chocolate cyst

โรคช๊อกโกแลตซีส (chocolate cyst : one having dark, syrupy contents, resulting from collection of hemosiderin following local)
1. คำจำกัดความของโรคช๊อกโกแลตซีส
ช๊อกโกแลตซีส หมายถึง ''ถุงน้ำที่มีสารของเหลวสีคล้ายกับช๊อกโกแลตอยู่ภายใน'' ความรุนแรงมากพอสมควร
--การเรียกตามลักษณะที่เห็นความจริงแล้ว คำเต็มก็คือ..... ''โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือ เอ็นโดเมทริโอซิส ''**

ปกติตัวเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูก ควรจะอยู่เฉพาะภายในโพรงมดลูกเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ตัวเยื่อบุโพรงมดลูกนี้กระจายออกนอกตัวโพรงมดลูกไปเกาะอยู่ที่ใดก็ตามก็จะเป็นโรคของตำแหน่งนั้นเกิดขึ้น

2. ในปัจจุบันพบผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มากน้อยแค่ไหน
โรคนี้พบได้บ่อยขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย
--เราจะพบมากที่สุดก็คือ พบได้ 10- 20% ในกลุ่มของผู้ที่อยู่ในวัยที่มีประจำเดือน
--กลุ่มคนลูกยากจะเป็น 30-45% คำว่าผู้ป่วยที่มีลูกยากก็คือ คู่สมรสที่แต่งงานเกิน 1 ปี มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ และไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เอง

3. กลไกที่ก่อให้เกิดโรค
---ปัจจุบันนี้เรายังไม่ทราบกลไกที่ทำให้เกิดโรคที่แท้จริง แต่มีทฤษฎีหนึ่งที่เชื่อถือคือ ทฤษฎีของแซมซัน จะมีเลือดประจำเดือนส่วนน้อยส่วนหนึ่งไหลกลับเข้าไปในช่องท้อง โดยผ่านท่อรังนำไข่ เลือดประจำเดือนที่ไหลเข้าสู่ช่องท้องก็จะนำเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกไปด้วย แต่ตำแหน่งของเซลล์นี้ถ้าไปฝังตัวอยู่ที่อวัยวะไหนก็จะทำให้เกิดโรคนี้ขึ้นในอวัยวะนั้น ส่วนมากเราจะพบมากในบริเวณรังไข่

4. นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดโรคอีกหรือไม่
ผู้หญิงปกติทุกคนจะมีการไหลย้อนกลับของเลือดประจำเดือน แต่บางคนเป็นโรค, บางคนไม่เป็นโรคขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยง คือ
4.1 มีประวัติครอบครัว โดยเฉพาะทางมารดาหรือว่าพี่สาว, น้องสาวของผู้ป่วย ถ้าเกิดเป็นโรคนี้ตัวผู้ป่วยจะมีโอกาสเป็นโรคที่สูงขึ้นมากกว่าคนทั่วไป 3-10 เท่า
4.2 กลุ่มผู้ป่วยที่มีการทำงานของรังไข่นาน ๆ รังไข่ทำงานนานในกรณีที่เริ่มมีประจำเดือนตั้งแต่อายุน้อยหรือประจำเดือนรอบสั้น เดือนหนึ่งมีมากกว่า 2 ครั้ง หรือออกมากหรือออกนานมากกว่า 7 วัน
4.3 กลุ่มที่มีความผิดปกติโดยกำเนิด ของทางออกของประจำเดือน กรณีนี้เราจะเจอได้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาเยื่อพรหมจารีปิด

