เรื่องราวความรักของสองเรา - แม่ลิงเล่าเรื่อง
บุ๋มเล่าเรื่อง
เช้าวันหนึ่งเริ่มต้นขึ้นคล้ายกับวันอื่นๆ เช้าขึ้นมาเราต้องไปทำแลปที่จุฬา เข้าห้องแลป เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อกาวน์สีขาว เปิดตู้หยิบขวดสารเคมี สีต่างๆมาเทผสมกัน แล้วก็จดๆผลการทดลองลงสมุด เหมือนกับวันอื่นๆ แต่ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ เพราะเป็นวันแรกที่เราจะได้รู้จักกัน ช่วงสายของวันนั้น มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา เพื่อนเรากลับมาจากอเมริกา เพื่อนเราคนนี้ได้ทุนไปทำวิจัย 6 เดือน ที่อเมริกา (มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด) พอกลับมาก็รีบโทรมาเรียกเพื่อนๆไปรวมกลุ่มกัน เมื่อเรามาถึงจุดนัดหมาย เจ้าเพื่อนคนนี้ก็รีบเอารูปที่ไปเที่ยวมาอวด (นี่มันไปเรียนรึมันไปเที่ยวกันแน่) ดูรูปไปเรื่อยๆ สักพักเราสะดุดตากับรูปๆหนึ่ง เป็นรูปที่เพื่อนเราถ่ายตอนไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนคนไทยที่นู่น เราชี้มือไปที่รูปผู้ชายหน้าตี๋ๆคนหนึ่งแล้วถามเพื่อนเราว่า
คนนี้ใครเหรอ ทำไมอะ สนใจเหรอ เราว่า... หน้าเค้าหน้าคล้ายพ่อเราน่ะ หลังจากนั้น เพื่อนเราก็เริ่มบรรยาย ถึงพี่หน้าตี๋คนนี้ เราได้รู้ว่าเค้าชื่อพี่นนท์ เรียนฟิสิกส์ ระดับปริญญาเอก เป็นรุ่นพี่เราปีนึง นอกจากนั้นยังบอกว่าด้วยว่า ยังไม่มีแฟน และนิสัยดีมากๆ ก่อนแยกกัน เพื่อนเราบอกว่าจะส่ง mail รูปที่เหลือไปให้เราดูอีก กลับมาถึงหอ เราก็มานั่งเช็ค mail รูปที่เพื่อนเราส่งมาให้ เราเปิดรูปดูไปเรื่อยๆ แล้วก็มาหยุดอยู่ที่รูปของพี่นนท์อีก เราพยายามดูว่าพี่เค้าหน้าตาเหมือนพ่อเราตรงไหน ระหว่างที่เรากำลังเหม่อๆอยู่นั้น เสียงพลุก็ดังขึ้น ตู้ม ใจเราก็เต้นแรงขึ้น ตึกตัก ตึกตัก อืม... Love at first sight มันมีจริงแฮะ ขณะนั้นเป็นเวลา ศูนย์นาฬิกา ของวันที่ 1 มกราคม ขึ้นปีใหม่แล้วเหรอเนี่ย อืม.. ปีนึงผ่านไปเร็วจริงๆ เวลาผ่านไปเกือบอาทิตย์ เรายุ่งๆกับการเรียนและสอนพิเศษ การที่เราทั้งเรียนทั้งทำงาน มันแทบทำให้เราไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นๆเลย วันๆนึง ไม่นั่งทำการบ้านของตัวเองก็ทำการบ้านให้นักเรียน เราใช้เวลาทั้งบ่ายคิดโจทย์ฟิสิกส์ง่ายๆที่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกซะที อยู่ๆก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า การบ้านฟิสิกส์แบบนี้ ถามคนเรียนฟิสิกส์โดยตรงเลยดีกว่า เราเลย msn ไปขอ email พี่นนท์ มาจากเพื่อน ในใจก็คิดว่า ถามพี่นนท์ต้องได้คำตอบแน่นอน เพราะพี่เค้าเรียนฟิสิกส์นี่นา เรา add MSN ของพี่นนท์ไว้ แต่พี่เค้าไม่ได้ online หรอก แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะโจทย์ข้อนั้นเราก็คิดได้แล้วหละ (อิ อิ) แล้วเราก็นั่งทำงานไปเรื่อยๆ อยู่ๆเค้าก็ online ขึ้นมา (ตกใจหมด) คำแรกที่เค้าทักเราก็คือ do I know you? เอาล่ะสิ เราก็เลยไม่รู้จะตอบยังไง โจทย์ข้อเมื่อกี้ที่ว่าจะถามก็รู้คำตอบแล้วด้วย เลยได้แต่ตอบแนะนำตัวไปว่าเราเป็นเพื่อนของเพื่อนคนนั้น แล้วเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อ... แต่หลังจากวันนั้นเราก็คุยกันเรื่อยๆ ทักทายและพูดคุยสับเพเหระ ด้วยความที่เราก็ช่างจ้อ เค้าก็เป็นผู้ฟังที่ดี เราเลยคุยกันทุกวัน จนมาช่วงหนึ่งเราไม่ค่อยสบาย เค้าส่ง e-card เป็นภาพดอกไม้สีม่วงที่เค้าถ่ายเองตอนไปปีนเขามาให้เรา เป็นการ์ดใบแรกที่เราได้จากเค้า และทำให้เราเริ่มรู้สึกประทับใจในตัวเค้า ในวันวาเลนไทน์ เราก็ได้การ์ดวาเลนไทน์จากพี่เค้าอีก ถึงตรงนี้เราก็เริ่มรู้สึกได้ถึงไมตรีที่เราเริ่มจะมีให้แก่กัน
