นักวิชาการผิดหวังนโยบายด้านการศึกษาของพรรคการเมือง อ่อน มีเพียง 4 พรรคเท่านั้นที่มีนโยบายการศึกษา สะท้อนตั้งพรรคเพื่อตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจแก้ปัญหาบ้านเมือง ...
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์นโยบายด้านการศึกษาของพรรคการเมือง 26 พรรคที่ลงสมัครรับการเลือกตั้งในเดือน ก.ค.นี้ พบว่า พรรคที่มีนโยบายการศึกษามีเพียง 4 พรรค เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าพรรคที่ตั้งขึ้นเป็นพรรคเฉพาะกิจ บางคนก็ออกมาติงต๊อง บางคนก็ยึดตัวเองเป็นหลัก ไม่มีการนำเสนอนโยบายใดๆเป็นหลัก กลายเป็นจุดอ่อนของการเมืองไทย ที่ตั้งพรรคการเมืองเพื่อตนเอง ไม่ได้ตั้งใจแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง
สำหรับพรรคที่มีนโยบายการศึกษานั้น รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีจุดเด่นเรื่องการใช้สื่อเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการศึกษา เช่น คอมพิวเตอร์แลปทอป ซอฟต์แวร์ต่างๆ ซึ่งสะท้อนตัวตนของตระกูลชินวัตรที่คลุกคลีกับวงการนี้ เรื่องครูก็ให้ความสำคัญมากเพราะเป็นฐานเสียง คุณลักษณะเด็กไทยเน้นความเป็นสากล ความคิดสร้างสรรค์ และสร้างวินัย แต่จุดอ่อนคือ นโยบายกว้างไป ไม่ลงในรายละเอียด และมีนโยบายบางด้านเท่านั้น ทั้งหากได้เป็นรัฐบาล คนที่จะมาเป็น รมว.ศึกษาธิการ ก็ยังมองไม่เห็น ซึ่งตนอยากให้พรรค พท.ประกาศว่าจะให้ใครดูแลการศึกษา
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวว่า จุดเด่นคือ เขียนนโยบายและมีจุดเน้นที่ชัดเจน โดยเน้นที่อาชีวศึกษา การพัฒนาหลักสูตร การเรียนฟรี และใช้นโยบายการศึกษาเป็นนโยบายนำของพรรค ดันปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ แต่จุดอ่อนคือ บริหารงานในกระทรวงศึกษาธิการ 2 ปี แต่คุณภาพการศึกษาไม่ดีขึ้น ส่วนตัว รมว.ศึกษาธิการ คาดว่านายชินวรณ์ บุณยเกียรติ คงกลับมาอีกครั้ง
ด้านพรรคชาติไทยพัฒนานั้น รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวว่า ให้ความสำคัญกับการศึกษา เน้นเรื่องคนพิการ แต่ภาพรวมแล้วเป็นเรื่องอดีต นโยบายค่อนข้างตกยุค ล้าหลัง ส่วนคนที่จะมาเป็น รมว.ศึกษาธิการก็ไม่ชัดเจน ส่วนพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินนั้น มองดูคล้ายกับมีนโยบายการศึกษา แต่เน้นด้านกีฬามากกว่า
ภาพรวมแล้วทุกพรรคหาเสียงกับครูทั้งเรื่องเงินเดือน วิทยฐานะ แต่ไม่มีพรรคใดบอกว่าจะทำอย่างไรให้ครูกลับมาทำงานหนักเพื่อยกระดับคุณภาพเด็กไทย เป็นการหาเสียงแบบติดสินบนครูมากกว่า และวิเคราะห์เปรียบเทียบนโยบายการศึกษาในการเลือกตั้งครั้งนี้ อ่อนด้อยกว่าการเลือกตั้งปี 2551 รศ.ดร.สมพงษ์กล่าว.