I'm done
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ลมฟ้าอากาศ
กาลเวลา
เทคโนโลยี
เสียงเพลง
และการเดินทาง
เรื่องราวเหล่านี้ กับ Jukkmac
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add I'm done's blog to your web]
Links
 

 
Annapurna Nepal

Date : 110920

มาถึงสนามบิน Kathmandu ราว 12.00 เวลาท้องถิ่น เมฆหนามากฝนลงปรอยๆเกือบตลอดเวลา มีรถจากโรงแรมมารอรับ สนามบินเป็นอาคารชั้นเดียวก่อสร้างด้วยอิฐแดงปูพื้นหินอ่อนสีแดงเลือดนกแทรกลายสีดำ
รถพาไปโรงแรมแล่นผ่านย่านต่างๆในตัวเมือง
โรงแรมตั้งอยู่ไม่ห่างจากย่านกลางเมือง ข้ามแม่น้ำเล็กๆและขึ้นเนินไปเล็กน้อยเป็นทางเดียวกันกับทางไปวัดลิง
Check in ห้องพักเรียบร้อยก็ออกเดินทางไปสำนักงานท่องเที่ยว เพื่อไปทำใบผ่านเข้าอุทยาน และใบลงทะเบียนท่องเที่ยวอุทยาน ในอาคารเดียวกัน แล้วก็เดินหาร้านแลกเงินและจองตั๋วสำหรับไป Pokhara
เสร็จธุระทั้งหมดแล้วราว 16.00 ก็เริ่มเดินท่องเที่ยวในย่านตัวเมือง Kathmandu ซึ่งไม่ใหญ่นักสามารถเดินรอบๆชมอาคารสำคัญต่างๆได้เองโดยอาศัยเพียงแผนที่ถนน แต่การเดินผ่านย่านการค้า อาคารเหมือนตึกแถวสูงสามถึงห้าชั้นบนถนนที่ผู้คนแออัด แล้วถนนก็กว้างเพียง 2.8-3m เป็นส่วนใหญ่รถคนและรถไปด้วยกัน ไม่มี landmark ใดๆให้สังเกตมากนัก ต้องอาศัยเข็มทิศในนาฬิกาข้อมือกับทิศทางของอาคารในการนำทาง ก็ไม่ง่ายนัก
พอได้หลงกันบ้าง เมือง Kathmandu เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเขา มีลานกว้างๆคล้ายสนามหลวง ย่านต่างๆนั้นไม่ชัดเจนเหมือนไม่มีแผนการผังเมือง ระบบสาธารณูปโภคต่างๆยุ่งเยิ่งไม่ชัดเจน ถนนต่างๆบ้างปูพื้นด้วยหิน บ้างลาดยาง บ้างขาดการดูแล ไม่เห็นระบบระบายน้ำของถนน ถนนเล็กๆบางแห่งมีรางระบายทำด้วยอิฐเพียงแค่นั้น ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าอาคารต่างๆจะมีระบบระบายน้ำหรือไม่ ผู้คนบนถนนค่อนไปในทางเป็นมิตร ในวันที่ฝนตกถนนจะเป็นผิวโคลนเดินลำบากบ้างบางช่วง แต่ในวันที่แดดออกทั้งเมืองเป็นฝุ่นดินคลุ้งไปทั่วแม้แต่ชาวเมืองเองยังต้องพกผ้าปิดจมูกเวลาเดินบนถนน เราจบวันด้วย Thamel ย่านนักท่องเท่ียวใจกลางเมืองกับอาหารมื้อค่ำแสนอร่อย ลาซานยา, พิซ่า ,กับชีสเค็ก และโซดามะนาว ในราคามิตรภาพ


Date : 110921

เริ่มวันด้วยอาหารเช้าที่โรงแรม แล้วก็ต้องรีบไปสนามบินเพื่อต่อเครื่องไปเมือง Pokhara แล้วต่อรถไป Naya pul ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆในป่าที่ติดต่อกับถนน เราไปถึงราว 12.30 จึงเริ่มแบกเป้เดินเท้าเข้าป่ากัน จากระดับน้ำทะเลที่ 1070 ไปจบที่ Ulleri 1960 เส้นทางเดินง่าย แต่ช่วง 2ชม. สุดท้ายก่อนถึงที่พักเป็นบันไดหินสามพันกว่าขั้น เป็นช่วงที่ลำบากพอควร ตลอดเส้นทางมีอาหาร น้ำและที่พักทุกๆสอง ชม. นับว่าเป็นเส้นทางที่เดินง่ายและสะดวกมาก ธรรมชาติรอบตัวสวยงามประทับใจ

