Bloggang.com : weblog for you and your gang
เพียงเสี้ยวของอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา
Group Blog
flower
unseen
เพลง
จริงใจ
ลำพันธ์
ต่างจากวันอื่น
เพลงที่มี
แสงธรรม
เพลงหรั่ง
นิทานบันเทิงธรรม
มกราคม 2549
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
12 มกราคม 2549
บัว 3
บัว 2
บัว 1
All Blogs
แคทลียา
รองเท้านารี
กล้วยไม้(เอื้อง<เข็ม>)
กล้วยไม้(เอื้อง<สิงโต>)
กล้วยไม้ <(เอื้อง)ช้าง>
กล้วยไม้(เอื้อง<เก็บตก>)
กล้วยไม้(เอื้อง)5
กล้วยไม้(เอื้ยง)4
กล้วยไม้( เอื้อง)3
กล้วยไม้(เอื้อง)2
กล้วยไม้(เอื้อง)1
กล้วยไม้(เอื้อง)
พุทธรักษา
โฮยา...นมตำเลีย
vanda แวนด้า
ลีลาวดี (ลั่นทม)
บัว 3
บัว 2
บัว 1
ซากุระ
หนวดพราหมณ์ งามอ่อนหวาน
ว่านสี่ทิศ
บัว 3
การปลูกเลี้ยงและดูแลรักษา
ดิน ที่เหมาะในการใช้ปลูกบัวคือ ดินเหนียว ดินท้องร่องที่มีธาตุโปแตสเซียมสูง ไม่ควรใช้ดินที่มีซากอินทรีย์วัตถุที่ยังย่อยสลายไม่หมดเพราะจะทำให้น้ำเสียและอาจทำให้ต้นเน่าได้
น้ำ ต้องเป็นน้ำที่สะอาด ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) อยู่ระหว่าง 5.5-8.0 อุณหภูมิควรอยู่ระหว่าง 15-35 องศาเซลเซียส ไม่ควรเกิน 50 องศาเซลเซียส ระดับความลึกของน้ำที่บัวต้องการแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
น้ำตื้น คือบัวที่ต้องการน้ำลึกระหว่าง 15-30 ซม. มีผิวหน้าของน้ำในการแผ่กระจายของใบประมาณ 50X50 ซม.
น้ำลึกปานกลาง คือบัวที่ต้องการความลึกระหว่าง 30-60 ซม. มีผิวหน้าของน้ำในการแผ่กระจายของใบประมาณ 1X1 เมตร
น้ำลึกมาก คือบัวที่ต้องการความลึกของน้ำอยู่ระหว่าง 60-120 ซม
ระดับน้ำที่เหมาะสมกับความต้องการของบัวสังเกตุได้จาก ก้านดอกจะส่งดอกตั้งตรงในแนวดิ่ง ก้านใบไม่ควรแผ่กว้างกว่า 45 องศา
แสงแดด บัวเป็นพืชที่ชอบแสงแดดจัด จึงควรให้บัวได้รับแสงแดดเต็มที่วันละ 4 ซม. เป็นอย่างน้อย ถ้าปลูกบัวในที่ร่มเกินไปบัวจะออกดอกน้อยหรือไม่ออกดอกเลย
การให้ปุ๋ย เมื่อเห็นว่าบัวที่ปลูกชะงักการเจริญเติบโต ใบเล็กลงกว่าปกติ ใบด้านขาดความมัน เหลือง แก่เร็วขึ้น แสดงว่าบัวขาดธาตุอาหารหรือปุ๋ย วิธีการให้ปุ๋ยบัวจะแตกต่างกับการให้ปุ๋ยพืชชนิดอื่นคือ ต้องทำปุ๋ย "ลูกกลอน" โดยนำปุ๋ยสูตรเสมอ 10-10-10 หรือ 15-15-15 ประมาณ 1 ช้อนชา ห่อด้วยดินเหนียวแล้วปั้นเป็นลูกกลอนผึ่งลมให้แห้ง ถ้าปลูกบัวไม่มากอาจใช้กระดาษหนังสือพิมพ์แทนดินเหนียว ห่อ 2-3 ชั้น นำปุ๋ยลูกกลอนที่ทำไว้ฝังห่างจากโคนต้นประมาณ 5-8 ซม. สำหร้บบัวเผื่อน บัวสาย และจงกลณีที่มีการเจริญเติบโตในทางดิ่งให้ฝังด้านใดก็ได้ แต่สำหรับบัวหลาง บัวฝรั่ง และอุบลชาติ ซึ่งมีการเจริญเติบโตในแนวนอนให้ฝังด้านหน้าแนวการเจริญเติบโตของเหง้าหรือไหล
โรคและแมลงศัตรู
โรคใบจุด เกิดจากเชื้อรา ระบาดมากในช่วงฤดูฝนซึ่งสภาพอากาศมีความชื้นสูง มักเกิดบนใบบัวที่แก่ อาการของโรคจะเป็นแผลหรือจุดวงกลมสีเหลือง เมื่อแผลขยายกว้างจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ตรงกลางแผลแห้ง ป้องกันและแก้ไขโดยเด็ดใบที่แก่หรือเป็นโรคทิ้ง
