มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
28 มีนาคม 2553
 

" จอมเตะแห่งบางนกแขวก " อภิเดช ศิษย์หิรัญ

คอลัมน์ "ฉายาชาวยุทธ์"

สว่าง สวางควัฒน์

หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน

อภิเดช ศิษย์หิรัญ เป็นนักมวยไทยคนเดียวที่มีลูกเตะเป็นอาวุธสำคัญสามารถชงเท้าเข้าก้านคอคู่ต่อสู้แล้วไล่ลงมาถึงขาพับ 3 จังหวะด้วยความรวดเร็ว จนได้รับฉายาที่คนสมุทรสงครามฟังแล้วภาคภูมิใจ
หนักหนาว่า " จอมเตะแห่งบางนกแขวก " เขามีนามจริงว่า ณรงค์ ทรงมณี เป็นบุตรของนายพยอม ญาณ ประทีป (พ่อเลี้ยง) กับนางเสงี่ยม ทรงมณี (แม่จริง) มีอาชีพทำสวนมะพร้าว อภิเดชเกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน
2484 ที่ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที เหนือวัดเจริญสุขารามขึ้นไปเล็กน้อย นิสัยส่วนตัวเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ขี้อาย ไม่ชอบเที่ยวเตร่เหมือนวัยรุ่นคนอื่น ชีวิตในวัยเด็กเป็นคนที่เรียนหนังสือไม่ค่อยเก่งแต่มีความ
สามารถเล่นกีฬาได้ดีแทบทุกชนิดโดยเฉพาะ ฟุตบอล ตะกร้อ กระโดดสูง ค้ำถ่อ และวิ่งจนเป็นนักกีฬาคนเก่งของเรียนวัดเจริญสุขารามวรวิหาร ไปแข่งที่ไหนจะต้องคว้าชัยชนะมาอวดทางบ้าน และเพื่อนนักเรียนเสมอ


เมื่อศึกษาระดับประถมศึกษาขณะศึกษาระดับมัธยมศึกษาอยู่ที่โรงเรียน"เมธีชุณหะวัณวิทยาลัย" ในชั้น ม. 2นั้นได้พบกับครูพละคนแรกของเขาคือ ครูสุพร วงศาโรจน์ ซึ่งมองเห็นหน่วยก้านเข้าทีดีจึงเริ่มสอนวิชากระบี่
กระบอง พลอง และไม้สั้นให้ ต่อมาก็สอนแม่ไม้มวยไทยให้เมื่อเห็นว่าเป็นผู้มีความสนใจขนาดชวนครูซ้อมมวยอยู่เสมอ 3-4 เดือนต่อมา ก็ร้อนวิชาไปเปรียบมวยครั้งแรกที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เป็นมวย
ประกอบรายการ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้ หลังจากนั้นไม่ว่าจะมีงานวัด หรืองานวิก อภิเดชจะต้องพาตัวเองไปขึ้นเวทีด้วยทุกครั้งที่ได้ยินเสียงปี่ กลอง เสียงฉิ่ง จนวันหนึ่งที่จังหวัดราชบุรี นายเกษม เอี่ยมภิญโญ
ผู้จัดรายการมวยกรุงเทพฯมาพบเข้าชอบใจในลีลาการต่อสู้จึงชวนไปชกมวยที่กรุงเทพฯโดยใช้ชื่อว่า "อภิเดช ลูกพรชัย " ชกทีไรคนบางนกแขวก จะต้องขนกันไปเชียร์กลุ่มใหญ่ จนได้รับชัยชนะตลอดมาเขารู้จักคำว่าแพ้
เมื่อชกกับ " โกมารเดช "โดยถูกน๊อค ในยกที่สองเพราะต่างคนต่างสับศอกเข้าใส่กันท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มทั้งสนาม ผลปรากฏว่า โกมารเดชกระเด็นตัวลอยไปติดเชือก ส่วนอภิเดชโดนเข้าแสกคาง กระเด็นหัว
น๊อคพื้น และแพ้น๊อคอีกครั้งให้สินชัย แต่สามารถล้มสินชัยได้อย่างสอนมวย