มีอยู่วันหนึ่งปลายเดือนกุมภาพันธ์ พี่นนท์ต้องไปสัมมนาที่อีกรัฐหนึ่ง พี่เค้าเลยขอเบอร์โทรศัพท์จากเรา แล้วเราก็เริ่มโทรคุยกัน เราเองก็ต่างรู้ว่ามีความรู้สึกๆดีให้แก่กัน แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้อีก (ก็เราเป็นผู้หญิงนะ) เป็นอย่างนี้อยู่สามเดือน พี่นนท์ก็เอ่ยปากถามว่า เพื่อนพี่ถามว่าพี่มีแฟนรึยัง จะให้ตอบว่าไงดี เหอะๆ เราไม่บอกละกันว่าเราตอบพี่เค้าไปว่ายังไง เอาเป็นว่าจากวันนั้นความสัมพันธ์ของเราก็ขยับขึ้นมาอีกหน่อย เดือนพฤษภาคม พี่นนท์กลับมาเยี่ยมบ้านที่ประเทศไทย เมื่อเค้ากลับมา เราถึงได้รู้ว่า พรหมลิขิตมีจริง ช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มันทำให้เรารู้สึกว่า เราอยากจะใช้ชีวิตของเรานับจากนี้ อยู่กับคนคนนี้ เราอยากจะอยู่ข้างๆเขาและคอยเป็นกำลังใจให้เขา ช่วงเวลาที่เค้าอยู่ที่นี่ เค้าไปไหนก็จะพาเราไปด้วย เราไปเข้าร่วมสัมมนาด้วยกัน เป็นงานสัมมนาวิชาการ ซึ่งพี่นนท์ไปเป็นวิทยากร หลังจากนั้นเราก็พาพี่นนท์ไปไหว้แม่เราที่บ้าน ส่วนพี่นนท์ก็พาเราไปแนะนำให้แม่เค้ารู้จักเหมือนกัน เราเองมีความสุขมากๆ จนเวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงวันที่พี่เค้าต้องกลับ เราเลยไม่กล้าไปส่งเพราะกลัวว่าจะร้องไห้โฮกลางสนามบิน พอพี่เค้ากลับไปแล้ว เรายังซึมต่ออีกหลายวันเลย อืม... ตอนนั้นเพิ่งรู้ว่า คำว่าคิดถึง มันเป็นยังไง
หลังจากนั้นเราก็โทรคุยกันทุกวัน โทรก่อนเรานอน และตอนที่เราตื่น วันเกิดเรา พี่นนท์ก็ทำ Surprise โดยสั่งช่อดอกไม้ให้มาส่งให้เราที่มหาวิทยาลัย แต่ว่า Surprise ได้ไม่สำเร็จ เพราะว่าคนส่งดอกไม้มาไม่ถูก ก็เลยโทรมาถามทางกับเรา เราทั้งดีใจ ทั้งเขิน และทั้งขำด้วย เพื่อนๆที่ห้องแลปก็แซวกันใหญ่ หลังจากนั้นไม่นาน เค้าชวนเราไปเที่ยวที่นู่นบ้าง เราเองก็คิดว่าปิดเทอมหน้าร้อนคงไปได้ ตอนนั้นก็เริ่มใจชื้นขึ้นมา เพราะจากที่คิดถึงและเหงามาก ก็รู้สึกว่าเดี๋ยวก็คงได้เจอกันอีก แต่พอไปบอกแม่ แม่กลับไม่อนุญาต ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นแค่แฟนกัน ยังไม่ได้แต่งงานกัน ไปด้วยกันแบบนั้น มันน่าเกลียด เราก็เลยอึ้งไปเล็กน้อย ยอมรับว่าไม่ได้คิดถึงจุดนี้มาก่อนจริงๆ ก็เลยโทรไปบอกพี่นนท์ว่าคงไปไม่ได้แล้วนะ ไม่รู้ว่าพี่นนท์นึกยังไง อยู่ๆก็บอกว่า งั้นแต่งงานกันนะ ความดี ความเสมอต้นเสมอปลาย และความรักที่พี่นนท์มีให้แก่เราตลอดเวลาที่เราคบกันมานั้น ทำให้เรามั่นใจในตัวเค้าและตกลงที่จะแต่งงานด้วย ในขณะเดียวกันเราเองก็มั่นใจว่าจะอยู่เคียงข้างและคอยเป็นแรงใจให้เค้าไปตลอดเช่นกัน การแต่งงานของเรานั้นอาจจะดูเหมือนเกิดขึ้นเร็ว แต่ความรักนั้นหยั่งรากลึกซึ้งในใจเรา และจะเติบโตเป็นต้นรักที่แข็งแรงและมั่นคงตลอดกาล คอยติดตามตอนต่อไป - ภาคพ่อหมูเล่าเรื่อง นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
Free TextEditor
Create Date : 18 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2551 5:02:27 น. |
|
10 comments
|
Counter : 498 Pageviews. |
|
|
หายเหนื่อยแล้วก็จะไป