูอาการ คือ ลุงแกรคงไม่อยากพูดอะไร คงจะเพลีย หมดแรง อยากจะพักมากกว่า ดูสีหน้า คือ สีด ตัวเหลือง ไม่มีเลือด  เลยบอกน้อง ไม่ต้องซักลุงแล้ว ปล่อยให้แกรนอนไป แล้วหาของติดตัวลุง โชคดีมีโทรศัพท์ติดมาด้วย น้องเลย จัดการโทรศัพท์ลุงมา แล้วดูเบอร์โทรเบอร์สุดท้าย แล้วก็โทรกลับไปเบอร์นั้น เลย
 
โทรไปเจอพี่ชายลุงพอดี แล้วก็บอกให้ลุงไปเจอกันที่ โรงพยาบาล เลิศสิน พวกเรากำลังจะพาลุงไปส่งที่นั่น  โชคดีที่พี่ชายของลุงเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ เลยไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะ จึงเป็นอันโล่งใจ ลุงมีญาติแล้ว.....
 
ต่อไป..เรื่องของน้อง.....น้องต้องเข้าเรียน ตอน 9โมง แต่ น้องโอเค บอกไปสายได้ ไม่เป็นไร นับถือน้ำใจน้องจริงค่ะ เราเลยไปต่อด้วยกัน
 
คิดต่อไปถ้าถึง โรงพยาบาล ส่งลุงแล้ว ต้องไม่มีที่ให้เราจอดรถแน่น ๆ เอาไงดี ถ้างั้นพอถึงโรงพยาบาลแล้ว ให้น้องอยู่กับลุงคอยให้ข้อมูลหมอ พยาบาลตามขั้นตอนของโรงพยาบาลน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า และสิ่งทำได้ดีสุด ณ.ตอนนี้  คือ ต้องขอเบอร์น้องไว้ก่อน จะได้โทรหากันกรณีฉุกเฉิน.....
 
จบเรื่องคนอื่น .....ทีนี้ก็มาที่ตัวเอง วันนี้ต้องไปทำงานสายแล้วสินะ เอาไงดีหละทีนี้  เสียงจากข้างในใจดังออกมาอีก ก็โทรหาเจ้านายสิ ขอเข้าสายก้อน่าจะไม่มีปัญหาอะไร  ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์ แจ้งเหตุไป เจ้านายก็โอเคไม่ว่าอะไรเลย...... เป็นอันหมดห่วง ในทุกเรื่องของตัวเอง 
 
แล้วกลับมาโฟกัสในการจราจรต่อ รถติดไม่กระดิกเลย เอาไงดี ...บอกน้องเปิดจีพีเอส เราจะเข้าแทรกไปทาง ซอยไหนได้บ้าง ไปตามจีพีเอส บอกดีกว่า ...และแล้วก็ไปถึงโรงพยาบาลจนได้

ด้วยความดีใจที่เห็นป้ายบอกชื่อโรงพยาบาล เลยรีบเลี้ยวรถเข้าโดยไม่ทันดูว่าเป็นทางเข้าหรือทางออก คิดปลอบใจตัวเอง ....แต่ก็นะฉุกเฉินนี่น่า เลยขับพุ่งไปที่ป้อม รปภเลย .... เจ้าหน้าที่เดินมาประมาณว่า จะไปไหน เค้าไม่ให้เข้านะทางนี้
 
คิดในใจ จะยังไงละทีนี้  ต้องถอยรถอีกหรือ ไม่ได้นะ เอาไงดี ตั้งสติเลย แล้ว ก็ พูดด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนที่สุดในชีวิต ว่า คุณลุงหมดสติอ่ะค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นไงบ้างตอนนี้ รีบมาเลยไม่ได้ดูทางเข้า เลย ไม่รู้ว่าทางเข้าห้องฉุกเฉินไปทางไหน พอจะบอกทางได้หรือป่าวค่ะ