โรคเน่า มักเกิดกับบัวกลุ่มอุบลชาติและบัวกระด้ง สาเหตุเกิดจากดินที่ใช้ปลูกมีมูลสัตว์ที่ยังเน่าเปื่อยไม่หมด ทำให้หัว เหง้า หรือโคนต้นเละ ต้นแคระแกนและตาย เมื่อเห็นว่าต้นแสดงอาการควรรีบนำต้นขึ้นมาตัดส่วนที่เน่าทิ้ง เปลี่ยนดินปลูกใหม่ หรือเก็บต้นและดินบริเวณที่เป็นโรคทำลายทิ้งเสีย
เพลี้ยไฟ มักเกิดกับบัวที่ยังอ่อนอยู่ ทำให้ใบหงิกไม่คลี่ ด้านหลังใบจะมีรอยช้ำเป็นสีชมพูเรื่อๆ ต่อมาจะแห้งและดำ ถ้าเข้าทำลายดอกและก้านดอกจะทำให้ดอกที่ตูมอยู่เหี่ยวและแห้งเป็นสีดำ ก้านดอกแห้งเป็นสีน้ำตาลและหักง่าย
เพลี้ยอ่อน จะดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณโคนก้านดอก ก้านใบ และใบอ่อนที่โผล่เหนือน้ำ ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลดำ ทำให้ดอกตูมและใบมีขนาดเล็ก สีเหลืองซีดและแห้งตาย
หนอน ได้แก่ หนอนชอนใบ , หนอนกระทู้ , หนอนผีเสื้อ , หนอนกอ จะดูดน้ำเลี้ยงและกัดกินใบบัว
หนอนและแมลงที่กล่าวมาสามารถกำจัดและควบคุมได้โดยใช้ โมโนโครโตฟอส (Monocrotophos) ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า อะโซดริน60 (Azodrin60) มาลาไธออน (Malathion) ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า มาลาเฟซ (Malafez) โดยใช้ในอัตรา 1 ซีซี. ต่อน้ำ 1 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ สัปดาห์จนกว่าหนอนและแมลงศัตรูจะหมด
หอย จะเป็นตัวบอกว่าน้ำในบ่อดีหรือเสีย ถ้าน้ำเสียออกซิเจนในน้ำมีไม่เพียงพอหอยจะลอยตัวหรือเกาะอยู่ตามขอบบ่อเพื่อหาออกซิเจนหายใจ ถ้าเป็นเช่นนี้ให้รีบเปลี่ยนถ่ายน้ำในบ่อปลูก แต่ถ้าในบ่อมีหอยมากเกินไปหอยจะอาศัยดูดน้ำเลี้ยงจากใบอ่อนหรือทำให้ก้านใบขาดได้ จึงควรกำจัดออกบ้างโดยการเก็บออก หรือถ้าปลูกในบ่อที่มีขนาดใหญ่อาจจะเลี้ยงปลาช่อนให้ช่วยกินตัวอ่อนของหอยก็ได้
การขยายพันธุ์
การแยกเหง้า บัวในเขตอบอุ่นและเขตหนาวที่มีลำต้นเป็นแบบเหง้าสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีแยกหน่อหรือต้นอ่อนจากเหง้าต้นแม่ไปปลูก โดยตัดแยกเหง้าที่มีหน่อหรือต้นอ่อนยาว 5-8 ซม. ตัดรากออกให้หมด ถ้าเป็นต้นอ่อนสามารถนำไปปลูกยังที่ต้องการได้เลย ถ้าเป็นหน่อให้นำไปปลูกในกระถางขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-25 ซม. ฝังดินให้ลึกประมาณ 3-5 ซม. กดดินให้แน่น เทน้ำให้ท่วมประมาณ 8-10 ซม. ดินที่ใช้ควรเป็นดินเหนียวเพื่อช่วยจับเหง้าไม้ให้ลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ เมื่อหน่อเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่จึงย้ายไปปลูกยังที่ต้องการ
การแยกไหล บัวในเขตร้อนโดยเฉพาะบัวหลวงจะสร้างไหลจากหัวหรือเหง้าของต้นแม่แล้วไปงอกเป็นต้นใหม่ สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีตัดเอาไหลที่มีหน่อหรือปลิดต้นใหม่จากไหลไปปลูก การตัดไหลที่มีหน่อไปปลูกควรตัดให้มีขนาดความยาวประมาณ 2-3 ข้อ และมีตาประมาณ 3 ตา นำไหลที่ตัดฝังดินให้ลึก 3-5 ซม. กดดินให้แน่น ต้นอ่อนจะขึ้นจากตาและเจริญเป็นต้นใหม่ต่อไป
การแยกต้นอ่อนที่เกิดจากใบ บัวในเขตร้อนสกุลบัวสายบางชนิดจะแตกต้นอ่อนบนใบบริเวณกลางใบตรงจุดที่ต่อกับก้านใบหรือขั้วใบ สามารถขยายพันธุ์ได้โดยตัดใบที่มีต้นอ่อนโดยตัดให้มีก้านใบติดอยู่ 5-8 ซม. เสียบก้านลงในภาชนะที่ใช้ปลูกให้ขั้วใบที่มีต้นอ่อนติดกับผิวดิน ใช้อิฐหรือหินทับแผ่นใบไม่ให้ลอย เติมน้ำให้ท่วมยอด 6-10 ซม. ประมาณ 2 สัปดาห์ ต้นอ่อนจะแตกรากยึดติดกับผิวดินและเจริญเติบโตต่อไป