Date : 110922

5.00am เริ่มฟ้าสาง ฟ้าเปิดมองเห็นยอดภูเขาน้ำแข็ง Annapurna South และ Hiunchuli รอเวลาพระอาทิตย์ขึ้น เด็กเล็กๆในหอพักตื่นนอนล้างหน้าตามารวมกันในห้องเรียน มีคุณครูสองคนนำเด็กๆร้องเพลงตอนเช้า แล้วจึงเริ่มเรียน
7.30 มีแอปเปิลแพนเค้กเป็นอาหารเช้า ออกเดินทางตอน 8.00 จาก Ullari ระดับน้ำทะเลที่ 1960 บนเส้นทางบันไดหินสลับ สะพานข้ามน้ำตกหลายสาย ความชื้นสูงมากรวมทั้งต้นกุหลาบพันปีสูงใหญ่ปกคลุมเส้นทางเป็นซุ้มไม้ให้เดินลอด มีลำธารและน้ำตกหลายสายคาดว่าน้ำบางส่วนไหลมากจากยอดเขาน้ำแข้ง เส้นทางเดินขึ้นเป็นส่วนใหญ่บางช่วงมีเดินลงบ้างเพื่อข้ามสะพาน เดินมาเรื่อยๆจนมาถึง Ghorepani ระดับน้ำทะเลที่ 2860 เวลา 12.30 เข้าเช็คกับตำรวจในจุด Check point พักทานมื้อเที่ยงแล้วตัดสินใจไม่เดินทางต่อเพราะจุดนี้วิวสวยงามมากขึ้นชื่อว่า Poon Hill's A great view in the world แต่บ่ายวันนี้เมฆบังยอดภูเขาน้ำแข็งทั้งหมดเลยตัดสินใจพักค้างคืนเพื่อขึ้นยอดเขา Poon Hill ถ่ายรูปวิวในตอนเช้ามืด

Date : 110923

4.00am. ตื่นแต่เช้ามืดใส่ชุดกันหนาวเต็มที่เก็บกล้องใส่กระเป๋าเล็ก ไฟฉายคาดหัวออกเดินขึ้นยอดเขา Poon Hill เดินขึ้นราว 1ชม. ชมดาวเต็มฟ้าระหว่างทางเดินวิวโดยรอบแทบไม่มีแสงไฟให้มากวนแสงดาวเป็นป่าไม้รอบบริเวณมีแต่แสงไฟเล็กๆจากที่พักไม่กวนแสงดาว เดินขึ้นจนถึงบนยอดเขามีหอชมวิว ฟ้าเริ่มสางมองเห็นยอดภูเขาน้ำแข็งหลายๆยอดรอบตัว แสงแดดเริ่มทอดมาจากด้านตะวันออกยอดเขาก็เริ่มทะยอยเปลี่ยนสีจากสีฟ้าครามเป็นสีฟ้าอ่อนเกือบขาว บางช่วงผืนน้ำแข็งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองจางๆ จนกระทั่งสีทองเข้มก่อนที่อาทิตย์จะขึ้นพ้นยอดเขา บันทึกภาพกันจนเต็มที่ ก็เดินลงจากยอด Poon Hill มาทานอาหารเช้ากับวิวล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะเป็นเช้าที่อากาศดีมากฟ้าเปิด แล้วจึงเก็บของขึ้นบ่าเดินทางต่อไปยัง Tadapani เส้นทางช่วงแรกเป็นทางเดินขึ้นเขาไปตามไหลเขาจนทั่งถึงยอดแล้วข้ามเดินลงไปตามลำธารผ่านน้ำตกน้อย/ใหญ่ จนถึงจุดด้านในหุบเขาลึก ทางเดินสะดวกในช่วงทางชันเค้าก็สร้างบันไดหินให้เดินลงได้โดยสะดวก มีคนคอยดูแลซ่อมแซมเส้นทางโดยตลอดพบเห็นได้ปะปรายตามทางที่เดินผ่าน จนถึงทางที่ต้องเดินแยกจากทางลำธารน้ำใส เพื่อเดินขึ้นข้ามยอดเขาอีกลูกหนึ่ง Ban Thanti ที่ระดับน้ำทะเล 3180 m. แล้วก็เดินลงเพื่อข้ามลำห้วยในหุบเขาอีกด้านลงไปที่ราว 2400m. จึงเดินขึ้นบันไดหินอีกครั้งราวเกือบชั่วโมงจนถึงยอดเราก็มาถึง Tadapani ที่ระดับน้ำทะเล 2630m. ราว 12.00 am. พักทานข้าวเที่ยงและเติมน้ำเตรียมเดินทางต่อ แต่อากาศไม่เป็นใจฝนเริ่มลงปรอยๆจนดูท่าจะเดินทางลำบากจึงหยุดดูท่าที่อยู่พักใหญ่ หลายๆคนตัดสินใจหยุดพักที่นั่นในคืนนั้น
เราตัดสินใจเดินทางต่อเพื่อจะได้เดินน้อยลงในวันพรุ่งนี้ จึงเดินลงจากยอด Tadapani ฝนเริ่มลงปรอยๆอีกครั้ง เดินผ่านป่ากุหลาบพันปีในช่วงแรกลงมายังป่าโปร่งเป็นทางลาดลงเขาบางช่วงชันมากโดยเฉพาะช่วงที่ลงมาเกือบถึงแม่น้ำนั้นชันมากฝนเริ่มหยุดจึงตัดใจเดินต่อให้มากที่สุด เริ่มเจอทากปะปราย มีอยู่ช่วงหนึ่งหยุดพักเข้าห้องน้ำใกล้คอกวัว ทากราว 20-30ตัวไต่กันขึ้นมาบนรองเท้าโชคดีที่มองเห็นก่อนปัดออกทันไม่งั้นคงมีเสียเลือดกันในเนปาล
ลงมาถึงแม่น้ำที่ระดับน้ำทะเลราว1650m. เดินข้ามสะพานเคเบิลพื้นทำด้วยไม้โยกไปมา พ้นสะพานแล้วเดินไต่ขึ้นเขาไปยังที่พัก Kimrong ที่ระดับน้ำทะเล 1800m. เป็นวันที่ยาวนานและเหนื่อย เราวางแผนที่จะได้ตากผ้าที่ยังไม่แห้งและเปียกจากฝนมาตลอดวันแต่โชคไม่เป็นใจหลังอาหารเย็นฝนตกหนักทั้งคืน