......เป็นอะไรที่เกินคาดมาก จากที่จะโดนให้ถอยออกไป กลับกลายมาเป็น ได้เห็นน้ำใจจาก เจ้าหน้า ร.ป.ภ เปิดทางให้เข้า แล้ว ยังโบกรถให้พาลุงไปส่งถึงห้อง ฉุกเฉินภายโดยฉับพลันทันที ถึงแล้วเจ้าหน้าเอารถเข็นคนป่วยมารับลุงเข้าเป็นคนไขฉุกเฉินทันทีเลย
 
เป็นไปตามที่คาดไว้ ทันทีที่ลุง ลงไปแล้วเจ้าหน้าก็มาเชิญให้เอารถออก ไปหาที่จอดที่อื่น มองหน้ากับน้อง และน้องก็โอเค แล้วก็ปล่อยน้องอยู่กับลุงไปก่อน ..แล้วรีบขับรถออกไป และก็เป็นไปตามที่คาด คือ ในเมืองหลวงที่จอดรถหายากมาก .. พอขับไปเจอป้ายห้ามเข้า....O.M.G.
 
โอ๊ะโอ๊ย เป็นอะไรที่ทดสอบสุดๆๆ ที่จอดรถโรงพยาบาล ปิดปรับปรุงชั่วคราว ไม่มีที่ให้จอดรถ ..ทำไงดี  เป็นจุดวัดใจ จะชิ่ง ทิ้งน้องไว้ แล้วขับรถกลับไปทำงานก็ทำได้ สบายๆ หรือ จะค่อยๆหาที่จอดรถใกล้ๆ ดี
 
จากที่มีโอกาส ฟังคำสอนที่ได้ฟังครูบาร์อาจารย์พร่ำสอนอยู่ ทำให้เสียงจากข้างใน ปรากฎ ก้อง ย้ำๆ คือ ทำให้จบ ทำให้จบ อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่ความยากลำบากเล็กๆ น้อยๆ

....ดังนั้นแล้วจึงขับรถไปที่ รปภ เพื่อขอคำแนะนำ หาช่องทางจอดรถยังไงได้บ้าง ....โชคดีค่ะ เค้าแนะนำไปจอด โรงแรมข้างๆเลย ไม่ไกลเดินนิดเดียว ถึงห้องฉุกเฉินเลย .....พอได้ที่จอดรถเรียบร้อย ก็รีบมาที่ห้องฉุกเฉินทันที
 
พอมาถึงห้อง ฉุกเฉิน น้องบอกลุงเข้าไปในห้องแล้ว หมอดูอาการอยู่ พวกเราสันนิฐานกันเอง จากที่เห็นลุงดูซีด ตัวเหลือง เหมือนจะขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง แต่มาถึงหมอแล้วคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วก็พอดีกับ ญาติ ซื่งก็คือพี่ชายคุณลุง มาถึงพอดี พี่ชายลุงบอกปกติ ลุงแกรเป็นคนออกกำลังกายประจำ รักษาสุขภาพอยู่ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่  พวกเราเลยสันนิฐานกันต่อ ลุงคงหน้ามืด แล้วเป็นล้มหมดสติ ไป ไม่น่าเป็นอะไรมาก .....ยังไงลุงมีญาติมาแล้ว หมอห่วงไปอีกเปราะ
 
ต่อไปก็พากันไปติดต่อทำประวัติคนไข  แล้วลาลุงกลับ  แล้วรีบไปส่งน้องที่ มหาวิทยาลัย น้องทันเข้าเรียนพอดี เสร็จ แล้วก็รีบึ่งรถกลับไปทำงานตามปกติ.....
 
จนพักเที่ยง พอมีเวลาทบทวนบ้าง  และยังเหมือนเป็นห่วงคุณลุงแกรอยู่ ลุงแกรคงเคยช่วยเหลืออะไรเรามาบ้างในชาติใด ชาติหนึ่งมั้งเนอะ  ถึงได้มาเจอกันแล้วพาแกรไปส่งโรงพยาบาล
เรื่องบังเอิญ ไม่มีในโลก  ลองโทรไปตามติดอาการกับพี่ชายลุงอีกที
 
โทรไป คุณลุงบอกว่า หมอบอกว่าลุง เส้นเลือดในสมองแตก หมอเอ็กซเลย์ แล้วเรียกพี่ชายลุงไปดูภาพ แล้วอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับอาการ ที่ตรวจพบ และบอกว่า โชคดีที่มาถึงหมอ ทันเวลาพอดี ถ้าช้าไปอีกนิด อาจจะเสียชีวิตได้....