5. ปัจจัยลดความเสี่ยงของโรคอยู่ 3 ปัจจัย คือ
5.1 การตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์หลายครั้งโอกาสเป็นโรคก็จะน้อยลง การตั้งครรภ์ผู้หญิงจะไม่มีภาวะของการมีประจำเดือนไปเป็นเวลา 9-10 เดือน หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด ซึ่งยาคุมกำเนิดจะมีฮอร์โมนที่มีชื่อว่า โปเตสเซอโรน
5.2 การออกกำลังกายมาก ๆ โดยเฉพาะการออกกำลังตั้งแต่วัยรุ่นจะต้องออกกำลังกายมากกว่าสัปดาห์ละ 7 ชม. อันนี้จะเป็นการลดฮอร์โมนเอสโตเจน เป็นผลทำให้เกิดโรคน้อยลง
5.3 การสูบบุหรี่ จะทำให้เกิดเอสโตนเจนน้อยลง โอกาสการเกิดโรคก็จะน้อยลง แต่ที่กล่าวมาก็ไม่ ได้หมายความว่าจะสนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนต้องสูบบุหรี่

6. ลักษณะอาการผิดปกติเบื้องต้นเป็นอย่างไร
พบได้เป็นส่วนสำคัญมีอยู่ 3 อย่าง คือ
6.1 คนไข้จะมีอาการปวดประจำเดือนทุกเดือน แต่อาการปวดประจำเดือนก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโรคนี้ ซึ่งลักษณะอาการปวด คือ มีอาการปวดอย่างรุนแรงและจะปวดมากขึ้นมากขึ้นทุกเดือน เป็นอย่างนี้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ
6.2 มีอาการเจ็บปวดเวลามีเพศสัมพันธ์
6.3 ผู้ป่วยจะมีบุตรยาก

ึ7. เราจะทราบได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้หรือไม่
อาศัยจากประวัติก่อนทำการตรวจร่างกายคนไข้ และจะมีการช่วยวินิจฉัยหลายอย่าง เช่น ....การทำอัลตราซาวด์ ส่องกล้อง ตรวจภายในอุ้งเชิงกราน การเจาะเลือดตรวจทูเมอร์ ....
---การวินิจฉัยโรค ถ้าเกินเราอัลตราซาวด์แล้วเราเห็นก้อนชัด ๆ ก็จะสามารถบอกได้ทันที แต่ในกลุ่มที่คนไข้ที่มีผลการตรวจคนไข้ไม่ชัดเจน กลุ่มนี้เรามักจะต้องใช้วิธีส่องกล้องตรวจภายในอุ้งเชิงกราน

8. วิธีการรักษาในปัจจุบัน
วิธีการรักษาในปัจจุบันมีหลายแบบ
1. การใช้ยา 2. การผ่าตัด 3. ใช้ยาร่วมกับการผ่าตัด

จะคำนึงถึงอาการของผู้ป่วย ความต้องการในการมีลูกและความรุนแรงของอาการ
---การใช้ยารักษา มีอยู่ 2 กลุ่ม ....แพทย์จะต้องให้คนไข้อยู่ในภาวะไม่มีประจำเดือน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการไหลย้อนกลับของเลือดประจำเดือนเข้าไปในช่องท้อง เป็นยาที่ทำให้คนไข้หมดประจำเดือน ---เหมือนคนในวัยทอง ---หรือเหมือนหญิงตั้งครรภ์

---ส่วนการผ่าตัด จะใช้ในกรณีที่ตัวโรครุนแรง
ชนิดที่ 1 การผ่าตัดออกหมด ผลการผ่าตัดทำให้คนไข้หายจากโรค แต่คนไข้ก็จะไม่สามารถมีบุตรได้อีก
ชนิดที่ 2 ก็คือ การผ่าตัดเพื่อเอาตำแหน่งของพยาธิสภาพออก ข้อดีของการผ่าตัดนี้ก็คือ ผู้ป่วยสามารถมีบุตรได้อีก แต่ข้อเสียก็คือ ตัวโรคสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก

9. ผลจากการใช้ยาที่ทำให้คนไข้หมดประจำเดือน จะมีผลแทรกซ้อนอย่างไรเกิดขึ้นบ้าง
---หลักการจะทำให้คนไข้ไม่มีประจำเดือนประมาณ 6-9 เดือน จริง ๆ เป็นระยะที่สั้น ถ้าใช้ยาทำให้ไม่มีประจำเดือนเหมือนวัยทอง ...จะมีอาการหงุดหงิด ชาปลายมือ ปลายเท้า

10. จะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำอีกหรือไม่
--- ในกรณีที่เราผ่าตัดเอาเฉพาะพยาธิสภาพออก โดยที่เก็บตัวมดลูกและรังไข่ไว้คนไข้ ก็จะมีโอกาสกลับเป็นซ้ำอีก

11. อันตรายของโรคนี้มากน้อยแค่ไหน
---ในกรณีที่เป็นมาก ๆ คนไข้ก็จะมีพังพืดเกิดขึ้นในอุ้งเชิงกราน ผังพืดที่เกิดขึ้นมีการรัดอวัยวะที่สำคัญหลายอย่าง เพราะฉะนั้นการผ่าตัดจำเป็นต้องอาศัยฝีมือขอศัลยแพทย์ที่ดี
---พอประจำเดือนมาครั้งต่อไป ตัวโรคก็จะโตขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นหากมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ก้อนช๊อกโกแลตซีสเกิดแตก สารของเหลวที่อยู่ภายในก็จะออกมากระตุ้นเยื่อบุช่องท้อง ทำให้คนไข้มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน

12. การป้องกันควรทำอย่างไร
12.1 เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของเลือดประจำเดือน ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการตรวจภายใน หรือ มีเพศสัมพันธ์ขณะที่มีประจำเดือน
12.2 ในหญิงกลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ เราอาจพิจารณณาให้การป้องกันด้วยการกินยาคุมกำเนิด เริ่มตั้งแต่วัยเริ่มมีประจำเดือนและหยุดยาต่อเมื่อมีบุตร
12.3 ขอแนะนำให้ผู้หญิงที่แต่งงาน ตั้งครรภ์เร็ว ๆ

13. ข้อแนะนำ
ท่านที่มีอาการผิดปกติดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีบุตรยาก ถ้าเกิดไม่แน่ใจในอาการควรจะได้รับการปรึกษาและการตรวจจากแพทย์โดยเร็ว


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Chocolate cyst หรือ Ovarian Cyst เป็นถุงน้ำรังไข่ชนิดหนึ่ง เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่าเป็นสภาวะที่ยากต่อการตรวจวินิจฉัย แยกโรคจากเนื้องอกรังไข่ ถุงน้ำรังไข่มีสาเหตุการเกิดหลายสาเหตุ อาจจะเกิดจากการอักเสบ หรือเกิดจากการผิดปกติของฮอร์โมนเพศ จากเนื้องอก หรือมะเร็ง เป็นสภาวะที่มีของเหลวไปคั่งค้างในรังไข่มาก จนเกิดเป็นถุงน้ำมีขนาดต่างๆ กัน ส่วนใหญ่ถุงน้ำดังกล่าวมักจะโตขึ้นแต่ไม่ได้โตเร็ว โอกาสกลายเป็นเนื้อร้ายพบได้น้อย การตรวจแยกโรคว่าเป็นมะเร็งหรือเนื้องอก จะต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยหลายวิธี อาจจะใช้การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง การฉายภาพรังสีการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็ก การตรวจระดับฮอร์โมน และการตรวจด้วยการส่องกล้องเข้าไปในช่องท้อง เพื่อตรวจดูลักษณะก้อนทูม อาการของก้อนถุงน้ำรังไข่อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ที่พบมักจะปวดหน่วงท้องน้อย อาการเบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย ปัสสาวะผิดปกติ การรักษาในกรณีที่อายุน้อยและยังต้องการมีบุตรมักจะต้องใช้การผ่าตัดเพื่อเลาะถุงน้ำออก แต่โอกาสเกิดเป็นอีกมีได้ การให้ยาก่อนหรือหลังผ่าตัดจะช่วยให้การผ่าตัดได้ดีขึ้นและช่วยรักษารอยโรคนี้บริเวณอื่นด้วย ยาที่ใช้มีหลายประเภท ราคา ผลดี และผลข้างเคียงแตกต่างกัน การให้ยามักจะทำให้ถุงน้ำเล็กลงได้บ้างแต่มักจะไม่สามารถทำให้ยุบลงหมด โรคนี้อาจจะมีผลต่อการมีบุตรได้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่เป็นโรคนี้แล้วจะไม่สามารถมีบุตรได้เอง หลังการรักษาโรคนี้แล้วโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการมีบุตรจะสูงใน 6 เดือนแรก
ส่วนในเรื่องของการให้ยานั้นมีหลายชนิดที่สามารถให้ได้สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมเฉพาะกับบุคคลค่ะ เนื่องจากจะมีอาการข้างเคียงแตกต่างกันแต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับลักษณะและอาการ ความรุนแรงที่เป็นด้วยค่ะ การให้ยาจึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของสูติ-นรีแพทย์ และจะขึ้นอยู่กับว่าเป็นอะไร และเป็นมากน้อยเพียงไรค่ะ


