|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
15.อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน
ผลงาน ลำดับที่ 15
 อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง โดย ชอนตะวัน แนวเรื่อง โรแมนติกดราม่า (งาน y + พระพุทธศาสนา)
รูปแบบการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมานด์
พิมพ์ครั้งที่ 1 จำนวน 430 หน้า ราคา 342 บาท
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้ขาย ถึง ผู้อ่าน ติดต่อ f_nakhon@hotmail.com
จากใจนักเขียน
‘อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง’ น่าจะเป็นชื่อ นวนิยายของผมที่ยาวที่สุดในขณะนี้ ชื่อนี้ได้มาตอนที่กำลังทำงาน งานนั้นก็คืองานจัดทัวร์ ด้วยโปรแกรมใส่สถานที่ท่องเที่ยวเข้าไปเยอะ จนกระทั่งเวลาหนึ่งวันแทบมีไม่พอ ดังนั้นถ้อยคำนั้นจึงหลุดออกมาจากปาก เพราะไม่อยากเสียคำพูด กับไม่อยากกลับบ้านดึกดื่นนั่นเอง
และเมื่อ ได้ถ้อยคำที่คิดว่า น่าจะเป็นชื่อนิยายได้ด้วย มาแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็เริ่มวางพล็อต..ซึ่งชื่อก็น่าจะบอกอยู่แล้วว่าน่าจะเป็นงานเศร้า ตอนแรกกะไว้ว่าจะให้เป็นงานรักสามเส้า หนึ่งหญิงสองชาย แต่พอลงมือเขียนไปได้เพียงนิดหน่อย..มันกลายเป็นหนึ่งหญิงสองชายแต่ว่ามันไม่ใช่อารมณ์ตามธรรมชาติเสียแล้ว..และอารมณ์นั้นผมก็ขอยืนยันว่า ผมไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่เริ่มต้น แต่ว่าตัวละครเขาต้องการมีวิถีอย่างนั้น และผมก็ต้องปล่อยให้พวกเขาเป็นไป โดยที่ผมเองเป็นเพียงผู้นั่งมองและเอาใจช่วยให้เขาประคับประคองชีวิตให้ถึงจุดหมาย..
เรื่องนี้ค่อนข้างจะใช้ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือหลายๆ เล่ม เพราะเป็นเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยรวมถึงเป็นงานที่มีข้อคิดหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาผสมกับประวัติศาสตร์ จึงไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดและต้องการให้สมจริงสมจังที่สุด แต่ถึงกระนั้น ฉากเปิดเรื่องและฉากปิดเรื่องผมก็ต้องใช้สถานที่สมมุติ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่ใช่เรื่องจริงของใครทั้งสิ้น ข้อความของตัวละครอาจจะเซไปแตะคนมีชีวิตจริงๆ บ้าง และหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นผม แต่ต้องขอบอกไว้ ณ จุดนี้ว่ามันคือนิยาย
สุดท้ายนวนิยาย Y ซึ่งเป็นศัพท์ใหม่ที่ผมเพิ่งได้รับรู้ ผสมกับงานศาสนาเรื่องนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผมขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว และถ้านิยายเรื่องนี้ทำให้คนอ่านหูตาสว่างจากธรรมะขึ้นมาบ้าง ผมก็อ้างเอาบุญกุศลนั้น ช่วยให้คนอ่านมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป..
ขอบคุณจากทุกๆ กำลังใจ
ชอนตะวัน 2/6/54 ณ เรือนจิตรา
-------------------------
คำนิยม..
คำนิยม
“และพระอาทิตย์ดวงกลมโตนั้น คล้ายจะเมินเฉยต่อคำร้องขอ...เรื่องหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่คล้อยต่ำลับเหลี่ยมเขา...ไม่ตกดิน...ก่อนที่กิจอันพึงกระทำเสร็จสิ้น”
จากวรรคนี้ของบทแรกจากเรื่อง “อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง” ทำให้เกิดคำถามและความอยากรู้ขึ้นทันทีว่า ตัวละครต้องการจะทำอะไรจนถึงขนาดเฝ้าร้องขอกับดวงอาทิตย์ แล้วผู้เขียนเองล่ะ ต้องการสื่อสารอะไรกับคนอ่าน?
นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้เราอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวละครในนั้นซึ่งมี 1 หญิง 2 ชาย คือแสงทอง สุริยา และรุ่งโรจน์
โดยปกตินวนิยายทั่วไป มักจะนำเสนอในรูปแบบของรักสามเส้า คือให้พระนางต่างแอบรักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว “อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง” ก็ดำเนินเรื่องในทำนองนี้เช่นกัน แต่เมื่ออ่านๆไปเริ่มรู้ว่าที่เราเข้าใจตั้งแต่นั้น เริ่มเอียงกะเท่เร่ เพราะกลายเป็นว่า ฝ่ายพระเอกกับเพื่อนชายต่างตกหลุมรักกันและกัน ในขณะที่นางเอกเฝ้าหลงรักพระเอกอยู่ฝ่ายเดียว ความสงสารเห็นใจเริ่มมาเยือน เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้แน่ชัดถึงความในใจของตน
รุ่งโรจน์เข้ามาในชีวิตของสุริยา ทำให้สุริยาเรียนรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ในขณะที่สุริยามีแสงทอง หญิงสาวที่แสนดีเคียงข้างอยู่ตลอดเวลา แสงทองไม่เคยปิดบังความรู้สึกแท้จริงที่เธอมีต่อสุริยา แต่สิ่งที่ได้คือเพียงความเป็นเพื่อนและพี่ชายที่แสนดี
เราชอบฉากหนึ่งในเรื่อง ความจริงก็มีอีกหลายฉากที่ประทับใจ แต่ขอพูดถึงฉากนี้ เพราะยังไม่เคยลืม แม้จะอ่านผ่านตามานานแล้วก็ตาม เป็นฉากที่แสงทองไม่สบายและสุริยาเฝ้าพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด ยังจำมือที่แตะลงบนหน้าผากของหญิงสาวได้อย่างดีว่า มันให้ความหวังความอบอุ่นกับแสงทองมากแค่ไหน แต่แสงทองก็รู้ว่าสุริยาให้เธอได้แค่นั้น แม้จะพยายามเลี่ยง ทำเป็นมองไม่เห็นความนัยที่เพื่อนชายสองคนมีต่อกัน แต่ความจริงย่อมหนีความจริงไปไม่พ้น ส่วนสุริยาก็พยายามถนอมความรู้สึกของคนทั้งสองควบคู่กันไป ในขณะที่เขาเองก็ต้องเยียวยาความรู้สึกของตนด้วยธรรมะ แม้รู้ว่ามันยาก แต่สุริยารู้ว่ามันเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย
สำหรับเรื่องนี้อ่านอีกครั้งก็ยังกินใจได้อยู่เหมือนเดิม ผู้เขียนใช้ธรรมะเข้าสอดแทรกไปกับเรื่องราวของคนทั้งสามได้อย่างไหลลื่น จนเราอิ่มเอมกับความคิดของตัวละครอย่างสุริยา และเราก็คิดว่าคงหาผู้ชายอย่างสุริยาไม่ได้อีกแล้วในยุคสมัยของความรักในเพศเดียวกันที่เปิดเผยมากขึ้น คงต้องยกเครดิตให้ผู้เขียนที่เขียนจนคนอ่านไม่รู้สึกรังเกียจความรักในอีกรูปแบบหนึ่งบนโลกใบนี้
สุดท้ายเรื่องราวของพวกเขาทั้งสามจะจบลงที่ตรงไหน ใครจะสมหวังในความรัก คงให้ท่านผู้อ่านซึมซับด้วยตัวเอง เหมือนดังคำที่ว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เรื่องนี้จะดีหรือให้อะไรกับท่านผู้อ่านบ้างนั้น ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะหยิบจับสิ่งดีๆในนิยายเรื่องนี้ออกมาต่อยอดได้มากกว่ากัน
อยากบอกว่า “อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง” เป็นนิยายเกย์เรื่องแรกที่อ่าน และคงเป็นเรื่องเดียวที่นำเสนอในรูปแบบที่แปลกแตกต่างไปจากนิยายเกย์ทั่วไป
จึงหวังว่าท่านผู้อ่านจะให้โอกาสนักเขียน เหมือนดังเช่นสุริยาร้องขอต่อดวงอาทิตย์ที่ว่าอยากให้ประวิงเวลาไว้ เพราะกิจที่เขาพึงกระทำนั้นยังไม่เสร็จสิ้น ก็คงจะเหมือนกับเจ้าของบทประพันธ์ที่คงอยากขอโอกาสให้เขาได้นำเสนอผลงานคุณภาพ สวนกระแสนิยายรักโรแมนติกที่มีอยู่อย่างดาษดื่นทั่วไปในราชอาณาจักรนี้นั่นเอง
แด่ความรักที่สวยงามบนโลกใบนี้ โมริสา

Create Date : 11 กรกฎาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 4 สิงหาคม 2554 19:02:18 น. |
Counter : 2129 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
|
ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อก เป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน
-------------------
|
|
|
|
|
|
|
|