ผู้คนนับหมื่น ท่ามกลางแสงไฟสีทองรอบๆ ตัว
อีกคืนนึง ที่ตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูป และเกือบไม่ได้ถ่าย เพราะรถติดอยู่บนถนน สถานการณ์นี้ทำให้ได้รู้ว่า คนไทย ใจดีจริงๆ ขณะรถติด ตะโกนถามอาเฮียคนนึงว่าแถวนี้มีที่จอดรถมั้ย แกตะโกนกลับมาว่า แถวนี้เรอะ ไม่มีหรอก จะมีก็แต่ตรงนี้ พร้อมกับชี้ไปที่ซองจอดรถข้างๆ ตึกแถวบ้านแก เอาล่ะวุ้ย รถติดอยู่ ถอยยากจริงๆ แต่ก็ไม่น่าจะยากเกินไป เลยถอยขยับอยู่หลายจึ๊กมากๆ พร้อมกับสายตาจากรถคันอื่นๆ ที่มองมาอย่างหมั่นใส้ อิอิ รู้สึกได้ ปรากฎว่าวันนี้เราได้ที่ตั้งขา กลางสี่แยก ธ.ออมสิน บนถนนพิษณุโลก ซึ่งตอนพลุยังไม่จุด ใจก็คิดว่า พลุจะขึ้นตรงนี้เหรอ หรือเราจะเปลี่ยนที่ดีหนอ แต่ก็ไม่ได้ย้ายที่ ด้วยเกรงใจอาเฮียใจดี แกขายโอเลี้ยง เราก็เลยอุดหนุดไปหนึ่งแก้ว สิบบาทเท่านั้น เป็นโอเลี้ยงที่ชื่นใจจริงๆ แถมเก้าอี้ให้นั่งรออีกด้วยขณะนั้นสองทุ่มกว่าๆ รถติดมากที่สี่แยก ทุกคันก็พร้อมใจกันดับเครื่อง ดับไฟหน้ารถ แต่ต้องมีพวกขวางโลกแน่นอน มีซีอาร์วีคันนึงขับรูดเลนขวามา เปิดไฟหน้าสว่างไสว พร้อมไฟเลี้ยวแว๊บ แว๊บ ๆ ๆ เพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่าตรูจะไป แต่เธอไม่ได้รู้ข่าวเลยหรือ ว่าอีกไม่กี่อึดใจ จะมีพลุไซโก้ที่แสนสวยขึ้นตรงนี้ ทุกคนที่นั่นรู้สึกอึดอัดกับแสงไฟของรถคันนี้กันจริงๆ รู้สึกได้เลย เพราะมีชาวบ้านบางส่วน เอาเก้าอี้มานั่งรอชมบนถนน แต่ก็มีไฟส่องก้นอยู่ตลอด จึงนั่งกันไม่ค่อยสงบสุขเท่าไหร่ แล้วมันก็ช่างใกล้กันกับที่เราตั้งกล้องซะนี่กระไร ฮูดกันไม่อยู่แฮะ แสงเข้าด้านข้างเต็มๆ เลยอดรนทนไม่ได้ เดินไปเคาะกระจก เธอก็ลดกระจกลง เราบอกว่า พี่ๆ ช่วยปิดไฟหน้าได้มั้ย เธอตอบเรากลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า แล้วทำไมไม่เปิดช่องจราจรให้วิ่งต่อไปล่ะ อยากจะกลับบ้าน โอ้โห ช่างตอบมาได้ ถ้าตรูเสกให้รถติดๆ ข้างหน้าหายไปได้ ตรูก็อยากจะทำ แต่นี่ทุกคนพร้อมใจกันหยุด เพื่อที่จะดูพลุแห่งชาติกัน เราเลยตอบไปว่า งั้นพี่ก็มองไปข้างหน้าสิ ว่ามันไปได้หรือไม่ รถเยอะแยะ ทุกคันเค้าก็ปิดไฟ ดับเครื่อง รอชมพลุกันทั้งนั้น แสงไฟรถพี่มันส่องชาวบ้านอยู่นะ (ในใจคิดว่าแสงไฟรถเอ็งอ่ะ เข้าด้านข้างกล้องตรูเต็มๆ เลย) คุณเธอคนนั้นยังใช้น้ำเสียงหงุดหงิดตอบกลับมาว่าก็คนจะกลับบ้าน อยากจะกลับบ้าน รู้สึกเลือดเดือดปุดๆๆๆๆๆ เลยตะโกนใส่ไปเลยว่า