ธันวาคม 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
3 ธันวาคม 2559

'ทูลกระหม่อมพ่อ' ต้นแบบของ 'สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ'









ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ไม่ว่าแห่งหนตำบลหรือภูมิภาคใด การเดินทางทุลักทุเลสักเพียงไหน หากเพียงแต่ “ทูลกระหม่อมพ่อ” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงงาน

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หรือ “ทูลกระหม่อมน้อย” มักตามเสด็จด้วยพระราชปณิธานที่ตั้งมั่นบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร

ย้อนกลับไปเมื่อยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงได้พระฉายาจากทูลกระหม่อมพ่อว่า “สลาตัน” เพราะทรงวิ่งเร็วและซนมาก และมีพระนามลำลองว่า “น้อย”

ครั้งหนึ่งพระองค์ไม่ยอมบรรทม ทูลกระหม่อมพ่อจึงทรงอุ้มสมเด็จพระเทพฯ ไว้ในอ้อมพระกรข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างนั้นทรงอิเล็กโทน เพลงพระราชนิพนธ์ Lullaby ในที่สุดสลาตันของทูลกระหม่อมพ่อก็ทรงผล็อยหลับไป

สมเด็จพระเทพฯ ใฝ่พระราชหฤทัยในการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ทรงซึมซับพระนิสัยใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาจากทูลกระหม่อมพ่อ โปรดปรานการเรียนรู้ มีพระปรีชาและสนพระทัยในการเรียนวิชาการหลากหลายแขนง

โปรดการเขียนบทกลอนมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และแสดงความรักนต่อพระราชบิดา ผ่านบทประพันธ์อย่างได้ซาบซึ้ง ยกตัวอย่างประพันธ์เรื่อง บิดา ปี 2510 ความว่า

“อันบิดาเป็นผู้ให้กำเนิด แสนประเสริฐเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่
ทั้งเลี้ยงดูอบรมบ่มจิตใจ เพื่อจะให้ลูกยาพาเจริญ
อันพระคุณท่านนั้นมากล้นเหลือ ลูกที่เชื่อคำท่านน่าสรรเสริญ
คุณบิดานั้นมีมากเหลือเกิน ขอให้ท่านยิ่งเจริญทุกคืนวัน”

เรื่องราวเมื่อครั้งทรงพระเยาว์เรียงร้อยผ่านหนังสือสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเทพฯ ตรัสเล่าถึงกิจวัตรประจำวันพระราชโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์ ที่ต้องทรงปฏิบัติตามตารางเวลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างเคร่งครัด

“…เช้าต้องดูหนังสือ กินข้าวแล้วเดินไปโรงเรียน ตอนบ่ายกลับมาขึ้นเฝ้าฯ ให้ท่านเห็นหน้าเห็นตา บ่ายสองสามโมง ออกอากาศ (เดินเล่น) ห้าโมงขึ้นมากินข้าวเย็น ทุ่มหนึ่งก็เข้านอน…”

สมเด็จพระเทพฯ ตามเสด็จทูลกระหม่อมพ่อไปยังท้องถิ่นทุรกันดาร ถวายงานอย่างใกล้ชิด ทรงใฝ่พระทัยแบ่งเบาพระราชกรณียกิจทรงงานต่าง ๆ สนองพระเดชพระคุณอย่างวิริยอุตสาหะ

ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช องค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักเพื่อปวงชนชาวไทย

ด้วยพระอัจฉริยภาพด้านวรรณกรรมของพระองค์ เรื่องราวความประทับใจต่อทูลกระหม่อมพ่อ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ จึงได้รับการถ่ายทอดสู่บทประพันธ์หลายต่อหลายครั้ง

ดังเช่นตอนหนึ่งของพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง เดินตามรอยเท้าพ่อ ความว่า

“ฉันเดินตามรอยเท้าอันรวดเร็วของพ่อโดยไม่หยุด ผ่านเข้าไปในป่าใหญ่ น่ากลัว ทึบ แผ่ไปโดยไม่มีที่สิ้นสุดมืดและกว้าง มีต้นไม้ใหญ่ เหมือนหอคอยที่เข้มแข็ง

พ่อจ๋า…ลูกหิวจะตายอยู่แล้วและเหนื่อยด้วย ดูซิจ๊ะ…เลือดไหลออกมาจากเท้าทั้งสองที่บาดเจ็บของลูก ลูกกลัวงู เสือ และหมาป่า พ่อจ๋า…เราจะถึงจุดหมายปลายทางไหม?”

“ลูกเอ๋ย…ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอกที่มีความรื่นรมย์และความสบายสำหรับเจ้า ทางของเรามิได้ปูด้วยดอกไม้สวยสวย จงไปเถิด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งบีบคั้นหัวใจเจ้า

พ่อเห็นแล้วว่า หนามตำเนื้ออ่อนอ่อนของเจ้า เลือดของเจ้าเปรียบดั่งทับทิมบนใบหญ้าใกล้น้ำ น้ำตาของเจ้าที่ไหลต้องพุ่มไม้สีเขียวเปรียบดั่งเพชรบนมรกตที่แสดงความงามเต็มที่เพื่อมนุษยชาติ…

จงอย่าละความกล้าเมื่อเผชิญกับความทุกข์…ให้อดทนและสุขุม และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า ไปเถิด…ถ้าเจ้าต้องการเดินตามรอยเท้าพ่อ”

ธ ทรงศาสตร์ ทรงศิลป์ แสดงพระอัจฉริยภาพทางวรรณกรรมและการดนตรีเจริญรอยตามพระราชบิดา โดยเฉพาะพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีทรงเป็นที่ประจักษ์ชัด

