มะลิไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
 
มิถุนายน 2557
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
22 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 

Central Japan ตอน ๒ เมืองคานาซาวา และ japan alps



japan alps


  วันที่ 13 พค
วันนี้สบายๆไม่ต้องรีบร้อนอะไร เพราะโปรแกรมเที่ยวรอบเมืองคานาซาวา เราไปซื้อตั๋ว loop bus 1 วัน ราคา 500 บาท/คน ที่ห้องขายตั๋วที่สถานีคานาซาวา ตอนแรกหาไม่เจอเลยถามเจ้าหน้าที่แถวนั้น เค้าพูดอังกฤษไม่ได้ แต่ก้อช่วยแนะนำเราจนไปซื้อตั๋วได้ เดินกลับมาเข้าแถวรอรถที่ช่องรอรถ 3 ไม่นานรถก้อมา รถจะมีวนซ้ายกะวนขวาเราขึ้น loop ซ้าย จุดแรกที่ลงคือตลาดสด ซึ่งเน้นขายพวกอาหารทะเลสด ตลาดใหญ่มาก ของทะเลไซส์ใหญ่กว่าบ้านเรามาก มีขายแบบกินสดๆด้วย 



สถานีรถเมืองคานาซาวา



ด้านหน้าสถานีรถ เป็นประดูใหญ่โตมาก

เค้ายืนชิมกันเห็นๆเลย อย่าง ปลาหมึกพวกนี้กินกันหน้าตาเฉย ส่วนชั้น 2 เป็นร้านขายอาหาร เปิด 11 โมง ต่อจากจุดนี้เราไปที่หมู่บ้านเกอิชา เป็นหมู่บ้านเงียบๆ เข้าใจว่าเปิดขายตอนกลางคืน ตอนนี้เกอิชาคงกำลังนอนพักผ่อนอยู่  เค้ามีบ้านตัวอย่างให้เราเข้าชม และถ่ายรูปฟรีด้วย เราเดินต่อไปถึงวัดนินจา เป็นวัดที่เงียบสงบมาก ตอนไปถึงมีนักเรียนมาฟังธรรมด้วย คงเป็นโปรแกรมศึกษานอกสถานที่ของโรงเรียน เราเดินออกไปขึ้น loop bus ต่อไปที่สวนโคเรนคูเอ็น ค่าเข้า 310 เยน ถือว่าไม่แพงถ้าเทียบกับเมืองจีน สวนเค้าสวยจริงๆสมเป็น 1 ใน 3 สวนสวยของญี่ปุ่น ที่สำคัญร่มรื่นมากๆด้วย เป็นอีกที่ๆไม่ควรพลาดถ้ามีโอกาสแวะมาเที่ยวเมืองคานาซาว่า อากาศก้อเย็นสบายค่อนไปทางเย็นมากด้วยซ้ำ



ตลาดสดในคานาซาวา



ของทะเลสดๆ ขนาดใหญ่ๆ

 คิดว่าแต่ละฤดูก้อน่าจะสวยไปคนละแบบ แล้วแต่ใครชอบแบบไหนก้อเลือกเอา เราเดินอยู่ในสวนนี้ประมาณ 3 ชม แล้วก้อไปออกประตูข้ามไปปราสาทคานาซาวาเลย แต่ต้องออกให้ถูกประตูอ่ะ ที่ปราสาทต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มอีก 310 เยน/คน ปราสาทมี 2 ชั้น เน้นไปทางด้านยาว จริงๆแล้วไม่ได้เป็นที่อยู่นะ วัตถุประสงค์หลัก เค้าเอาไว้เก็บอาหารกะอาวุธ ข้างนอกเป็นปูนแต่โครงสร้างภายในเป็นไม้ ตอกและเข้าลิ่มแข็งแรงขนาดรับมือกะแผ่นดินไหวได้ แต่ที่พังลงไปเพราะไฟไหม้ 