แล้วมันไปได้มั้ยเล่า ถ้าอยากไปมากก็บินไป รีบๆไปเลย เฮ่อๆปรากฎว่าเฮียขายโอเลี้ยงสะกิดไหล่ บอกว่าใจเย็นๆ น้อง แล้วช่วยไกล่เกลี่ยให้เจ๊คนนั้นเธอหรี่ไฟหน้าลง เราเลยเดินกลับมาที่กล้อง พร้อมเลือดเดือดๆ มือสั่นๆ ตรูกำลังจะถ่ายรูปนะ มือสั่น ทำไงดี T_T อีกไม่กี่อึดใจ เสียงพลุนัดแรกก็ดังขึ้นกึกก้อง และเว้นช่วงจังหวะให้คนตั้งใจดูต่อไป แต่โอ้ล่ะหนอ มือเจ้ายังไม่หายสั่นเลย สายลั่นก็หามีไม่ แต่ก็กด กด แล้วก็กด มือกด แต่ตาดูพลุที่ฟ้า เพราะยังไงซะ มองด้วยตาตัวเองนี่แหละ สวยสด อลังการ เก็บได้ครบทุกรายละเอียดสุดๆ อยู่แล้ว เรื่องมือสั่นก็ปล่อยมันไป รู้แต่ว่ากดไม่หยุดเหมือนกัน มีขยับจัด compo บ้างก็นิดหน่อย ได้แต่รูปแนวตั้งล้วนๆ เสียงพลุ สลับกับเสียงโห่ร้องปรบมือของผู้คน สลับกับเสียงพลุดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า ช่างน่าประทับใจจริงๆตอนนั้นคิดในใจว่า ดีจัง ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ โลเกชั่นสวย บนตึกสูง ยังไงซะ ก็ไม่ได้อารมณ์อบอุ่น และเป็นหนึ่งเดียว แบบนี้แน่ๆ จนพลุลูกสุดท้ายลาจากไป เราก็เริ่มเก็บกล้อง และขาตั้งรู้สึกว่ามีคนมาสะกิดหลัง หันไป เจอหน้าเจ๊ซีอาร์วี หันไปเราถึงกับอ้าว มาทำไม เจ๊เธอบอกว่า เมื่อกี๊นี้พี่ขอโทษจริงๆ นะ ถ้าไม่ได้น้อง พี่คงไม่ได้ดูพลุที่งดงามแบบนี้แน่ๆ แต่เมื่อกี๊อยากกลับบ้านจริงๆ เป็นห่วงลูกสาวอยู่บ้านคนเดียว เราก็เออๆ ออๆ (ตบหัวแล้วลูบหลังตรูเหรอฟระ) ช่างมันเหอะ งั้นก็รีบกลับบ้านไปดูลูกละกัน โชคดีนะ ขอให้ถึงบ้านเร็วๆ เฮ่อๆ ไม่หายโกรธเฟร้ยทำตรูเลือดเดือด มือสั่น ภาพเจ๊งหมดเลย เจ๊แกไม่หยุดแฮะ มากอดไหล่เราอีกตะหาก บอกขอบคุณนะน้อง ขอบคุณจริงๆ อืมๆ รีบไปเหอะพี่ เดี๋ยวบ้านจะหาย อ๊าวว อิอิ เปล่าหรอก ก็บอกเค้าไปว่า อืมๆ ไม่เป็นไรค่ะ (ในใจคิดว่า ภาพตรูเจ๊ง แค่คำขอบคุณไม่ได้ทำให้ภาพตรูกลับคืนมาเฟร้ย ฮือๆ) แต่ก็ช่างเถอะ ทำให้เราได้รู้ว่าคราวหน้าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ จะไม่โมโหแล้วอ่ะ อยากทำไร ทำไปเหอะ จะไม่สนใจแล้วอ่ะเศร้าชะมัด แต่ความประทับใจผู้คนที่นั่น และอารมณ์ ความรู้สึกในตอนนั้น จะยังคงอยู่ต่อไปแน่นอน ขอบคุณนะคะ เฮียโอเลี้ยงที่ใจดีให้ที่จอดรถ ชี้เป้าตั้งขา และเก้าอี้นั่งรอเวลา แถมด้วยห้องน้ำก่อนกลับอีกด้วย อิอิเป็นอีกคืนนึงที่สุดยอดจริงๆ
แต่เขียนให้มีการเว้นวรรค หรือย่อหน้าบ้างก็ดีนะคะ