Date : 110924

ฝนตกจนกระทั่งเช้าเมฆต่ำและหมอกลอยอยู่ทั่วหุบเขา ทานอาหารเช้า เก็บข้าวของและเสื้อผ้าที่ตากไม่แห้งแล้วออกเดินทางต่อไป จากจุดน้ีเส้นทางสะดวกไม่ค่อยมีจุดให้ขึ้นลงมากนักตั้งใจจะเดินไปพักที่ Sinuwa เป็นจุดหมายปลายทางของวัน ทางเดินเลาะไปตามไหล่เขามองเห็นยอดเขาจุดหมายปลายทางด้านหน้าและยอดเขาที่เดินผ่านเมื่อวานมาด้านหลังอย่างชัดเจน กล้ามเนื้อขาอ่อนล้าจากการเดินทางอย่างหนักเมื่อวาน ทำให้เดินช้าลงเพื่อเป็นการผ่อนคลายและระบายกรดแลคติกในกล้ามเนื้อ ช่วงเที่ยงเรามาถึง Chhamrong ที่ระดับน้ำทะเล 2120 m. อย่างไม่ยากเย็นนักมองเห็นจุดหมายปลายทางจากอีกด้านหนึ่งของไหลเขา ต้องเดินลงข้ามลำธารน้ำตกและเดินข้ึนไปอีกราวเกือบชั่วโมงจึงถึง มีเวลาพอแน่นอนสำหรับวันนี้ วิวที่สวยงามตรงด้านหน้าของหุบเขา Chhamrong ด้านหน้าเป็นหุบเขาทอดลึกเขาไปทางด้านทิศเหนือทอดสูงไปจนจรดธารน้ำแข็ง มองเห็นภูเขาน้ำแข็งที่ยอดปกคลุมด้วยหมอกฝน ด้านตะวันออกเป็นไหล่เขาแลเห็นเส้นทางที่จะเดินต่อไปส่วนหนึ่งและหายลับไปอีกด้านของไหล่เขาอีกลูกด้านหน้า รอบๆหุบเขาล้อมรอบไปด้วยยอดเขาสูงทางตะวันออกและด้านตะวันตก ทิศใต้เปิดวิวทอดยาวไปตามลำธารใหญ่ มองเห็นน้ำตกหลายสายโดยรอบไหลและกระโจนข้ามผาตกลงเป็นสายยาวขาวโพลนตัดกับป่าไม้หนาทึบ บางสายกระจายตัวเป็นหมอกปกคลุมเป็นกลุ่มย่อมๆ บริเวณนี้มีบ้านพักเกาะตัวกันหลวมๆเป็นกลุ่มใหญ่บ้างเล็กบ้าง ถ้าเลือกที่จะไปต่อจนถึง Sinuwa ก็อาจไม่ได้ชมวิวสวยงามเหมือนที่นี่ เราเลยตัดสินใจไม่เดินต่อไปและเลือกที่พักวิวดีสำหรับคืนนี้ ทานอาหารกลางวันและอาบน้ำพักผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้เต็มที่นั่งชมวิวและจัดของ เตรียมพร้อมในวันต่อไป