การเพาะเมล็ด การขยายพันธุ์วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมปฏิบัติเนื่องจากยุ่งยากและต้องใช้เวลานาน ยกเว้นบัวกระด้งที่ต้องขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดเท่านั้น นอกจากนี้การเพาะเมล็ดมักนิยมใช้กับเมล็ดบัวที่ได้จากการผสมพันธุ์บัวขึ้นมาใหม่แล้วเก็บเอาเมล็ดนำมาเพาะ เพื่อสะดวกในการคัดแยกพันธุ์ วิธีการเพาะเมล็ดมีดังนี้ เตรียมดินเหนียวที่ไม่มีรากพืช ใส่ลงในภาชนะปากกว้างที่มีความลึกประมาณ 25-30 ซม. โดยไส่ดินให้สูงอย่างน้อย 10 ซม. ปรับแต่งหน้าดินให้เรียบและแน่น เติมน้ำให้สูงจากหน้าดินประมาณ 7-8 ซม. นำเมล็ดที่จะใช้เพาะโรยกระจายบนผิวน้ำให้ทั่ว เมล็ดจะค่อยๆ จมลงใต้น้ำ สำหรับเมล็ดบัวหลวงและบัวกระด้งเมล็ดมีขนาดใหญ่ ให้กดเมล็ดให้จมลงไปในดินแล้วเติมน้ำให้สูงจากผิวดินประมาณ 15 ซม. นำภาชนะที่เพาะไปไว้ในที่มีแดดรำไร ประมาณ 1 เดือน เมล็ดจะเริ่มงอกเป็นต้นอ่อน เมื่อต้นอ่อนแข็งแรงและมีใบประมาณ 2-3 ใบ จึงแยกนำไปปลูกยังที่ต้องการ
การผสมพันธุ์
ดอกบัวจัดเป็นดอกสมบูรณ์เพศมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน เกสรตัวเมียจะบานก่อนเกสรตัวผู้ 1-2 วัน ดังนั้นเกสรตัวเมียจึงมักได้รับการผสมพันธุ์จากเกสรตัวผู้ของดอกอื่น โดยมีลมและแมลงเป็นตัวช่วยในการผสมพันธุ์ แต่การผสมพันธุ์บัวเพื่อให้ได้บัวพันธุ์ใหม่ที่มีสีสวยแปลกออกไปและเพื่อเป็นการพัฒนาสายพันธุ์จึงมักเป็นการผสมพันธุ์โดยมนุษย์ช่วยผสมพันธุ์ โดยคัดเลือกบัวพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่จะนำมาผสม ก่อนดอกแม่บาน 1-2 วัน ให้ทำการเปิดดอกแล้วใช้กรรไกรขลิบตัดเกสรตัวผู้ออกให้หมดแล้วคลุมดอกด้วยผ้ามุ้งตาถี่ๆ เพื่อกันเกสรตัวผู้จากดอกอื่นที่ไม่ต้องการเข้ามาผสม เมื่อดอกแม่บานให้ขลิบตัดเอาเกสรตัวผู้จากดอกต้นพ่อพันธุ์และควรเป็นดอกที่บานแล้วประมาณ 2 วัน มาใส่บนเกสรตัวเมียของดอกแม่แล้วคลุมด้วยผ้ามุ้งตามเดิม ดอกแม่เมื่อได้รับการผสมแล้วถ้าผสมไม่ติดดอกจะลอยอยู่ปริ่มน้ำแล้วจะโรยไป ถ้าผสมติดดอกจะเริ่มกลายเป็นฝักโดยดอกจะค่อยๆ จมลงใต้น้ำประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อดอกเจริญเป็นฝักแก่และมีเมล็ดแก่ก็จะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำใหม่อีกครั้ง จึงเก็บเอาฝักแก่มาแยกเอาเมล็ดนำไปเพาะเมล็ดต่อไป
ดาวฟ้า
แดงกษัตริย์
แดงจิ๋ว
แดงธรรมนูญ
บัวประเภทใบแตะผิวน้ำ ไม่มีหนาม และบานช่วงเช้าถึงช่วงบ่าย เป็นบัวที่เราเห็นโดยทั่วไป มีลักษณะใบหยัก
บัวใบหยัก เราเรียกว่า บัวผัน บัวเผื่อน ก็ได้ บัวพวกนี้จัดว่าเลี้ยงง่าย มีขอบใบไม่เรียบ แต่เป็นหยัก ๆ โดยรอบ ดอกดกและออกดอกใหม่มาทดแทนกันตลอดเวลา ดอกชูโผล่พ้นน้ำ กลีบดอกจะเรียวยาวแหลม เวลาบานจะแผ่ มักมีกลิ่นหอมมาก ดอกจะมีหลายสี
สีแดง เช่น Red Spider, แดงธรรมนูญ, พราว
แดงประเสริฐ
แดงอุบล
อุบลชาติประเภทยืนต้น ดอกสีแดงสวย เป็นพันธุ์ที่ชอบน้ำตื้นมากที่สุด เหมาะแก่การปลูกเลี้ยงในอ่างโดยเฉพาะ
Create Date : 12 มกราคม 2549