แล้วคุณลุงก็พูด ว่า..ขอบคุณมากที่หนูช่วยไว้ เป็นน้ำเสียงที่ดีใจแบบตื่นตัน คือ สัมผัสได้ชัดเจน ถึงแสดงออกด้วยความบริสุทธิ์ใจล้วนๆ ....

ลุงบอกว่า ตอนนี้ หมอดูอาการอยู่แล้วจะย้ายลุงไปโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เพราะได้คิวรักษาเลยไม่ต้องรอเครื่องมือ ตามขั้นตอน.....ไม่น่ามีอะไรต้องเป็นห่วง อีกอย่าง ลุงเห็น แขนขาเขาขยับได้ เคลื่อนไหวได้ ไม่น่าเป็นอัมพาตนะ เพราะพวกหนูพามาถึงโรงพยาบาลทันเวลา.....ขอบคุณมากจริงๆ...เสียงขอบคุณแค่นี้ คือ เป็นอะไรที่ รู้สึกอิ่ม เต็ม มันเป็นความสุขล้วนๆ  
 

พอจบการสนทนากับลุง เลยลองกลับมาทบทวนคำสอนของหลวงพ่อ ที่ท่านสอน และพูดย้ำเสมอๆ ว่า
 
การเสียสละ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทางจิตใจ 
ถ้าเรารู้จักเสียสละ เราก็จะรู้ว่าการเสียสละ ดีกว่าทุกอย่าง....
การเสียสละ จะทำให้เราเข้าถึงความสุขที่ประณีตขึ้น”
 
ให้เรา..รู้จักเสียสละ ทำงาน เพื่อผู้อื่น เป็นการช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยใจที่บริสุทธิ ช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยปัญญา ช่วยโดยไม่แบ่งแยก ว่าเป็นใคร มาจากไหน ไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่มีผลประโยชน์แอปแฝง ใดๆ  ทำด้วยใจที่เป็นผู้ให้ล้วนๆ
 
เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นอะไรที่มีคุณค่าทางจิคใจยิ่งนัก และทำให้เข้าใจลึกซึ้ง ชัดเจน แจ่มแจ้งยิ่งในสิ่งที่หลวงพ่อ ท่านเคยบอกไว้ไม่ผิดเลย

ความสุขที่ได้เป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละ เป็นผู้ที่ปรารถนาให้ผู้อื่นได้พ้นทุกข์และเป็นสุขนั้น
131เป็นความสุข ที่เกิดจากจิตที่บริสุทธิ
131เป็นความสุขแท้
131เป็นความสุขจริง
131เป็นความสุขล้วนๆ ที่ไม่มีอะไรมาปรุงแต่ง

 
คนเราเกิดมาพบเจอกันตามเหตุตามปัจจัย ถึงเวลาจากกันไปก็ตามเหตุตามปัจจัยเช่นกัน
เมตตากันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข พอจากกันไปก็จะยังสามารถระลึกถึงกันได้ด้วยความสุขใจ 
 
เฉกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่ประสพพบเจอในครั้งนี้ ระลึกนึกถึงครั้ง ใดก็จะยังสุขใจได้เสมอ....
 
 
ขอบันทึกเรื่องเล่าน่าจดจำ ในวันธรรมดาของเรา แต่ไม่ธรรมดาของใครๆ อีกหลายคน ทำให้ได้พบเจอกัลยานิมิตร ได้เห็นการช่วยเหลือ ได้เห็นน้ำใจ ได้ฝึกสติ สัมปัชญะ เรียนรู้การแก้ปัญหา มั่นใจในการความดี ทำให้กลายเป็นวันที่ไม่ธรรมดา ของเราไปด้วยเช่นกัน
 
 



Create Date : 09 กันยายน 2562
Last Update : 9 กันยายน 2562 18:41:11 น.
Counter : 451 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MaKiNoh
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]