Date : 110925

เราตื่นแต่เช้ามืด 5.30 am. เก็บสำภาระและแยกกลุ่มที่ไม่จำเป็นฝากไว้กับที่พักที่ Chhamrong เพราะต้องเดินทางกลับมาทางเดิมอยู่ดีเก็บไปเฉพาะเท่าที่จำเป็นต้องใช้จริงๆเพราะจากนี้ไปเป็นเส้นทางที่จะขึ้นสู่ Base camp ที่ไต่ขึ้นสู่ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นไป
มองเห็น Sinuwa อยู่เบื้องหน้าแต่ต้องไต่ระดับลงไปเพื่อข้ามลำธารน้ำตก แล้วเดินข้ึนเรียบไหล่เขาเข้าไปในหุบเขาอีกครั้ง เส้นทางต่อไปนี้ชัดเจน เดินลึกเข้าไปในหุบเขาค่อนข้างเป็นเส้นตรงไปทางทิศเหนือเทือกเขาสองข้างตรงหน้าฟากตะวันออกทางด้านขวามือ และฟากตะวันตกทางด้านซ้ายมือ สูงไล่เลี่ยกัน ทางเดินอยู่ทางฟากตะวันตกของหุบเขามีลำธารสายใหญ่คั่นกลาง หุบเขาสองข้างทอดตัวสูงขึ้นไปทางเหนือทั้งสองข้างแต่ทางด้านฟากตะวันออกแลดูชันกว่าทางฟากตะวันตก ทางเดินขึ้นหุบเขาจึงลัดเลาไปตามป่าของฟากตะวันตกขนานไปกับลำน้ำ
สองด้านของเป็นผาสูงจากลำธารสายใหญ่ขึ้นไปกะด้วยสายตาราวๆ 400m.-800m. แตกต่างกันไปมองเห็นน้ำตกไหลลงมากจากยอดเขาเป็นสายหลายสายสลับกับป่าไม้เป็นช่วงๆทั้งสองข้างสายน้ำจากหน้าผาไหลลงไปรวมกันที่ลำน้ำด้านลางที่เป็นเส้นแบ่งของหุบเขาสองฟากนั่นเอง ทางเดินจึงลัดเลาะไปตามช่วงของความลาดชัน หลายๆช่วงเดินขึ้นและเดินลงยาวๆเพื่อข้ามลำธารและน้ำตก ผ่าน Bamboo แวะทานข้าวกลางวันที่ Dovan ฝนเริ่มลงปรอยๆอีกครั้ง เราเริ่มหยุดดูท่าที หลายคนที่ออกเดินทางมากจากจุดเดียวกันในช่วงเช้าตัดสินใจพักค้างคืนที่นี่ แลดูค่อนข้างสบาย แต่เรากันฟันเดินตากฝนต่อไปกะว่าจะทำระยะทางให้ได้มากที่สุดในวันนี้ ต่อไปไม่นานก็มาถึง Himalaya ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง เรารอจนฝนซาเล็กน้อยแล้วก็ร็อคกันต่อ เส้นทางช่วงนี้เริ่มเป็นป่าโปร่งทางเดินเรียบใกล้ลำธารมากขึ้น มองเห็นสายน้ำอาบสองข้างของภูผาหุบเขาสองด้านมากสายขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมองเห็นจุดที่หุบเขาสองด้านแนบเข้ามาบรรจบกัน เราเดินเท้าทั้นสิ้นเกือบ 9 ชม. ในวันนี้จนมาถึง Durali ที่ระดับน้ำทะเล 3140 m. เข้าพักที่พักแล้วจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เปียกมาตลอดวัน เจ้าของที่พักใจดีมากจุดเตาน้ำมันใต้โต๊ะในห้องอาหาร ที่ขาโต๊ะเขาขึงเชือกเตรียมไว้สำหรับตากผ้า เราจึงผึ่งสิ่งของที่เปียกทั้งหมดรวมทั้งเป้ไว้ทั้งคืนในนั้น
หลังอาหารเย็นนักเดินทางทั้งหลายก็แนะนำตัวกันไปมาผูกมิตรและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ห้องอาหารในคืนนั้นอุ่นทุกคนไม่อยากลุกไปไหนเลย ฝนเริ่มลงหนักอีกครั้ง และตกต่อเนื่องตลอดทั้งคืน

