|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เงินชราภาพ เงินออมเพื่อใช้วันหน้า
เงินชราภาพ เงินออมเพื่อใช้วันหน้า
ความผันผวนของราคาน้ำมันที่พุ่งสูงจวนเจียนแตะลิตรละ 30 บาท ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการเพิ่มของราคาสินค้า/สาธารณูปโภค ค่าครองชีพสูงขึ้นในขณะที่เงินเดือนยังเท่าเดิมมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายเริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง แถมถูกหักภาษีเงินได้,ประกันสังคม ฯลฯ รายการหักประกันสังคม 5% ของเงินเดือนทุกเดือน ผู้ประกันตนบ่นกันมากว่าไม่เคยได้ใช้ประโยชน์เลย
ทั้งนี้ จากข้อมูลต่าง ๆ จะพบว่าโครงสร้างประชากรจะเปลี่ยนไป โดยจะมีคนในวัยทำงานจำนวนค่อนข้างคงที่แต่จะมีคนในวัยเกษียณมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบต่อรายจ่ายของรัฐบาลที่ต้องดูแลคนกลุ่มนี้ ระบบการออมของภาครัฐที่เกิดขึ้นจึงเป็นสวัสดิการเพื่อรองรับให้กับกลุ่มคน วัยชรา ในส่วนของลูกจ้างผู้ประกันตนที่สำนักงานประกันสังคมดูแลรับผิดชอบได้สร้างสวัสดิการการออมจากเงิน 5% ที่หักจากเงินเดือนทุกเดือน
เงิน 5% ที่ถูกหักแปรสภาพเป็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนได้รับการคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคม 7 กรณี จำนวน 3% ใน 5% ที่หักไปนั้น คือ เงินชราภาพ หรือ เงินออม ตามกฎหมายประกันสังคม การประกันชราภาพเป็นการจัดการของภาครัฐวิธีหนึ่ง ทำให้ลูกจ้างได้รับการคุ้มครองทางรายได้เมื่อพ้นวัยทำงานไปแล้ว ซึ่งเงินจำนวนนี้มาจากการที่รัฐบังคับให้ลูกจ้างแบ่งรายได้จากการทำงานส่วนหนึ่งเพื่อเก็บออมไว้ใช้จ่ายใน ยามชรา ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเงินทดแทนกรณีชราภาพ 2 แบบด้วยกัน คือ บำเหน็จที่เป็นเงินก้อน หรือบำนาญที่จ่ายให้ทุกเดือนไปตลอดชีวิต
ปัจจุบัน สปส.จัดเก็บเงินสมทบกรณีชราภาพจากนายจ้างและลูกจ้างฝ่ายละ 3% ของค่าจ้าง ในกรณีที่ส่งเงินสมทบน้อยกว่า 180 เดือน (15 ปี) จะได้รับ เงินบำเหน็จชราภาพ โดยผู้ที่ส่งไม่ครบ 12 เดือน มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพเฉพาะส่วนของตนเองกลับคืนทั้งหมดเท่านั้น แต่ถ้าส่งเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไปแต่ไม่ถึง 180 เดือน (15 ปี) จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเฉพาะส่วนของลูกจ้างและนายจ้างที่จ่ายสมทบเข้ากองทุน ฯ พร้อมดอกผลตามอัตราที่ สปส.กำหนด
หากส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน (15 ปี) จึงได้รับ เงินบำนาญชราภาพ (รับทุกเดือนตลอดชีวิต) แต่ขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดได้รับเงินบำนาญดังกล่าว เพราะสปส.เริ่มเก็บเงินสมทบกรณีนี้เมื่อ 31ธ.ค.2541 และในปี 2557จะเป็นปีแรกที่เริ่มจ่ายบำนาญชราภาพ
หลักเกณฑ์รับเงินบำนาญชรราภาพ คือ ผู้ประกันตนจะได้รับเงิน 15% ของค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้าย (ฐานค่าจ้าง 15,000 บาท/เดือน) และถ้าส่งเงินสมทบมากกว่า15 ปี จะได้รับเพิ่มอีกร้อยละ 1 ทุก ๆ ปี ในขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับเพิ่มเงินบำนาญ จากอัตรา 15% เป็น 20% ของค่าจ้าง และเพิ่มอัตราผลประโยชน์หลังปีที่ 15 จากเดิม 1%เป็น 1.5 % เท่ากับจำนวนปีที่เพิ่มมาเป็นการปรับให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม
/ ยกตัวอย่าง...
