|
ข่าวสารจากกรมการประกันสังคม
เพิ่มค่าคลอดบุตรเป็น12,000 บาท ประกันสังคมปรับสิทธิคลอดบุตรใหม่เหมาจ่ายให้ผู้ประกันตนโดยตรง เป็นเงิน 12,000 บาทต่อการคลอดหนึ่งครั้ง เริ่มใช้ปี 2550 นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ตามที่ สปส.ให้ผู้ประกันตนใช้สิทธิกรณีคลอดบุตรตั้งแต่ฝากครรภ์จนถึงคลอดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นความปรารถนาดีของสปส.ที่มีต่อผู้ประกันตน แต่พบข้อร้องเรียนจากผู้ประกันตนและเรียกร้องให้กลับไปใช้ระบบเดิม เป็นเพราะสถานพยาบาลบางแห่งพยายามลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทำให้ผู้ประกันตนได้รับบริการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และเพื่อให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้ประกันตน สปส.ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกันตนที่มีต่อรูปแบบการให้สิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตร พบว่ากว่า 75% เลือกรูปแบบกำหนดวงเงินเหมาจ่ายให้ผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคมมีมติให้จ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรให้กับผู้ประกันตน หรือภรรยาผู้ประกันตน โดยปรับเพิ่มเหมาจ่ายให้แก่ผู้ประกันตนโดยตรงในอัตรา 12,000 บาทต่อการคลอดหนึ่งครั้ง โดยครอบคลุม ค่าตรวจและรับฝากครรภ์ ค่าบำบัดทางการแพทย์ ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าทำคลอด ค่ากินอยู่และรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล ค่าบริบาลและรักษาพยาบาลทารกแรกเกิด ค่ารถพยาบาลหรือค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วย และค่าบริการอื่นที่จำเป็น ทั้งนี้ ผู้ประกันตนมีสืทธิรับค่าคลอด คนละไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งผู้ประกันตนสามารถเลือกโรงพยาบาลสำหรับการคลอดบุตรได้เองตามสะดวก โดยสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อนแล้วนำหลักฐาน ได้แก่ แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01) สำเนาสูติบัตรของบุตร สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์หน้าแรกของธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุงไทย กรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ นครหลวงไทย และทหารไทย มายื่นเรื่องขอเบิกได้ที่ สปส.พื้นที่ /จังหวัด ที่ผ่านมา สปส.ได้ปรับอัตราค่าคลอดบุตรเสมอมา นับตั้งแต่ปี 2534,2535,2547 เป็นต้นมา เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับบริการทางการแพทย์ที่ดี และสิทธิประโยชน์ใหม่นี้จะเริ่มใช้ในในเดือน มกราคม 2550 เป็นต้นไป ........................................................................ ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506/ //www.sso.go.th/ 19 ต.ค. 2549
สปส. แจ้ง ผู้ประกันตนรับสิทธิสงเคราะห์บุตร ไม่ต้องยื่นหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตรแล้ว สำนักงานประกันสังคม แจ้งผู้ประกันตนรับสิทธิกรณีสงเคราะห์บุตร ตุลาฯ นี้เป็นต้นไป ไม่ต้องยื่นหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตรแล้ว สปส.พร้อมใช้ระบบสารสนเทศช่วยตรวจสอบ ผู้มีสิทธิแทน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและลดภาระผู้ประกันตน นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการที่สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดให้ระหว่างวันที่ 1 31 ตุลาคม ของทุกปี ผู้ประกันตนหรือผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรทุกคนจะต้องยื่นแสดงหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตรเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง ซึ่งอาจเป็นภาระยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสารของผู้ประกันตน ดังนั้น เพื่อช่วยลดภาระผู้ประกันตน ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมเอกสาร ขณะนี้ สำนักงานประกันสังคม ได้ร่วมมือกับกรมการปกครอง นำระบบสารสนเทศมาใช้ในการตรวจสอบข้อมูล การมีชีวิตอยู่ของบุตร ของผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทน ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ เป็นต้นไป ผู้ประกันตนไม่ต้องแสดงหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตรต่อสำนักงานประกันสังคม ทั้งนี้ในกรณีที่สำนักงานประกันสังคม ไม่สามารถตรวจสอบหรือมีข้อสงสัยการมีชีวิตอยู่ของบุตรทางสำนักงานฯ จะมีหนังสือแจ้งไปยังผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีดังกล่าว ให้นำหลักฐาน เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารที่ทางราชการออกให้ หรือหนังสือรับรองของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง หรือข้าราชการตั้งแต่ระดับ 3 หรือเทียบเท่าขึ้นไป มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัด ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง ส่วนกรณีบุตรที่มีสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่สัญชาติไทย ให้แสดงหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของบุตรเช่นเดิม สำหรับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร นั้น ผู้ประกันตนที่มีสิทธิต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือนก่อนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ส่วนบุตรที่จะได้รับการสงเคราะห์นั้นต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ โดยได้รับประโยชน์ทดแทนจากสำนักงานประกันสังคมเดือนละ 350 บาท ต่อบุตร 1 คน จนกว่าบุตรจะมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ และขอรับประโยชน์ได้คราวละไม่เกิน 2 คน ผู้ประกันตนท่านใดมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานประกันสังคมทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสายด่วน 1506 ศูนย์สารนิเทศ โทรศัพท์/โทรสาร 0 2956 2534 //www.sso.go.th / 16 ต.ค.2549
สปส.ปรับสิทธิทำฟันใหม่เริ่มปีหน้า ประกันสังคมเตรียมปรับสิทธิทันตกรรมใหม่เหมาจ่ายให้ผู้ประกันตนโดยตรง เลือกรับบริการจากโรงพยาบาลได้ตามต้องการ คาดเริ่มใช้ปีหน้า นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า จากที่ สปส ให้ผู้ประกันตนใช้สิทธิกรณีทันตกรรมกรณี ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และใส่ฟันเทียมบางส่วนชนิดถอดได้ฐานอคริลิก ที่โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ที่ผ่านมาพบว่าโรงพยาบาลบางแห่งยังไม่สามารถจัดบริการทันตกรรมได้ตามมาตรฐานที่ สปส.กำหนด และผู้ประกันตนมาใช้บริการจำนวนมากทำให้เกิดความคับคั่งในการให้บริการ สปส.จึงได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกันตนที่มีต่อรูปแบบการให้สิทธิประโยชน์กรณี ทันตกรรม พบว่ากว่า 64.8% เลือกรูปแบบกำหนดวงเงินเหมาจ่ายให้ผู้ประกันตน เพราะสะดวกในการรับบริการ เลือกโรงพยาบาลและใช้บริการได้ทันที ไม่ต้องรอคิวนาน ทำให้รักษาได้ทั่วถึง แม้ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน ดังนั้น สปส.จึงเห็นควรให้จ่ายค่าบริการทางการแพทย์กรณีทันตกรรมโดยตรงแก่ ผู้ประกันตน ส่วนจะเป็นอัตราเท่าใดนั้น จะมีการพิจารณาโดยคณะกรรมการการแพทย์ในต้นเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งสิทธิประโยชน์ใหม่นี้คาดว่าจะประกาศใช้ในปี 2550 .............................................................................. ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506 //www.sso.go.th / 20 ต.ค.2549
Create Date : 26 ตุลาคม 2549 |
Last Update : 26 ตุลาคม 2549 14:44:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 844 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|