ในเวลาต่อมา "อภิเดช ศิษย์หิรัญ"เป็นชื่อที่ได้รับใหม่เมื่อ ครูสุพร วงศาโรจน์ พาไปฝากเป็นศิษย์ที่ค่ายมวย "ศิษย์หิรัญ" ของครูเกษม และ คุณ
องุ่น เอี่ยมภิญโญ ระยะนั้นชื่อ "อภิเดช" เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศไม่ว่าเมืองไทยจะมีเวทีมวยกี่เวทีเขาจะต้องคว้าแชมป์มาครองได้หมดเคยคาดเข็มขัดแชมป์ทีเดียวถึง 5 เส้น ครั้งนั้นไม่มีนักมวยคนใด หาญเข้าต่อกรกับเขาเลยใครชกกับอภิเดชมีหนทางเสียมวยมากกว่าจะได้ สอนมวยไม่ว่าจะเป็นนักชกฉกาจฉกรรจ์อย่าง " อดุลย์ ศรีโสธร "(แชมป์มงกุฎเพชร) , แดนชัย เพลินจิตร, จอมบุก สมพงษ์ เจริญเมือง,ราวี เดชาชัย, และเดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต เหล่านี้ล้วนเคยลิ้ม รสเท้าของเขามาแล้วทั้งนั้น และผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่เสมอ

หลังจากนั้น อภิเดช ศิษย์หิรัญได้หันไปชกมวยสากลตามแบบอย่าง ของ เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิตในรุ่นเวลเตอร์เวท ชิงแชมป์มวยสากลทั้งเวทีราชดำเนินและลุมพินีเป็นผลสำเร็จทั้ง 2เวที และได้ขึ้นชกกับนักมวยต่างชาติ เอลิลิโอ อรันดาได้รับชัยชนะในยกแรกเป็นแชมป์ภาคตะวันออก ต่อมาได้ชกป้องกันตำแหน่งกับนักมวยชาวญี่ปุ่นอีก2ครั้ง มีแข็งแรงก็มีอ่อนแอมีชนะก็มีแพ้ มีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมถอย นี่เป็นสัจธรรมของชีวิตไม่มีผู้ใดยกเว้นแม้แต่ " จอมเตะแห่งบางนกแขวก " ของคนสมุทรสงคราม และของคนไทยทั้งประเทศ

เมื่อสังขารไม่ไหวในขณะที่หัวใจยังเต็มร้อย " อภิเดช ศิษย์หิรัญ " จำเป็นต้องแขวนนวมและหายไปจากวงการมวยอยู่หลายปี โดยได้ไปประกอบอาชีพค้าขายมะพร้าว กับภรรยาและลูกอีก 3 คนอยู่ที่ห้วยขวาง ปัจจุบันเขามีอายุ 64 ปีและหวนกลับมาสู่วงการมวยด้วยการเป็นเทนเนอร์ให้กับนักมวย คณะ " แฟร์เท็คซ์ "เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2548 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมกับจังหวัดสมุทรสงคราม ได้จัดพิธี ได้จัดพิธีเชิดชูเกียรติ และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับ" อภิเดช ศิษย์หิรัญ" เนื่องจากเป็นบุคคลที่ทำคุณ

ประโยชน์ และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด เพื่อเป็นการยกย่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลังได้ไปศึกษาเป็นแบบอย่าง เพราะ อภิเดช ศิษย์หิรัญ ได้สร้างชื่อเสียงด้านกีฬาให้กับจังหวัดสมุทรสงครามและประเทศไทยเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติเป็นระยะเวลาถึง 11 ปี (พ.ศ. 2503-2514 ) จึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติอย่าง




บทสัมภาษณ์ อภิเดช ศิษย์หิรัญ จอมเตะแห่งบางนกแขวก มาฝาก
อภิเดช ศิกษ์หิรัญ เขามีนามจริงว่า ณรงค์ ทรงมณี อภิเดช ถือเป็นตำนานสุดยอดมวยไทย เปรียบได้ดังมูฮัมหมัด อาลี ในมวยสากล ปัจจุปันยังทำงานเกี่ยวกับมวยไทย เป็นเทนเนอร์ให้กับนักมวย ค่ายมวย" แฟร์เท็คซ์ “รวมทั้งค่ายมวยสาขาที่อริโซน่า ที่สหรัฐอเมริกา แต่ปัจจุบันค่ายมวยนั้นปิดตัวไปแล้ว เรามาดูบทสัมภาษณ์อภิเดช โดยชาวอเมริกา ในงานสัมมนามวยไทย

