|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่ซื้อ...ไม่ตาย(อยากให้ทุกคนได้อ่าน) น่าเศร้าจัง
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่าไม่รู้ แต่โอ๋อ่านจาก Fwd mail แล้วรู้สึกเศร้าใจถ้าสิ่งที่ได้อ่านเป็นเรื่องจริง ก็เลยเอามาเก็บไว้ใน blog ให้เพื่อนๆ ที่แวะมาเยี่ยมได้อ่าน & ออกความคิดเห็นกันค่ะ <=========================================>
1,222,245,200,000คือ
ยอดขายโทรศัพท์มือถือในปี 2551
จากสถิติ ของ Worldwatch institute ระบุว่า
ระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้โทรศัพย์มือถือ 1 เครื่อง
ในปัจจุบันมีอยู่ราว 14 เดือน ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่
นับว่าน้อยกว่าอายุการใช้งานจริงที่ควรจะเป็น
ทั้งๆที่มือถือยุคใหม่ไม่ได้ทำอะไรออกมาสนองความต้องการมากนัก
และระยะเวลาในการใช้งานอาจจะน้อยเกินไปกว่านั้น
ในกลุ่มผู้ใช้มือถือที่เห็นเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมความมั่นใจ เปลี่ยนเครื่องใหม่ทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในเทรนด์
และได้ของที่ฉลาดสุดๆอยู่ในมือ
แต่รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังความพอใจที่ได้อินเทรนด์นี้
ยอดขายหลายล้านๆเครื่องในแต่ละปี หมายถึง น้ำตา ฝันร้าย
และความตายของชาวคองโกนับล้านชีวิต
นี่ยังไม่นับรวมการฆาตกรรมหมู่ในป่าลึก,
ความตายของกอริลล่ายักษ์ที่อาจเหลือฝูงสุดท้ายในรวันดา
ตัวเชื่อมที่ทำให้มือถือโยงไปถึงสงครามร้ายแรงที่สุด
ในประวัติศาสตร์แอฟริกาคือ โคลัมไบต์-แทนทาไลต์
หรือแร่โคลแทนที่พบมากในแอฟริกากลาง,แน่นอน...ในคองโก
ด้วยคุณสมบัติทนความร้อนสูง ทำให้ผงแทนทาลัม
ที่สกัดได้จากโคลแทน กลายเป็นวัตถุดิบจำเป็นที่อยู่ในมือถือ
คอมพิวเตอร์,เพลย์สเตชั่นฯลฯ
โคลแทน กลายเป็น black gold ในขณะเดียวกัน
สงครามคองโกครั้งที่ 2 ทำให้แร่สีดำชนิดนี้
กลายเป็นแร่สีเลือด blood coltan
เพราะการลักลอบทำเหมืองและส่งออกโคลแทน
กลายเป็นแหล่งหารายได้ที่เติมเชื้อไฟให้กับAfrican World War
ในจำนวนประเทศทั้ง 8 ที่ติดหล่มสงคราม
และกองกำลังติดอาวุธกว่า20กลุ่ม
หลายกลุ่มหาผลประโยชน์จากพื้นที่คองโก
ที่ประเมินว่ามีแร่โคลแทนมากถึง 80% ของปริมาณโคลแทนในโลก
การดิจิไทซ์โลก ถนนทุกสายจึงมุ่งไปที่พื้นดินของคองโก
กองกำลังประชาธิปไตย กลุ่มปลดปล่อยรวันดาหรือ FDLR
ที่มีชาวฮูตูเป็นแกนนำ เป็นตัวอย่างที่เห็นชัด
ของการทำเหมืองแร่ในคองโกอย่างผิดกฏหมาย แม้จะต้องเสี่ยงจากการถูกปราบปรามจากรัฐบาลคองโก แต่FDLR และอีกหลายกลุ่ม
ก็เห็นว่ามันเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่าอยู่ดี
เพราะแทนทาลัมเพียง 1 ปอนด์ทำเงินร่วม หมื่นบาท
แทนทาลัม 1 ปอนด์ เป็นได้ทั้งตัวเก็บประจุในโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่
และแปลงเป็น AK-47 พร้อมกระสุนให้กับกองกำลังติดอาวุธ
หน่ำซ้ำในกระบวนการร่อนแร่หาโคลแทน
แรงงานที่ถูกบังคับให้ทำเยี่ยงทาส ก็คือเด็กๆคองโกลีส
ซึ่งองค์การสหประชาชาติรายงานว่า ในบางพื้นที่ของคองโก ในเด็ก 100 คนจะมี 30 คน ที่ต้องใช้เวลาทั้งวัน
ไปกับการแยกโคลแทนออกจากเศษหินอื่นๆ
เงินค่าจ้างไม่ถึง 35 บาท ต่อการหาโคลแทนให้ได้ 1 ปอนด์
เรื่องมือถือเปื้อนเลือดถูกพูดถึงเมื่อหลายปีก่อน