Date : 110926

ทานอาหารเช้า เก็บของที่ตากไว้ในห้องอาหารเมื่อคืนใส่เป้แล้วรีบออก 8.00 am. ออกจาก Durali เดินเท้าต่อไปยัง MBC ซึ่งเป็น Base Camp สำหรับขึ้นสู่ยอด .. และเป็นจุดที่สามารถใช้จอดเฮลิคอปเตอร์สำหรับกู้ภัย ระหว่างทางเดินเรียบไปกับลำธารที่เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำ .. ทางเดินเริ่มอยู่ใกล้กับระดับน้ำเข้าไปทุกที พอถึงจุด MBC ก็รู้ตัวว่าหุบเขาสองข้างที่เดินผ่านมาตลอดทางตั้งแต่เมื่อวานนี้ได้บรรจบเข้าหากันแล้ว พ้นจากจุด MBC ก็จะเป็นจุดที่อยู่สูงขึ้นไปคือ ABC Annapurna Base Camp จะเดินวกขึ้นไปทางทิศตะวันตกเรียบลำธารที่ไหลลงมาจากยอดภูเขาน้ำแข็งข้ึนไป จากจุดน้ีไปจะเป็นทุ่งหญ้าเสียส่วนใหญ่ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลที่ 3400-4000 m. และเป็นทุ่งดอกไม้ตามพื้นดินสลับกันไปจนถึง ABC Annapurna Base Camp ราวๆ 12.00 am. หมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณอย่างหนาแน่น มองไม่เห็นวิวอะไรเลย ทานอาหารกลางวันแล้วนั่งพักผ่อนรอให้หมอกจาง และแล้วฝนก็ตกลงมาอีก ทั้งหมอกและฝน อากาศเย็นและมีลมบ้างเริ่มหนาวจนกระทั่งค่ำ ทานอาหารเย็นแล้วพักผ่อนตลอดคืน แขกที่มาพักที่เดียวกันมีอยู่กลุ่มหนึ่งชาวยุโรป มาด้วยกันชายหนึ่งหญิงสอง ผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นเกิดอาการแพ้ระดับความสูงปวดหัวรุนแรงและอาเจียน เพราะที่ ABC นี้อยู่ที่ระดับน้ำทะเล 4.. ไกด์ต้องพาลงไปที่ MBC ที่อยู่ต่ำกว่าที่ 3.. เพื่อความปลอดภัยและหากฉุกเฉินก็สามารถเรียกเฮลิคอปเตอร์ได้ อาการแพ้ระดับความสูงนี้คงเกิดจากการไต่ขึ้นที่สูงเร็วเกินไป และร่างกายไม่แข็งแรงพอ ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอเพราะร่างกายปรับตัวไม่ทันค่อนข้างอันตรายต้องเตรียมตัวให้ดีก่อนขึ้นที่สูงเกิน 3000 m. หรือทานยาล่วงหน้าก่อนพ้นความสูงระดับนี้ก็ช่วยได้ ( โดยทั่วไปเครื่องบินจะบินที่ความสูงที่ราวๆ 2000-2400 m. มีบางเที่ยวบินที่สนามบินอยู่สูงที่เกินระดับน้ำทะเลที่ 3000 m. ก็จะไต่ระดับเพื่อขึ้นไปจอด แล้วในห้องโดยสารก็มีการปรับอากาศและความกดอากาศ จะไม่พบปัญหา )