TKO : คุณเริ่มฝึกมวยไทยครั้งแรกเมื่อไหร่

อภิเดช: ผมเริ่มตอนอายุ 13 ปี ก่อนหน้านั้นผมเล่นบาสเกตบอล และฟุตบอล ตอนเล่นบอล ผมเตะบอลไกลมากจนเพื่อนทึ่งความทรงพลังของลูกเตะ เพื่อนผมยังบอกถ้าไปใช้ในมวยไทย พนันได้เลย นายจะเป็นยอดมวย หลังจากนั้นผมเห็นเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งขึ้นต่อยมวยไทย มีเสียงกระหึ่งกึกก้องเชียร์เขาอยู่ แถมเขาดังมาก นันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมหันสนใจฝึกมวยไทย รวมทั้งเพื่อนผมที่สนับสนุนว่าผมสามารถเป็นอย่างเขาได้
ครั้งแรกที่เริ่มฝึกไม่ได้หวังขึ้นชกอาชีพ แค่เอาสนุก ตอนนั้นผมมีเรี่ยวแรงมหาศาลแต่ไม่มีทักษะ แต่หลังจากเริ่มฝึกผมเริ่มรักกีฬาการต่อสู้นี้ ครูมวยคนแรก ครูสุพร วงศาโรจน์ ครูที่โรงเรียนผม หลังจากนั้นผมไปกรุงเทพ ได้ฝึกมวยไทยกับครูมวยอีกสามคน ท้ายที่สุดแล้วผมต้องสู้กับครูมวยของผมเพื่อเข็มขัดแล้วผมก็ชนะมัน เป็นบทเรียนที่ดีจริงๆ

TKO : เมื่อคุณเข้าสู่เส้นทางมวยไทยอาชีพ คุณกลายเป็นแชมป์มวยไทยห้าสมัย

อภิเดช: ผมค้นพบตัวเองที่รุ่นเวลเตอร์เวท ท้ายที่สุดชนะสองเวทีมวยมาตรฐาน ลุมพินี และ ราชดำเนิน ถ้าคุณสามมารถคว้าแชมป์สองสนามมาตรฐาน คุณจะกลายเป็นแชมป์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ เท่ากับผมมีเข็มขัดสามเส้น ในเวลาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยคว้าแชมป์มวยสากลระดับทวีปด้วย (OPBF ใน ปัจจุบัน) และมีอันดับสูงใน WBC และ WBA แต่เสียดายผมไม่ได้โอกาสเป็นแชมป์โลก

TKO : คุณขึ้นชกบ่อยแค่ไหนในสมัยก่อน

อภิเดช: ผมเริ่มขึ้นชกอายุ 13 ปี และขึ้นชกเดือนละครั้งจนถึง อายุ 29 ปี
นั่นคือเหตุผลทำไมสถิติการชกผมถึงสูง กว่าสามร้อยครั้ง คู่ชกที่ชกกับผมบ่อยสุด คือ เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต ซึ่งสู้กับผมถึง 14 ครั้ง เพราะผู้คนชอบดูผมชกกับเขา ทุกคนชอบสไตล์การชกเขา เพราะเขาจะคอยบุกเข้าคู่ต่อสู้ แต่ส่วนใหญ่เขาโดนผมน็อค

TKO : คุณมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างรวดเร็ว ด้วยเพลงเตะที่รุนแรง นอกจากเพลงเตะ อะไรคืออาวุธร้ายของคุณ

อภิเดช: นอกจากเตะ อาวุธร้ายของผมคือ ศอก แต่คู่ชกบางคน เป็นจอมศอกเลย ดังนั้นผมต้องมีตุกติกนิดหน่อย ถ้าจะเจอคู่ต่อสู้เหล่านั้น
อย่างเช่นใช้การตบที่คางหรือที่จมูก ความจริงกฎไม่อนุญาตคุณทำอย่างนี้
คุณต้องแอบทำไม่ให้คู่ต่อสู้เห็น และยังมีลูกตุกติกอีกมากมายที่ผมใช้น็อค
คู่ต่อสู้ (อภิเดชยิ้ม)

TKO : คุณยุ่งมากไหมสำหรับการสอน

อภิเดช: ตั้งแต่ผมเริ่มมาเป็นครูมวยที่ค่ายแฟร์เท็คซ์
ผมต้องบินไปมาระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่แค่ฝึกสอนในโรงยิม
ยังต้องคอยไปคุมและวางแผนระหว่างการต่อสู้ด้วย ตอนนี้ผมสอนนักมวยไทยที่เป็นแชมป์ไลท์เวท (ในตอนนั้น) ยอดสนั่น เขาดังมากที่ไทย

