|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
13 มิถุนายน 2553 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คุณูปการจากลูก..สู่งานของแม่
จั่วหัวเรื่องแบบนี้ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เข้ามาอ่าน คงคาดเดากันไม่พ้นประเด็นที่ว่า "แม่สามารถ (ทน) ทำงานได้ ก็เพราะเพื่อลูก"
555 ถ้าใครคิดแบบนี้..เราขอบอกคุณว่า...
คุณ คิดผิด จ้า..
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า สัปดาห์ที่แล้วทั้งสัปดาห์ แม่ไปทำงานสายแค่วันเดียว แค่วันเดียวจริง ๆ นะ
ใครที่ทำงานอยู่ออฟฟิศเดียวกับแม่ คงจะชินตากับการที่แม่มักจะเดินขึ้นตึกมาเวลาตั้งแต่ 8.30 น. ไปจนถึง 9 โมงเลย ทั้งที่ office hour จริง ๆ แล้วคือ 8.00-18.00 น. แต่การมาทำงานในสัปดาห์ที่แล้วทั้งสัปดาห์ หรือเอาเข้าจริง ๆ ก็ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อนด้วย ที่ทำให้การลุ้นเบี้ยขยันประจำปีของแม่ (ที่เพิ่งประกาศใช้เป็นครั้งแรกมาสด ๆ ร้อน ๆ) มีเปอร์เซนต์หนีเลขศูนย์ขึ้นมาบ้าง
บางคนอาจจะคิดว่าแม่ถูกเจ้านายดุ ว่ากล่าวตักเตือน หรืออาจเป็นเพราะได้ถูกคัดเลือกให้เป็น The Star ของสายงาน จึงต้องทำตัวให้เหมาะสม เพราะเริ่มมาเช้าในสัปดาห์ที่มีการสอบ The Star
เปล่าเลย... เหตุผลเดียวเท่านั้นที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ คือ แม่ต้องตื่นมาแต่เช้าเพื่อดูแล การอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว และให้อาหารลูก ซึ่งเมื่อก่อนนี้เป็นหน้าที่ของพ่อหนู และยายหนูเป็นหลัก ส่วนแม่ก็..หลับสบาย ผ่อนคลายหายเครียด ลงมาดูลูกตอนเช้าน้อยมาก..ก..ก..ก
ที่พูดอย่างนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่ต้องรับกรรมทำคนเดียว 100% หรอกนะ ยายก็ช่วยแม่กว่าครึ่ง เกินครึ่งเลยล่ะ เพราะบางทีหนูงี่เง่า ไม่ยอมตื่น หงุดหงิด งุ่นง่าน ก็จะพาลอาละวาดใส่แม่ ไม่ให้ทำอะไรให้หนู แล้วหนูก็ค่อย ๆ ละเลียดสายน้ำยามเช้าในห้องน้ำ โดยไม่คิดแม้แต่น้อยว่ารถโรงเรียนและเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ บนรถ จะต้องมารอหนู และส่วนใหญ่ หนูก็มักจะงี่เง่าเป็นเรื่องปกติด้วย 2 สัปดาห์มานี้ พ่อหนูก็นอนสบายคนเดียว ให้แม่รบกับหนูเต็ม ๆ
อ้าว..ลืมพูดถึงข้อดีเลย เผลอ complain ลูก พร้อมสะท้อนความไม่มีวินัยในครอบครัวเราที่ไม่รักษาหน้าที่ความรับผิดชอบออกมาให้เห็นซะอีก แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ควรต้องปรับปรุงล่ะเนอะ
(ภาพเมื่ออนุบาล 1 มกรา 51 เดี๋ยวหาภาพใหม่มาเปลี่ยน)
คุณูปการที่เอ่ยถึงตั้งแต่ต้นเรื่องก็คือ การที่แม่ 1. ได้ตื่นเช้ามาทำงานแต่เช้าอย่างเบิกบาน มีเวลาตั้งหลักรับมือกับลูกค้าที่นำพาแต่งานเข้ามาให้^^ 2. สติ อารมณ์ สงบเสงี่ยม เพราะได้ทะเลาะกับลูกแต่เช้า พอ calm down ก็เปลี่ยนเป็นพลังทางบวก (อันนี้จริง ๆ ) 3. ข้อสุดท้ายนี้ เสียไม่ได้จริง ๆ ที่จะบอกว่า ก็เพราะได้ทำอะไรให้ลูกน้อยที่รักสุดหัวใจ ได้สวัสดีลากันตอนเช้า แม้จะงอนหงิกใส่กันบ้าง แม่ก็ยังได้พลังทางบวกที่กลับมาบอกตัวเองว่า เรามีเวลาให้ลูกเพิ่มขึ้นแล้ว กำลังใจทำสิ่งต่าง ๆ มาอีกเพียบ
อย่างที่บอกไว้ในบล็อกก่อนที่หัวใจว้าวุ่นว่า เมื่อเลิกงานกลับถึงบ้าน ก็จะใช้เวลาทบทวน ทำการบ้านที่ครูสั่งมากับลูก ท่องศัพท์ ท่องสูตรคูณ อ่านวิชาสังคม ภาษาไทยวันละ 2-3 หน้าไปเรื่อย ตามที่ครูสั่ง แต่เหมือนฟ้าจะลงโทษแม่ (หรือลูกด้วยหว่า) ที่ถึงแม้แม่จะไปทำงานเช้าขึ้น แต่แม่กลับต้องกลับบ้านเย็นไม่ต่างจากเดิมเลย ที่หวังว่า 6 โมงปุ๊บแล้วเด้งกลับไปดูลูกนี้...ไม่มีสักวันเลยในช่วงนี้ เกิน 1 ทุ่ม 2 ทุ่มกว่าก็หลายวัน เพราะฉะนั้นกว่าจะส่งลูกเข้านอนก็ 3 ทุ่มครึ่ง 4 ทุ่มอยู่อย่างนี้ ตื่นอย่างช้าต้อง 6.30 น. เท่านั้น ไม่งั้นก็ไม่ทันรถโรงเรียนที่จะมาถึงในช่วง 6.45-6.55 น.
สงสารลูกจัง
Create Date : 13 มิถุนายน 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 15 มิถุนายน 2553 12:26:37 น. |
Counter : 699 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: SonSmile 17 มิถุนายน 2553 21:36:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: SonSmile 1 กรกฎาคม 2553 14:58:58 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
มาวันนี้ดูทุกอย่าง จะเดินไปในทางที่ดีนะคะ
ลูกปรับตัวบ้าง แม่ปรับตัวบ้าง ... ไม่ยึดติด ไม่เคร่งเครียด
หนูออมโชคดีนะคะ มีทั้งคุณยาย คุณพ่อ คอยดูแลอย่างดี ...
พี่ตาตั้มขนาดโรงเรียนอยู่แค่หน้าบ้าน ... ยังมีไม่อยากไปโรงเรียนเลยค่ะ
ลองเข้ามาอ่านสิคะ 555 ...