สำหรับเรื่องช็อคโกแลตซีสต์นั้น สาเหตุเกิดจากการที่เยื่อบุโพรงมดลูก (ซึ่งมีหน้าที่ผลิตประจำเดือน) เกิดไปเจริญผิดที่ (endometriosis) เช่น ไปอยู่ตามรังไข่ เกิดเป็นถุงน้ำที่มีของเหลวคล้ายประจำเดือนอยู่ข้างใน เรียกว่า chocolate cyst หรืออาจไปอยู่บริเวณอื่น เช่น ภายในกล้ามเนื้อของมดลูก ฯลฯ


เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หมายถึง การที่มีเซลล์เหมือนเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งจะเลี้ยงตัวอ่อนเวลาตั้งครรภ์หรือหลุดออกมากับเลือดเวลามีประจำเดือน เมื่อมันไปขึ้นผิดที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านของร่างกายบริเวณนั้นทำให้มีอาการเหมือนอักเสบคือ ปวด

นอกจากนี้ มันมีการเปลี่ยนแปลงมีเลือดออกทุกเดือนเมื่อถึงเวลาเวลามีประจำเดือนเลือดจะแทรกตัวขังอยู่ในอวัยวะที่มันเกาะทำให้เป็น cyst เกิดขึ้นที่เรียกว่า chocolate cyst มักเกิดในรังไข่แต่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่จะเกิดที่อื่นก็ได้ เช่น เมื่อเกิดขึ้นในเนื้อมดลูกเองอาจจะทำให้มีอาการปวดรุนแรงมาก และทำให้มดลูกโต และประจำเดือนมามากผิดปกติได้ ปกติถ้าแก้ไขอาการปวดมักจะใช้วิธีการรักษาทางยาได้ แต่สำหรับคนที่มีปัญหามีบุตรยากและต้องการมีบุตร การรักษาทางยามักจะขัดขวางการตกไข่และการตั้งครรภ์

นอกจากนี้ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เองทำให้ก่อปัญหาเรื่องมีบุตรยากขึ้นมาได้เช่นการก่อให้เกิดพังผืดและการมีก้อนที่ มดลูก ความเครียดจากการปวดท้อง และการตกไข่ไม่ปกติ จึงมีความจำเป็นที่จะใช้วิธีการผ่าตัดมาช่วย

