|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ชาติมหาอำนาจรัสเซีย
ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 รัสเซียเพิ่งเริ่มปฏิรูปประเทศให้เป็นแบบยุโรปตะวันตก โดยมีผู้นำคนสำคัญ คือ พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ รัสเซียให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปด้านการทหาร ทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลสองประการ คือ
ประการแรก รัสเซียถูกล้อมด้วยประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและเอเชีย ประการที่สอง รัสเซียมีความปรารถนาที่จะหาทางออกทางทะเล แต่ขณะนั้นตุรกีแห่งอาณาจักรออตโตมัน มีอำนาจอยู่ทางตอนใต้บริเวณทะเลดำ ส่วนทางเหนือสวีเดนครอบครองพื้นที่ออกสู่ทะเลบอลติก ทางด้านตะวันตกมีโปแลนด์ที่ตั้งขวางเส้นทางบกจากรัสเซียไปสู่ยุโรปตะวันตก
โอกาสของรัสเซียเริ่มต้นด้วยการทำสงครามกับตุรกี เมื่อ ค.ศ. 1695 ในนามของสันนิบาตอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อครอบครองเมืองเอซอฟบริเวณปากแม่น้ำดอน ซึ่งเป็นเมืองออกสู่ทะเลดำ ครั้งแรกรัสเซียยึดเมืองนี้ไม่ได้ พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 จึงทรงปฏิรูปกองทัพ อย่างจริงจังโดยจ้างทหารจากยุโรปตะวันตกมาฝึกฝน ทำให้กองทัพรัสเซียมีความเข้มแข็งจนยึดเมืองเอซอฟได้ในปีถัดไป ชัยชนะเหนือตุรกีในครั้งนี้ทำให้พระเจ้าปีเตอร์ทรงตระหนักถึงความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการของชาวยุโรปตะวันตก พระองค์จึงโปรดให้ส่งเด็กหนุ่มชาวรัสเซียไปศึกษาที่ยุโรปและปรับปรุงประเทศเป็นแบบยุโรปตะวันตก
พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 ทรงวางแผนทำสงครามกับสวีเดนเพื่อครอบครองดินแดนชายฝั่งบอลติก พระองค์จึงผูกมิตรกับโปแลนด์ ซึ่งเป็นศัตรูเก่าและเดนมาร์กที่มีความขัดแย้งกีบสวีเดนมาแต่เดิม ในที่สุดรัสเซียจึงทำสงครามกับสวีเดน ที่เรียกว่าสงครามแห่งภาคเหนือ ในระยะแรกสวีเดนได้เปรียบในสงคราม แต่ต่อมารัสเซียใช้วิธีเมื่อยึดดินแดนสวีเดนได้บางส่วนแล้วสร้างป้อมปราการขึ้นในปี 1703 เพื่อใช้เป็นที่บัญชาการรบ อย่างไรก็ตามขณะที่รัสเซียทำสงครามกับสวีเดน รัสเซียได้เสียเมืองเอซอฟคืนให้กับตุรกีซึ่งเป็นพันธมิตรของสวีเดน ส่วนสวีเดนทำสงครามกับรัสเซียต่อไปจนถึงปี 1721 สงครามจึงยุติลงโดยสวีเดนเสียดินแดนชายฝั่งทะเลบอลติกให้กับรัสเซีย ทำให้รัสเซียมีดินแดนติดทะเลบอลติกตามความใฝ่ฝัน และมีผลให้รัสเซียก้าวขึ้นมามีอิทธิพลในยุโรปโดยเข้าไปแทรกแซงการเมืองภายในโปแลนด์ เช่น สนับสนุนชาวโปล์ ที่นิยมรัสเซียขึ้นเป็นกษัตริย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญก่อให้เกิดสงครามชิงราชสมบัติโปแลด์ระหว่าง ค.ศ. 1733-1735 โดยรัสเซียรบชนะฝรั่งเศส ทำให้รัสเซียสามารถสถาปนาชาวโปล์ผู้นิยมรัสเซียเป็นกษัตริย์ได้สำเร็จ นอกจากนี้รัสเซียยังขยายอิทธิพลเข้าไปในแคว้นเยอรมันทางตอนเหนือ ในฐานะมหาอำนาจในทะเลบอลติกแทนสวีเดนที่หมดอำนาจลง
ภายหลังรัชกาลพระเจ้าปีเตอร์มหาราช จักรพรรดิรัสเซียองค์ต่อๆ มาไม่อาจสร้างเกียรติภูมิให้กับประเทศได้ดังแต่ก่อน เช่น การที่รัสเซียเข้าร่วมสงครามเจ็ดปีระหว่าง ค.ศ. 1756-1763 เพราะไม่ต้องการให้ปรัสเซียมีอำนาจและต้องการแย่งชิงดินแดนทางตะวันออกของปรัสเซีย รัสเซียจึงร่วมมือกับออสเตรียและฝรั่งเศสโจมตีปรัสเซียหลายครั้งแต่กองทัพรัสเซียกลับเป็นฝ่ายแพ้ต้องล่าถอย แต่ภายหลัง ค.ศ. 1762 รัสเซียเปลี่ยนรัชกาลซึ่งจักรพรรดิรัสเซียองค์ใหม่ ทรงเป็นมิตรกับปรัสเซีย แต่ทรงเป็นศัตรูกับออสเตรียและฝรั่งเศส ผู้นำรัสเซียองค์ต่อมาไม่มีนโยบายทำสงครามกับปรัสเซีย แต่มุ่งปรับปรุงประเทศดังเช่น พระนางแคเธอรีนมหาราชที่ขึ้นครองราชย์ เมื่อ ค.