ได้รับการยกย่องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย ประเภทต่าง ๆ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงดนตรีสากลโดยเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่พระชนมายุ 10 พรรษา

และทรงฝึกประเภทเครื่องเป่าจากทูลกระหม่อมพ่อ กระทั่ง ทรงทรัมเปตโซโลวงดุริยางค์ในงานคอนเสิร์ตสายใจไทย และทรงระนาดฝรั่งนำวงดุริยางค์ในงานกาชาดคอนเสิร์ต

พระองค์เสด็จพระราชดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาททูลกระหม่อมพ่อ ปฏิบัติพระราชภารกิจต่างๆ จนกลายเป็นภาพเจนตาของปวงชนชาวไทย แม้กระทั่งอิริยาบถก็ถอดแบบอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเป็นต้นว่า

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในอิริยาบถทรงสะพายกล้องถ่ายรูป พระหัตถ์ถือปากกาจดบันทึก เฉกเช่นเดียวกันกับพระอิริยาบถพระราชธิดาพระองค์ที่ 2 พระองค์นี้

ทรงเจริญรอยตามและน้อมนำแบบอย่างการทรงงานของทูลกระหม่อมพ่อ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันก่อประโยชน์แก่ประเทศชาติและราษฎรตลอดมา

สมเด็จพระเทพฯ ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระอัจฉริยภาพและพระราชจริยวัตรอันงดงามเป็นที่ประจักษ์ ตามเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ทรงพระเยาว์

เยี่ยมเยียนราษฎรทั่วทุกภูมิภาค ประกอบพระราชกรณียกิจต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาทพระราชบิดา ดังเช่นผู้ถวายงานใกล้ชิด ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้กล่าวไว้ความว่า

“…สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงงานครอบจักรวาล พระราชกรณียกิจมีทุกด้าน ครอบคลุมวิถีชีวิตมนุษย์ ดิน น้ำ ลม ไฟ จนมีคำพังเพยที่มักพูดกันถึงการทรงงานของพระองค์ว่า ทรงดูแลตั้งแต่ครรภ์มารดาไปถึงเชิงตะกอน...”

“....พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นอย่างไร สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นอย่างนั้น ทรงถอดแบบทูลกระหม่อมพ่อมาทุกอย่าง…”

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ในพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

ภาพแห่งความทรงจำตราตรึงใจพศกนิกรไทยทั่งแผ่นดิน สมเด็จพระเทพฯ ตรัสเล่าว่า “พ่อดุเรา”

ภาพเบื้องหน้าพสกนิกรนับแสนชีวิตสวมเสื้อสีเหลืองเดินทางมาเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก

แต่หนึ่งในนั้นปรากฏภาพภาพของสมเด็จพระเทพฯ ทรงยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาทรงฉายจากด้านหลังที่ประทับของ ในหลวง รัชกาลที่ 9

สมเด็จพระเทพฯ เคยรับสั่งเกี่ยวกับภาพนี้ต่อนักข่าวความว่า ทูลกระหม่อมพ่อทรงตำหนิว่าทำตัวเหมือนเด็ก กระนั้น พระองค์ทรงพระสรวลอย่างมีความสุข

"พ่อดุเรา บอกให้เราไปถ่ายที่อื่น ให้เราสำรวม และให้ไปบอกคนข้างหลังให้เงียบ ๆ ด้วย"

ทั้งนี้ พระองค์ได้พระราชทานสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือเทิดพระเกียรติในหลวงของเรา ฐานะที่ทรงเป็นราชเลขาส่วนพระองค์ และตามเสด็จถวายการรับใช้อย่างใกล้ชิด ความว่า..

“…ทูลกระหม่อมพ่อจะพระราชทานคำแนะนำในทุกด้านที่ไปทูลถาม เพราะทรงทราบทุกเรื่อง นอกจากนั้นยังทรงสนับสนุนในการค้นคว้าหาความรู้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือทรงสนับสนุนให้ใช้ความคิดในทุกด้าน

“..ไม่เคยทรงเบื่อที่จะฟังการออกความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ จะทรงช่วยวิจารณ์ความคิดนั้น ๆ และพระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมด้วย…

“ทูลกระหม่อมพ่อจะทรงใช้ในงานจิปาถะต่างๆ ไม่ได้มีหน้าที่แน่นอน นอกจากได้สนองพระเดชพระคุณในการคอยดูแลสอดส่องทุกข์สุข และให้กำลังใจประชาชน คอยดูแลในด้านงานอาชีพ 

“…สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่โปรด คือ การกระทำที่ผิดทำนองคลองธรรม ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ต่อประชาชนชาวไทย

“…เวลาที่ทรงพระสำราญ คือ เวลาที่เสด็จฯ ออกวางโครงการพัฒนาประเทศ และเห็นว่าพระราชดำริคงจะมีประโยชน์ต่อประชาชนในเวลาที่เห็นผลจากโครงการต่างๆ 

“อีกประการหนึ่งคือ การที่ได้ทอดพระเนตรเห็นประชาชนมีน้ำใจต่อท่านและประชาชนด้วยกัน ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะมีส่วนช่วยพระองค์ท่านได้ โดยการช่วยตัวเอง ช่วยเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ มีความรักความสามัคคีกัน ทำตนเป็นพลเมืองดี เห็นแก่ชาติบ้านเมือง..”  

"ทรงพระเจริญ"

ขอบคุณ MGR online




Create Date : 03 ธันวาคม 2559
Last Update : 3 ธันวาคม 2559 11:55:37 น. 0 comments
Counter : 808 Pageviews.  

Letalia
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add Letalia's blog to your web]