รอบประจำเดือน
ในระหว่างรอบประจำเดือน เยื่อบุมดลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ คือ ปกติใน 1 รอบประจำเดือน จะยาว ประมาณ 28 วัน
(ซึ่งอาจสั้นหรือยาวกว่านี้ ในแต่ละบุคคล) เรานับวันที่มีประจำเดือนหมด คือ ประมาณวันที่ 5 รังไข่จะผลิตฮอร์โมนเพศสตรีมากระตุ้น เยื่อบุมดลูกให้เจริญและหนาตัวขึ้นมีเส้นเลือดนำอาหารมาเลื้ยงมากขึ้นเพื่อ เตรียมรับการตั้งครรภ์
ประมาณวันที่ 14 ของรองเดือน เยื่อบุมดลูกจะหนากว่าระยะเริ่มต้นถึง 10 เท่า และช่วงนี้จะมีการตกไข่ ไข่จะถูกจับ
เข้าไปในท่อนำไข่ และถ้าได้ผสมกับเชื้ออสุจิ ก็จะเคลื่อนเข้าไปในมดลูกและฝังตัวอยู่ในเยื่อบุมดลูก
ถ้าไข่ไม่ถูกผสม มันจะเคลื่อนผ่านท่อนำไข่เข้าไปในมดลูกแล้วสลายตัวไป ระดับฮอร์โมนก็จะลดลงแล้วมี การลอกหลุดตัว
ของเยื่อบุมดลูกกลายเป็นประจำเดือนออกมาในประมาณวันที่ 28 ของรอบเดือนแล้วก็เริ่มต้น รอบเดือนใหม่ เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ

เยื่อบุมดลูกขึ้นผิดที่คือภาวะเนื้อเยื่อซึ่งมีลักษณะและการเปลี่ยนแปลงเหมือนเยื่อบุมดลูกไปเจริญขึ้นที่อื่น
นอกโพรงมดลูกเชื่อว่าเกิดจากเยื่อบุมดลูกหลุดออกไปตามท่อนำไข่ขณะมีประจำเดือนแล้วไปเจริญเติบโตในอวัยวะต่าง ๆ
คือ รังไข่, ท่อนำไข่ ฝังด้านนอกของมดลูก, ลำไส้ และอวัยวะอื่น ๆ ในช่องเชิงกราน
มันอาจจะไปขึ้นที่ใด ๆ ก็ได้ในช่องท้อง แล้มีการเปลี่ยนแปลงในรอบเดือนเหมือนกับที่อยู่ในผนังโพรง
มดลูก ดังนั้นเมื่อถึงคราวที่เยื่อบุมดลูกซึ่งขึ้นผิดที่ก็จะมีการหลุดลอกและมีเลือดออกเช่นกัน แต่เลือดประจำเดือนยัง มีทางออกทางช่องคลอด ส่วนเลือดจากเยื่อบุมดลูกขึ้นผิดที่ไม่มีทางออก จึงทำให้เกิดปฏิกิริยาในร่างกาย 2 อย่างคือ
1. เกิดลักษณะการอักเสบและสร้างเยื่อพังผืดขึ้นมาล้อมรอบ
2. เลือดนั้นถูกดูดซึมกลับเข้าระบบไหลเวียนโลหิตใหม่
ปรากฏการณ์จะเป็นอย่างนี้ทุก ๆ เดือนและเกิดปฏิกิริยาเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีเลือดออกพร้อมกับการมีประจำเดือน

ทำให้มีเยื่อพังผืดหนาตัวขึ้นเรื่อย ๆ ในอุ้งเชิงกราน บางครั้งถุงเลือดที่มีอยู่เดิมแตกออกทำให้เลือดและเยื่อบุมดลูก
กระจายไปเจริญขึ้นในที่อื่น ทำให้เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การมีพังผืดยึดอวัยวะต่าง ๆ มากนี้เป็นผลให้
การตกไข่ออกจากรังไข่เป็นไปไม่ดีหรือไม่ได้ และท่อนำไข่ก็ไม่สามารถทำงานในการจับไข่เข้าไปได้
เพราะมีการยึดรั้งจากพังผืดหรือทำให้ท่อนำไข่ตีบตัน






Create Date : 15 มิถุนายน 2550
Last Update : 15 มิถุนายน 2550 15:51:53 น. 18 comments
Counter : 1746 Pageviews.

 
เพิ่งเป็นโรคนี้ค่ะ ตกใจมากเลย

ขอบคุณที่แปะไว้ให้อ่านนะคะ


โดย: ภัท IP: 58.136.100.137 วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:43:07 น.  

