ชายขอบความคิด: กฎหมาย เศรษฐกิจ การลงทุน จะเป็นอย่างไร ถ้าเรามองปัญหาอย่างเข้าใจมากขึ้น และแก้ปัญหาอย่างตรงจุด?

 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
13 มิถุนายน 2554
 

ธรรมาภิบาลกับตลาดทุน

ธรรมาภิบาลกับตลาดทุน

ในสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน สิ่งหนึ่งที่ทำให้สังคมอยู่อย่างสงบได้ก็คือ “มโนสำนึก”
มโนสำนึก อยากจะอยู่ในรูปแบบของ ศีลธรรม คำสอน กฎหมาย หรืออะไรต่างๆมากมาย

ในตลาดทุนแล้ว มโนสำนึก ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ ตลาดทุนเป็นตัวอย่างที่ดีของความไม่เท่าเทียมกัน ความรู้และข้อมูลของรายย่อย ย่อมไม่มีทางตามเล่ห์เหลี่ยมและข้อมูลของผู้บริหารทัน

ดังนั้น สิ่งที่กำกับดูแล หรือจะเรียกว่า มโนสำนึกของตลาดทุนก็คือ “ธรรมาภิบาล” แม้ว่าเราจะมีกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ออกมาตั้งแต่ปี 2535 แต่กฎหมายก็ยังครอบคลุมไม่ถึงทุกด้านที่คนในวงการตลาดทุนต้องการ

ดังนั้นแล้ว กลต จึงเพิ่มกฎเกณฑ์ CG หรือ ธรรมาภิบาลขึ้นมาอีก

แต่อย่่างไรก็ตาม มโนสำนึก ไม่ใช่กฎหมาย จึงไม่มีอำนาจบังคับ

หลักนี้ ถ้าไม่มีการเอาใจใส่อย่างจริงจัง ก็เป็นเสมือน เสือกระดาษของ กลต เท่านั้นเอง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ กรณีของนายวิจิตร สุขพินิจ และบอร์ดการบินไทย

นายวิจิตร สุขพินิจ สมัยที่เป็นประธานกรรมการตลาดทุน ก็นั่งเป็นกรรมการของธนาคารทหารไทย และบริษัท GSTEEL และนั่งต่อมาจนกระทั่งเป็นประธาน กลต

บทบาทของคนที่ควบคุม และถูกควบคุม จึงอยู่ในตัวคนๆเดียว

แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าตรวจสอบตัวเอง และลุกน้องที่ไหนจะกล้าตรวจสอบบริษัทหัวหน้า?

สำหรับกรณีการบินไทยนั้น สายการบินไทยเป็นถึงสายการบินแห่งชาติ ดังนั้น เมื่อเทียบกับสายการบินอื่นแล้ว ควรเป็นที่ 1

แต่ก็ไม่ใช่ เพราะบอร์ดของการบินไทย จ่องแต่จะเอาผลประโยชน์เข้าตัว

ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ ตั๋วเครื่องบิน First Class ที่มีหลายใบ

และใครนั่งเป็นบอร์ดแล้ว ยังให้อีกตั้งหลายปี

ถ้าเกิดเอาจำนวนเงินเหล่านี้ มานับดู และแปลงเป็นรายได้ให้กับการบินไทย

การบินไทยคงจะมีกำไรเพิ่มอีกหลายเท่า หรือไม่เช่นนั้น ศักยภาพทั้งในด้านบริการ และการขนส่ง คงจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

เรื่องธรรมาภิบาลนี้ ถ้าไปดูผลสำรวจของต่างประเทศ ก็จะพบได้ว่า บริษัทไหนมีธรรมาภิบาลดี บริษัทนั้นผลประกอบการก็จะดี แต่บริษัทไหนธรรมาภิบาลแย่ ผลประกอบการก็จะแย่ตามไปด้วย

ธรรมาภิบาล จึงเป็นเสมือนเครื่องรับประกันชื่อเสียงของบริษัท และคอยสร้างความเชื่อมันให้นักลงทุน

เมื่อเทียบกับสังคมแล้ว ก็เหมือนกัน ใครที่ได้ชื่อว่่ามีธรรมภิบาลดี มีคุณธรรม คนนั้นก็จะได้รับความเชื่อถือ

โดยเฉพาะในแวดวงการเมือง ใครก็ตามที่มี Political Resposibility สูงๆ ก็ย่อมได้รับความเชื่อถือมากกว่าคนที่มีแต่ Legal Responsibility

ดังนั้นแล้ว ธรรมาภิบาลจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับตลาดทุน เพื่อที่จะสร้างความน่าเชื่อถือ และน่าลงทุนให้กับนักลงทุนรายย่อย เพื่อส่งเสริมการเติบโตและศักยภาพของตลาดทุนไทยต่อไป


Create Date : 13 มิถุนายน 2554
Last Update : 13 มิถุนายน 2554 0:06:48 น. 0 comments
Counter : 524 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

โควเมย์
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add โควเมย์'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com