Last Update : 12 มกราคม 2549 12:38:42 น.
0 comments
Counter : 493 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
maip
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [
?
]
Friends' blogs
ชานเรือน
Sum13
maxpal
Webmaster - BlogGang
[Add maip's blog to your web]
Links
"รสแห่งความเมตตา ชุ่มเย็นยิ่งนัก" พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
"ศีลและปัญญา" คำบรรยายของท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ณ วัดเขาพุทธโคดม
"พุทธวัจน์ " คำสอนจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า
"เริ่มต้นภาวนา "โดยอาจารย์ สุภีร์ ทุมทอง ศึกษาธรรมะด้วยตนเอง ด้วยการตามรู้กายตามรู้ใจตามความเป็นจริง
"เคล็ดลับดับทุกข์" ปฏิบัติแนวสติปัฏฐาน ๔ หลวงพ่อกนฺตสิริ (สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม..ถ้ำชี)
"เตือนสติผู้ปฏิบัติธรรม" โดย พระเทพสิทธิมุนี
"เล่าเรื่องอินเดีย ภาค๑" ตอนที่๑ เขียนโดย Venfaa
"เล่าเรื่องอินเดีย ภาค๑" ตอนที่๒ เขียนโดย Venfaa
"ผู้รักดีมีความสุข" บันทึกคำสอนหลวงพ่อปัญญา
"ทางสายเอก" ท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร
"หยุดใจให้ไร้อยาก"พระครูเกษมธรรมทัต วัดมเหยงคณ์ อยุธยา
"มาดสดใสด้วยใจเกินร้อย"
"ไม่รับรู้ ไม่รับเอาเข้ามา"
"มหาราชายอดกตัญญู"
"ราชาผู้ทรงราชธรรม"
"อัญมณีแห่งชีวิต"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๑"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๒"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๓"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๔"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๕"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๖"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๗"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๘"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๙"
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๑๐"
"ชีวิตหลังความตาย ชีวิตใหม่ที่ต้องเตรียมตัว"
"อุบายทำให้จิตสงบ และ กระจกส่องกรรมฐาน "
"วิธีอยู่เหนือดวง และ โอวาทสี่ของเหลียวฝาน "
ที่พึ่งอันเกษม [หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี ]
"วิถีแห่งความรู้แจ้ง" พระปราโมทย์ ปาโมชฺโช
"วิธีรักษาสุขภาพอนามัยทางจิตที่ดี " พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ)
" หน้าที่ของคน " เรียบเรียงโดย เขมกะ
"เล่าเรื่องอินเดีย ภาค๒" พุทธคยา๑
"เล่าเรื่องอินเดีย ภาค๒" พุทธคยา๒
ที่พึ่งอันเกษม "หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี "
"การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน" พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี วัดมเหยงคณ์
"ศิลปะแห่งการใช้สติ" ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ
"ทาน ทำอย่างไร จะได้บุญมาก "ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ
"สนทนาภาษาธรรม เล่ม ๑๑" ดร.สนอง วรอุไร
"วิธีการปฏิบัติ" พระปราโมทย์ ปาโมชโช
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.