 
เพิ่งไปผ่าตัดมาคะเพราะว่ามันแตกทรมานมากกกกก


โดย: aew IP: 202.91.19.205 วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:21:47:40 น.  

 
ได้ความรู้มาก ขอบคุณสำหรับรายละเอียดข้อมูลนะครับ เป็นประโยชน์มากเลย


โดย: rainrit IP: 202.149.99.114 วันที่: 30 สิงหาคม 2551 เวลา:12:18:48 น.  

 
ดิฉันเป็นพังผืดที่ผนังมดลูกทานยาEctopal 6 เดือน ปรากฎว่าประจำเดือนมาตามปกติคุณหมอบอกว่าทานยาแล้วไม่ได้ผลถ้าได้ผลประจำเดือนต้องไม่มา ปกติทาน3เวลา คุณหมอจึงเพิ่งให้ทานก่อนนอนอีก บางครั้งดิฉันลืมทานยาค่ะ (หรือเพราะลืมทานยาหรือเปล่าจึงไม่ได้ผลคะ)จะหลีกเลี่ยงการผ่าตัดต้องทำยังไงค่ะ


โดย: เดือนฉาย IP: 117.47.40.94 วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:23:03:05 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อเมูลดีๆ เพิ่งไปเอาออกมา แต่ผ่าแบบส่องกล้องค่ะ จะได้เอาข้อมูลนี้ไปปฤิบัติตามด้วย


โดย: แอม IP: 202.91.18.194 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:14:14:21 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อเมูลดีๆ เพิ่งไปเอาออกมา แต่ผ่าแบบส่องกล้องค่ะ จะได้เอาข้อมูลนี้ไปปฤิบัติตามด้วย


โดย: แอม IP: 202.91.18.194 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:14:14:25 น.  

 
ตอนนี้เป็นช๊อคโกแลตซีสต์เหมือนกันค่ะ เพิ่งตรวจพบว่าเป็นมา 4 เดือนแล้ว
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ครบ 4 เดือนพอดี ก่อนหน้านี้มีอาการปวดท้องมาก และพบว่ามีเลือดออกอีกด้วย เลยไปหาหมอเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งความจริงแล้วกะว่าจะรอให้ครบ 6 เดือนถึงจะไปหาอีกที บังเอิญเกิดปวดท้องมากเลยตัดสินใจไปหา หมอขอซาวด์ดูเพราะรู้สึกว่ามดลูกใหญ่เหมือนคนท้อง 3 เดือน ปรากฏว่าเจอซีสต์ 2 ก้อน ก้อนนึงประมาณ 5X8 เซน นี่ก็บอกว่าให้ไปผ่าเมื่อเราพร้อม อยากรู้ว่า ขณะนี้ที่รอผ่าอยู่ตอนนี้ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หรือเปล่า ถ้ามีจะเป็นอันตรายมั้ย นี่ก็ว่าจะไปผ่าเดือนหน้านี้แล้วเพราะว่ากลัวมันจะแตก รู้สึกว่ามันโตเร็วมากเลย


โดย: โอ๋ IP: 125.25.18.63 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:26:35 น.  

 
เพิ่งตรวจ11/5/09ค่ะ ตกใจมากเลย เพราะครอบครัวไม่มีใครเป็น และก็กังวลเรื่องมีบุตรอยากในอนาคตด้วยค่ะ เพราะตอนนี้เพิ่ง25 ปี กังวลว่าพอถึงเวลาแล้วจะไม่มีลูกค่ะ เพราะคุณหมอก็ให้ยาคุมกำเนิดมาลองทานดู 9-10 เดือน เหมือนกัน


โดย: kat IP: 203.148.162.198 วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:57:30 น.  

 
เป็นสองฝั่งบองปีกมดลูก 4cm.และ5cm.รักษาโดยฉีดยา ลดลงฝั่งละ 1 cm.รักษามา 1 ปีแล้วค่ะกังวลมากกลัวไม่มีลูกค่ะ อายุ23เองค่ะ


โดย: nan IP: 58.8.93.123 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:41:08 น.  