Date : 110927

ตื่นแต่เช้า 5.30 am. ออกเดินถ่ายรูปยอดภูเขาน้ำแข็งรอบๆตัว ฟ้าค่อนข้างเปิดมีเมฆเพียงเล็กน้อยทำให้เห็นว่าบริเวณที่พักเป็นที่ราบแอ่งเขา ล้อมรอบไปด้วยภูเขาน้ำแข็ง บริเวณที่ยืนอยู่ยังมีหญ้าขึ้นอยู่โดยรอบ มีฝูงแกะเลาะเล็มหญ้าอยู่บ้างสุนัขเลี้ยงแกะสองตัวคอยตะเวณโดยรอบต้อนแกะให้เกาะตัวรวมกันเป็นฝูง มองไล่จากตีนเขาขึ้นไปไม่มากราวความสูงที่ 4500 - 6000 m. ผืนหญ้าเริ่มบางตาลงกลายเปลี่ยนเป็นหินกรวดสีดำไต่ไปตามความลาดชัน ราวความสูงจาก 5000 - 6000 m. ก็เป็นหิมะและผืนธารน้ำแข็งที่เกาะตัวอยู่ตลอดปี ผิวบางส่วนละลายตัวไหลลงเป็นลำธารน้อยใหญ่ทั่วหุบเขา เส้นทางที่ใช้เดินขึ้น/ลงจึงเห็นสายน้ำตกและลำธารมากมายนับไม่ถ้วน อาจมีมากถึง 500-600 สายจากการคาดเดาด้วยสายตาตลอดสามวัน
เราใช้เวลาเพลินอยู่กับการบันทึกภาพอยู่เนิ่นนาน จนเวลาเกือบ 9.00 am. จึงเก็บของแล้วเดินลงเขา ตั้งใจจะเดินลงมาให้ถึง ABC > MBC > Durali > Himalaya > Dovan > Bamboo > Sinuwa > Chhamrong ขาเดินขึ้นเราใช้เวลา 1.5 วัน (โดยคนทั่วไปใช้เวลา 3วัน) ขาเดินลงเรากะจะใช้เวลา 1วัน (โดยคนทั่วไปใช้เวลา 1.5-2วัน) เราเดินโดยพักตามจุดต่างๆน้อยที่สุดและพยายามจิบน้ำทุกๆ 20นาที ไหว้เจ้าที่เจ้าทางและเจ้าป่าเจ้าเขาตลอดทางขออย่าให้มีฝนตลอดทางเพราะจะทำให้ตัวเปียกลำบากแก่การปรับอุณหภูมิในร่างกายเวลาเดิน และจะทำให้ช้าลงเพราะต้องคอยระวังทากไต่ขึ้นมาจากรองเท้า จาก ABC 4130 m. - Chhamrong 2410 m. ก็ไม่ใช่ทางลงอย่างเดียว มีสองถ็งสามช่วงต้องเดินขึ้น/ลงราว 200 - 400 m. เพื่อเลี่ยงแนวผาชันและข้ามลำน้ำ จนมาถึง Sinuwa ราว 16.30 pm. มีเมฆหมอกอยู่บ้างทางตรงหน้าเป็นหุบเขาที่จะต้องเดินลงราว 300m. เพื่อข้ามลำน้ำ และไต่ขึ้นราว 400m. เห็นหลังคาและอาคารที่พักที่ตั้งใจเข้าพักชัดเจนอยู่ตรงหน้าอีฟากหนึ่งของภูเขา ถ้าฝนตกลงมาเราจะตัดสินใจพักที่ Sinuwa แต่โชคเข้าข้างเราฝนไม่ตกเราเลยตัดสินใจรวบรวมพลังที่เหลืออยู่แบกเป้เดินตามลูกหาบลงเขาข้ามสะพานเคเปิลพื้นสแตนเลส แกว่งไปมาแล้วไต่บันไดหินหลายพันขั้น แทบคลานเมื่อก้าวขึ้นสู่บันไดขั้นสุดท้ายที่ที่พัก ราว 18.00 pm. สั่งอาหารและรีบไปอาบน้ำราว 18.30 pm. ฝนก็เทลงมาเหมือนกับฟ้ารั่ว เราโชคดีมากๆที่ถึงในเวลา พูดแล้วก็ขนลุกต้องยกมือไหว้กราบขอบพระคุณเจ้าป่าเจ้าเขาอีกครั้ง





Create Date : 13 ตุลาคม 2554
Last Update : 13 ตุลาคม 2554 20:59:51 น. 0 comments
Counter : 1694 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.