TKO : คุณมีข้อเสนอแนะอะไรกับนักเรียนมวยชาวอเมริกัน

อภิเดช: ผมเป็นห่วงกำลังขาของนักเรียนผมชาวอเมริกา ในไทยนักมวยไทย ใช้ขาทั้งเป็นฐานส่งแรงและบังป้องกันอาวุธ
นักเรียนอเมริกันไม่รู้เทคนิคในการใช้เข่าบังป้องกันอาวุธ
นั้นแหละผมถึงพยายามฝึกนักรียนอเมริกันในเรื่องกำลัง ด้วยการกระโดดกบ อย่างน้อย 30 นาทีทุกเช้านอกจากคุณต้องสามารถทุกเทคนิคการชกมาเป็นแบบฉบับของคุณ คุณต้องสามารถเปลี่ยนแท็คติกเมื่อคู่ชกทิ้งการ์ดหรือเปลี่ยนการ์ด อย่างเช่นถ้าคุณเตะพลาด สามารถใช้ขาถีบยันป้องกัน หรือถ้าคุณต่อยวืด คุณสามารถเปลี่ยนเป็นลูกศอกได้

คุณต้องฟังครูมวยของคุณ ผู้ที่อยู่ในมุมสามารถเห็นอะไรที่ผู้ต่อสู้บนเวทีไม่อาจเห็นหรือสังเกต คุณต้องเรียนรู้ในการแก้ข้อผิดพลาด ดังนั้นจึงต้องฟังครูมวยของคุณ ถ้าคุณสามารถเอาคำสอนเหล่านี้มาใช้ระหว่างการต่อสู้
คู่ต่อสู้ย่อมไม่ตั้งรับการเปลี่ยนสถานการณ์นี้ได้มวยไทยสามารถไปใช้ในการต่อสู้ ในศิลปะการต่อสู้อื่น เช่น คาราเต้ ยิวยัตสู เพราะการเคลื่อนไหวมวยไทยต่อเนื่อง ไม่ติดขัด (เห็นด้วยอย่างยิ่ง)คุณต้องคิดคนที่อยู่ต่อจากคุณดีกว่าคุณ นั่นคือวิถีแห่งการเครพ

มวยไทยคือศิลปะไม่ใช่การใช้ความรุนแรง มวยไทยที่ถูกใช้ในทางวิวาท
ไม่ใช่วิถีที่ครูมวยของผมสอนมา ครูมวยนอกเวที ดูสงบ ใจเย็น แต่เมื่อขึ้นเวที เขาจะต่างไป สัญชาติญาณเพชฌฆาตจะเข้าสิงทันที

TKO : มวยไทยเปลี่ยนแปลงไปมากไหมจากวันเวลาที่คุณขึ้นชก

อภิเดช: มวยไทยเปลี่ยนไปนิดเดียวจากยุคสมัยผม สมัยนี้มวยไทยการปล้ำตีเข่ามากกว่าสมัยก่อน เพราะฉะนั้นนักมวยสมัยนี้ต้องใช้พละกำลังเยอะ ในสมัยผมต้องคอยป้องกันการเปลืองแรงมากสุด แล้วหาจังหวะที่เหมาะสมในการล้มคู่ต่อสู้

TKO: ผมรู้มาว่าค่ายแฟร์เท็คซ์ มีการสอนในแต่ละสถานที่ ที่แตกต่างกัน
เช่นอาจาร์ยชัย ก็มีรูปแบบการสอนของเขา คุณคิดยังไง

อภิเดช: ข้อดีของนักเรียนมวยอเมริกัน คือมีพื้นฐานมวยสากล ในมวยไทย
บางทีต้องใช้ฟุตเวิร์คแบบมวยสากลบางครั้ง ถ้าคุณนำมาทักษะมาปรับปรุงผสมใช้ในมวยไทย คุณก็จะสามารถเป็นนักมวยไทยที่ดีได้ คล้ายกับนักเต้น เนื่องจากส่วนบนบางทีไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มาก เพราะคุณต้องป้องกันอาวุธมวยหลายอย่าง เพราะฉะนั้นคุณจึงใช้ฟุตเวิร์คแบบมวยสากล อาจาร์ยสุรชัยฝึกมวยมานาน เขาจึงสามารถหารูปแบบที่เหมาะสมในการสอน


Create Date : 28 มีนาคม 2553
Last Update : 28 มีนาคม 2553 16:13:06 น. 0 comments
Counter : 2315 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

still solo one
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add still solo one's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com