 
ตอนกำลังรอผ่าค่ะ กังวลมาก
อยากรู้ว่า ขณะนี้ที่รอผ่าอยู่ตอนนี้ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หรือเปล่า ถ้ามีจะเป็นอันตรายมั้ย


โดย: aom IP: 202.176.113.29 วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:0:34:41 น.  

 
ผ่าตัดครั้งแรก ตอนอายุ 28 ปีกมดลูก 2 ข้างค่ะ ขนาดประมาณ 3.6x2.6 และ 2.7x2.2 ตอนนี้อายุ 30 ตรวจพบอีก ขนาด 7.5x3.5 ปวดจนหน้ามืดไปเลย ต้องขึ้นเขียงอีกครั้งแล้วค่ะ ครั้งแรกใช้วิธีส่องกล้องแต่อยากทราบว่าด้วยขนาด cyst ที่ใหญ่ขึ้นวิธีส่องกล้องจะใช้ได้มั้ยคะ


โดย: Joicy IP: 192.168.50.69, 58.8.101.166 วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:19:25:33 น.  

 
ขอบคุณมากครับ


โดย: leo IP: 110.164.91.35 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:30:15 น.  

 
ขอบคุรค่ะสำหรับข้อมูล พึ่งตรวจเจอค่ะ ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ด้วย


โดย: Pote Mom IP: 124.121.250.162 วันที่: 16 สิงหาคม 2553 เวลา:22:04:45 น.  

 
เป็นเหมือนหลายๆคนค่ะ แต่หมอไม่ยอมผ่าให้เพราะแพ้ยาหลายขนานเหมือนกัน เป็นๆหายๆตอนนี้เป็นตรงปีกมดลูกข้างขวา หมอก็ให้กินฮอร์โมนเหมือนเดิม(เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสี่เซ็นต์ครึ่ง)ก็ลุ้นให้ฝ่ออยู่ค่ะ


โดย: yaitook IP: 222.123.201.155 วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:12:21:15 น.  

 
เราก็เป้นค่ะ เป็นตั้งแต่อายุ 18 ผ่าตัดมาแล้ว 3 ครั้ง ตอนนี้หมอใช้วิธีฉีดยาคุมอยู่ แต่ผลข้างเคียงคือจะมีลูกยาก เลยไม่รู้จะทำไงดี เพราะตอนนี้อายุก็แค่ 22


โดย: Cin IP: 125.24.113.122 วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:16:12:40 น.  

 
เคียผ่าตัดมาแล้ว แต่หลังผ่าตัดมา1ปี ไม่กล้าไปตรวรเพิ่ม กลัวจะเป็นอีกข้าง


โดย: หมิง IP: 115.84.92.229 วันที่: 8 ธันวาคม 2553 เวลา:10:00:07 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลดี ๆ ตอนนี้เครียดมากเลย เจออยู่ปีกมดลูกข้างขวา ขนาด 3 cm จะผ่าได้ใหม่ค่ะ


โดย: แป๊ว IP: 192.168.3.253, 223.207.90.122 วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:23:30:38 น.  

 
หนูมีประจำเดือนกระปิดกระปอยเป็นสีชอคโกแลต มีไม่มากค่ะเป็นมา 8 วันแล้ว แต่เพิ่งปวดท้องมา 2 วัน แบบนี้เรียกว่าเป็นโรคนี้หรือป่าวคะ


โดย: แก้ว IP: 180.180.189.129 วันที่: 10 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:11:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

looknava
Location :
พระนครศรีอยุธยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




where'ever your go, go with all your heart
+++++++++++++++
Who never made a mistake never made a discovery
+++++++++++++++
ความรักที่แท้จริงก็เหมือนกับเกมจิ๊กซอร์ ชิ้นส่วนทั้งหมดจะสามารถค้นพบตัวเองได้ก็ต่อเมื่อแต่ละชิ้นสามารถหาชิ้นที่"ใช่"สำหรับตัวมันเอง
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
15 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add looknava's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.