-2-
ตัวอย่างการคำนวณ :
นายประกัน มีการนำส่งเงินสมทบฐานเงินเดือน 15,000 บาทโดยตลอด
-เงินสมทบ 6% (ผู้ประกันตน 3% และนายจ้าง 3%) ของ 15,000 บาท คือ 900 บาท/เดือน
-ทำงานมา 15 ปี รวมจ่ายเงินสมทบ 900x12x5 =162,000 บาท
นายประกัน เกษียณเมื่ออายุ 55 ปี
-บำนาญที่ได้รับ 15% ของ 15,000 บาท คือ 2,250 บาท/เดือน
-แต่หากอายุยืนไปถึง 20 ปี รวมรับบำนาญ = 2,250x12x15= 540,000 บาท
ผู้ประกันตนจะขอรับประโยชน์ทดแทนทั้ง 2 กรณีได้ เมื่อมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และต้องสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน โดยยื่นเรื่องขอรับสิทธิภายใน 1 ปีนับแต่วันที่สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง หากผู้ประกันตนเสียชีวิตให้ทายาทคือ บุตร สามี ภรรยา บิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ยื่นเรื่องขอรับสิทธิได้ทันทีนับจากวันที่เสียชีวิต
คำถามว่า ... ทำไมต้องได้เงินตอนอายุ 55 ปี หรือ ขอตรวจสอบเงินสมทบตัวเองจะทำได้ไหมต้องบอกว่าประกันชราภาพเป็นการบังคับออมระยะยาว ยิ่งออมมากจำนวนเงินที่ได้รับหลังเกษียณอายุ ก็จะมากขึ้น การที่ สปส.คำนวณไว้ว่าต้องจ่ายเงินสมทบ 15 ปีและเกษียณอายุที่ 55 ปี เหตุผลก็คือถ้าเก็บไม่ถึง 15 ปี อัตราบำนาญที่ได้รับจะลดลงไปตามสัดส่วนของเงินสมทบที่จ่ายเข้ามา เงินบำนาญที่จะได้รับไม่เพียงพอต่อการยังชีพในอนาคต และหากผู้ประกันตนต้องการตรวจสอบข้อมูลเงินสมทบทำได้ตลอดเวลา โดยสอบถามไปที่ สปส.เขตพื้นที่/จังหวัด ที่นายจ้างนำส่งเงินสมทบ หรือที่เว็บไซด์ //www.sso.go.th หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 ก็ได้
การขอรับประโยชน์ทดแทนไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก เพียงแค่ผู้ประกันตนต้องยื่นขอรับสิทธิภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เกษียณอายุและสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมส่งหนังสือแจ้งและแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01) ไปยังผู้ประกันตนที่มีสิทธิทุกคน โดยกรอกแบบคำขอฯ นำไปยื่นพร้อมสำเนาบัตรประชาชนภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ที่สปส.เขตพื้นที่ /จังหวัดทั่วประเทศ
พูดถึงการประกันชราภาพแล้ว ถ้าไม่พูดเรื่องเงินกองทุนฯ ดูไม่ครบถ้วน กองทุนประกันสังคมมียอดเงินสะสมทั้งสิ้น 379,437 ล้านบาท เงินหน้าตักก้อนนี้แบ่งเป็นเงินกองทุน 4 กรณี (เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย) เงินกองทุน 2 กรณี (สงเคราะห์บุตรและชราภาพ) ซึ่งคาดการณ์เก็บได้ในปี 2549 จำนวน 56,597 ล้านบาท และกรณีว่างงาน
เม็ดเงินก้อนมหึมานี้มาจากการส่งเงินสมทบร่วมกันของนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล นับวันยิ่ง พอกพูนและเป็นที่จับตามมองหลายฝ่าย แต่เงินก้อนนี้มีข้อผูกมัดต้องนำไปจ่ายประโยชน์ทดแทนให้กับผู้ประกันตน หากจะนำไปลงทุนกฎหมายอนุญาตให้ลงทุนได้เฉพาะในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง และได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าตลาดและตรวจสอบได้ โดยคณะอนุกรรมการบริหารการลงทุนฯ เป็นผู้ดำเนินการกำกับดูแล
/ เหตุที่
-3-
เหตุที่เงินกองทุนชราภาพมีจำนวนมากมายขนาดนี้ เพราะยังไม่มีการจ่ายเงินบำนาญชราภาพออกไปนั่นเอง ในขณะเดียวกัน สปส.ต้องนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนเพื่อให้เกิดดอกออกผลและให้มีเพียงพอ ในการจ่ายคืนให้กับผู้ประกันตนในปี 2557 เป็นต้นไป คืออีก 8 ปีข้างหน้า หลังจากนั้นเงินกองทุนฯ จะเริ่มถูกจ่ายออกไปเรื่อย ๆ และคาดว่าจำนวนผู้รับบำนาญจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นเงินกองทุนชราภาพ จะนำไปใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย
การออมไม่เพียงแค่เป็นเครื่องมือระดมทุนในการพัฒนาประเทศ แต่เป็นการสร้างสวัสดิการให้กับสังคมและผู้ออมโดยตรง เป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เหตุที่ต้องประกันชราภาพเพราะ เงินชราภาพ เป็นหลักประกันให้กับท่าน
ศูนย์สารนิเทศ โทรศัพท์/โทรสาร 0-2956-2534 //www.sso.go.th
Create Date : 25 ธันวาคม 2549 |
Last Update : 25 ธันวาคม 2549 12:27:46 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1051 Pageviews. |
|
|
|
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 25 ธันวาคม 2549 เวลา:13:27:55 น. |
|
|
|
โดย: N_BEE810 วันที่: 25 ธันวาคม 2549 เวลา:14:19:59 น. |
|
|
|
โดย: Lilly (supremeking ) วันที่: 25 ธันวาคม 2549 เวลา:14:40:52 น. |
|
|
|
โดย: icebridy วันที่: 25 ธันวาคม 2549 เวลา:20:36:58 น. |
|
|
|
โดย: วุธ IP: 115.87.197.105 วันที่: 4 ธันวาคม 2555 เวลา:23:27:37 น. |
|
|
|
โดย: วุธ IP: 115.87.197.105 วันที่: 4 ธันวาคม 2555 เวลา:23:50:01 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Merry Christmas naka