ศ. 1762 ได้ทำการปฏิรูปการปกครอง กฎหมายและสังคม พระนางทรงปฏิรูปการศึกษาและจัดการสังคมสงเคราะห์ เช่น การศึกษาสตรี ตั้งโรงเลี้ยงเด็กกำพร้า ปฏิรูปเศรษฐกิจและการค้า การแพทย์ ส่วนนโยบายด้านการต่างประเทศ พระนางแคเธอรีนมหาราชปรารถนาที่จะผนวกโปแลนด์เข้าเป็นของรัสเซีย อีกทั้งยังพยายามแย่งชิงดินแดนบริเวณทะเลดำจากตุรกีเพื่อความเป็นชาติมหาอำนาจในยุโรป โดยพระนางได้ใช้ทั้งกำลังทหารเข้ายึดโปแลนด์ และใช้วิธีทางการทูตเจรจากับปรัสเซียกับออสเตรียเพื่อแบ่งโปแลนด์ ในที่สุดเมื่อ ค.ศ. 1772 ปรัสเซีย ออสเตรียและรัสเซียจึงได้ดินแดนบางส่วนของโปแลนด์ผนวกเข้ากับดินแดนของตน สำหรับรัสเซียนั้นได้ดินแดนบางส่วน เช่น ลิทัวเนียและดินแดนลุ่มน้ำดนีเปอร์ซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซียและนับถือคริสต์ศาสนานิกายกรีกออร์เธอร์ดอกซ์ ขณะนั้นชาวโปล์พยายามต่อต้านอำนาจรัสเซียแต่ไม่สำเร็จ เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงในยุโรปเนื่องจากการปฏิวัติใหญในฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ. 1789 ทำให้ออสเตรีย ปรัสเซียหันไปทำสงครามกับฝรั่งเศส โดยปล่อยให้รัสเซียส่งกองทัพบุกโปแลนด์และปราบปรามชาวโปล์ผู้รักชาติอย่างรุนแรง เมื่อปี 1796 จากนั้นจึงร่วมกันแบ่งโปแลนด์โดยรัสเซียได้ดินแดนส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่านโยบายของพระนางแคเธอรีนมหาราชเกี่ยวกับโปแลนด์ประสบความสำเร็จ แต่ยังเหลือดินแดนบริเวณทะเลดำเพียงด้านเดียว ที่รัสเซียต้องยึดครองให้ได้
วิธีการที่พระนางแคเธอรีนแย่งชิงดินแดนบริเวณทะเลดำคือ การทำสงครามกับตุรกี โดยอ้างสาเหตุที่ตุรกีช่วยกลุ่มชาวโปล์ผู้รักชาติ ต่อสู้กับรัสเซีย ตั้งแต่ ค.ศ. 1771 สงครามระหว่างรัสเซียกับตุรกีในรัชกาลของพระนางจึงเริ่มต้นและยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน ขณะเดียวกันรัสเซียได้ใช้วิธีทางการทูต เช่น เจรจาเป็นพันธมิตรกับออสเตรียเพื่อร่วมรบกับตุรกี ในที่สุดสงครามยุติลงในปี 1792 โดยตุรกีเป็นฝ่ายแพ้ต้องยอมรับว่าดินแดนไครเมียในบอลข่านเป็นของรัสเซีย และต้องยกดินแดนต่างๆ ในลุ่มน้ำดนีเปอร์ให้รัสเซีย
ผลงานของพระนางแคเธอรีนมหาราชทำให้รัสเซียบรรลุความปรารถนาที่มีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช คือ ทำให้จักรวรรดิรัสเซียมีทางออกทางทะเลบอลติกและทะเลดำที่มีทางออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 รัสเซียซึ่งเดิมเป็นเพียงชาติล้าหลังที่มีที่ตั้งอยู่ทางยุโรปตะวันออกได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจแห่งหนึ่งในยุโรป
Create Date : 07 ธันวาคม 2552 |
|
24 comments |
Last Update : 7 ธันวาคม 2552 20:31:56 น. |
Counter : 5699 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: piras 8 ธันวาคม 2552 9:33:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: da IP: 203.144.144.164 7 กุมภาพันธ์ 2553 1:29:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 27 มิถุนายน 2553 0:49:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: Ananas99 27 มิถุนายน 2553 9:21:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: nootikky 27 มิถุนายน 2553 9:51:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: nuyect 27 มิถุนายน 2553 10:56:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: artsong 27 มิถุนายน 2553 12:24:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 27 มิถุนายน 2553 16:24:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: nootikky 29 มิถุนายน 2553 20:48:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 29 มิถุนายน 2553 23:52:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 12 กรกฎาคม 2553 13:31:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: 321... IP: 182.53.175.109 30 สิงหาคม 2554 13:47:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|