บริษัทระดับโลกอย่าง Nokia,Ericsson,Moto,Acer ,Compaq
ออกมาปฎิเสธเสียงแข็งว่า โคลแทนที่ใช้ในการผลิตของตน
ไม่ได้มาจากคองโก แต่มีซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้หามาให้
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บอกได้ว่า
แทนทาลัมในมือถือที่พกติดตัวจนกลายเป็นอวัยวะที่33
นั้นมาจากคองโกหรือเปล่า
การตรวจสอบเส้นทางของแทนทาลัมนั้น
ต่อให้ใช้วิธีตามไปดูถึงที่แบบกบนอกกะลา
ก็ยังไม่สามารถบอกที่มาได้ โคลแทนได้ถูกลักลอบเอาออกนอกคองโก เข้าสู่ตลาดมืด และขายทอดต่อไปเรื่อยอีกอย่างน้อย 10 ทอด
กว่าจะไปถึงผู้จัดหารายใหญ่ ที่บริษัทบิ๊กๆเลือกเป็นคู่ค้า
ความพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้วัตถุดิบ
มารองรับความต้องการการซื้อมือถือในตลาดโลก
นอกจากจะมีส่วนสร้างประวัติศาสตร์เลือดให้กับอัฟริกาแล้ว
ยังส่งผลร้ายต่อสัตว์ป่าด้วย สัตว์ป่าน้อยใหญ่ กอริล่า และช้างป่านับพัน ถูกฆ่าจากการโดนบุกรุกของมนุษย์เพื่อหาโคลแทน
//images.encarta.msn.com/xrefmedia/sharemed/targets/images/pho/t027/T027941A.jpg
เพราะในพื้นที่ๆขุดหาโคลแทน มันคือบ้านของ กอริลล่าภูเขา
ที่เหลืออยู่บนโลกนี้ไม่กี่ร้อยตัว
สัตว์ร่วมวงศ์กับมนุษย์ ที่แสนจะขี้อาย สุภาพ
ไม่เพียงถูกเหมืองคุกคามถิ่นที่อยู่
พวกทำเหมืองยังล่าพวกมันเอาหัว บางทีก็ชำแหละนำเนื้อมากินด้วย
//news.nationalgeographic.com/news/2004/09/photogalleries/bushmeat_2/images/primary/P133.jpg
สวนสัตว์ในแอฟริกาหลายแห่ง รณรงค์การรีไซเคิลมือถือ
เพื่อลดอัตราการใช้โคลแทนในการผลิตมือถือใหม่
ด้วยหลังจะชะลอการสูญพันธุ์ของกอริลล่าภูเขาในคองโกได้บ้าง
แต่ดูเหมือนไม่ทันต่ออัตราการเติบโต
ของอุปกรณ์ที่เป็น มากกว่าใช้พูด แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้แค่พูดเท่านั้น
ในทวีปแอฟริกาเอง พิษภัยจากมือถือคุกคามชีวิตและทรัพยากรตัวเอง
แต่อัตราการใช้มือถือก็เพิ่มขึ้น 1000%
เช่นเดียวกับจำนวนคนบริสุทธิ์ที่ล้มตายลง
ในสงครามกลางเมืองคองโก ประมาณการณ์กันว่า
นับแต่ปี 2547 ซึ่งเป็นปียุติสงครามอย่างเป็นทางการ ยังมีผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงรูปแบบต่างๆถึงเดือนละ 45,000คน หรือปีละ 540,000 คน ตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึง ผู้หญิงหลายหมื่นที่ถูกทารุณทางเพศ
ของกลุ่มติดอาวุธต่างๆ เพียงแต่พวกเธอยังไม่ตาย
//www.usafricaonline.com/genocide.rwanda11.jpg
//merahza.files.wordpress.com/2009/05/bloody-phone.jpg?w=450&h=338
1,222,245,200,000 กับ 540,000 อาจมีหน่วยนับต่างกัน
แต่อัตราการขยายตัวกลับแปรตามกันอย่างน่ากลัว
ถ้าความอินเทรนด์ของคุณ นำมาซึ่งตัวเลขที่มีหน่วยศพเพิ่มมากขึ้น
คุณยังอยากเปลี่ยนมือถือทัชสกรีนมาใช้เล่นอีกสักเครื่องไหม ...!?!
Create Date : 28 มกราคม 2553 |
Last Update : 28 มกราคม 2553 13:03:18 น. |
|
2 comments
|
Counter : 601 Pageviews. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:13:37:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่ว่าจะเป้นเรื่องจริงหรือปล่า แต่ว่าการที่
เราทำอะไร ใช้อะไร ว่าไปแล้วก็คงแต่ว่า
จะอยู่บนความพอดี ให้คุ้นค่า ประหยัด
ก็คงเป็นพื้นฐานของเราเองที่จะอยู่ได้อย่าง
พอเพียงนะค่ะ ว่าไม๊ค่ะ