ปูทะเลขนาดใหญ่



ขายของสดๆ คีบให้ชิมกันสดๆ

น่าเสียดาย ตอนนี้เค้าซ่อมตัวปราสาทเสร็จหมดแล้ว กำลังซ่อมกำแพงอยู่ ใช้เวลาที่นี่ไม่นานนักเพราะเป็นห้องโล่งๆเดินแป๊บเดียวก้อหมด หลังจากนี้เราจะไปที่จุดสุดท้าย คือหมู่บ้านเกอิชาอีกแห่งที่นี่ใหญ่กว่าหมู่บ้านเมื่อเช้าและนักท่องเที่ยวก้อมากด้วย ตอนนี้เกอิชาคงตื่นแล้วเพราะได้ยินเสียงเล่นดนตรี แต่ไม่เห็นตัว เดินเล่นชมหมู่บ้านสัก 20 นาทีก้อทั่วแล้ว ตอนนี้ 5 โมงกว่าแล้ว ว่าจะกลับไปที่ตลาดสดเพืื่อซื้อผลไม้สักหน่อย เมื่อเช้าเล็งแอปเปิ้ลไว้ แต่ยังไม่ซื้อเพราะกลัวว่าจะต้องหิ้วหนัก เราไปถึงตลาดเกืือบ 6 โมง เค้าเก็บร้่านกันเกือบหมดแล้ว โชคดีร้่านผลไม้ยังเก็บไม่เสร็จ เลยได้แอปเปิ้ลมากิน 






หมู่บ้านเกอิชา



สภาพภายในบ้านเกอิชา

ขากลับข้ามถนนไปขึ้น loop bus ด้านขวา กลับไป 1 ป้าย ถึงสถานีคานาซาวา ไปจองตั๋วรถไฟ เพื่อไปเมืองโทยามาพรุ่งนี้ รอบ 9.22 น ใช้เวลาประมาณ 1 ชม เท่านั้น เราซื้อแบบธรรมดาถูกกว่าแบบด่วนเยอะเลย เสร็จแล้วหาข้าวเย็นกิน แล้วกลับโรงแรมพักผ่อน




ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์ มีสระน้ำแบบศิลป์ เหมือนคนไปเดินอยู่ข้างใต้สระแบบไม่เปียก



ดอกสนออกเต็มต้น ในสวนโคเร็นคูเอ็น

ค่าใช้จ่าย
ค่ารถ loop bus 1000/2 คน
ค่าเข้าสวน 620 / 2 คน
ค่าเข้าปราสาท 620/2 คน
ค่าขนมญี่ปุ่น 130 เยน
ค่าผลไม้ + ข้าวเย็น 1300 เยน/ 2 คน
ค่าตั๋วรถไฟไป toyama 1940 เยน/ 2 คน



สวนโคเร็นคูเอ็น เป็นสวนสวย ๑ ใน ๓ ของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว






ดอกหญ้าต้นเล็กๆ บนพื้นสวน






เมล็ดสนบนพื้นหญ้า

วันที่ 14 พค
วันนี้สบายๆ กินข้าวเสร็จก้อไปสถานีรถไฟ รถออก 9.22 ตรงเวลาเป๊ะ รถธรรมดาของเค้านั่งสบายมากๆเลย 1 ชม ก้อถึงที่หมาย ออกจากสถานีรถ เดินประมาณ 5 นาที ถึงโรงแรมแต่ check in 4 โมงเย็น เลยไปเดินเล่นรอบๆเมือง ก่อนอื่นก้อแวะไปถามเรื่องซื้อตั๋วรถไฟไป tateyama alpine route วันพรุ่งนี้ก่อน ห้องขายตั๋วเปิด 6.50 น รถไฟเที่ยวแรกมีตั้งแต่ 6 โมงกว่า แต่เราไปไม่ได้เพราะห้องขายตั๋วยังไม่เปิด เที่ยวเร็วที่สุดที่สามารถไปได้คือ 7.11 น รอบที่ 3 แล้วก้อสามารถฝากของไปสถานีสุดท้ายได้ที่เดียวกัน เค้าไม่เปิดให้จองตั๋วใดๆทั้งสิ้น อันนี้ก้อไม้รู้ว่ามีเหตุผลอัลไลเหมือนกัน เราได้แผนที่ภาษาไทยมาด้วยเสร็จแล้วก้อเดินไป 



ดอกไม้สวยในสวน




ตามแผนที่ของเมืองที่เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ในรูปมีอาคารสูงไม่รู้เป็นอาคารอะไร เดินไม่ไกลจากโรงแรม เข้าไปมีแผนกต่่างๆเต็มไปหมด เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดเลย มีอยู่ป้ายนึงที่มีภาษาอังกฤษกำกับ คือ ประกัน ลองไปถามยามว่าจะขึ้นดูวิว ไปยังงัย ยามพูดอังกฤษไม่ได้แต่เข้าใจแล้วว่าเราอยากจะไปดูวิว เค้าบอกฟรี เราถามชั้นไหน แกตอบไม่ได้อ่ะ เราเลยเอาปากกากะกระดาษให้เขียนเลข แต่แกไม่เขียน พยายามเขียนเป็นตัวหนังสือแทน แต่ขีดๆไปไม่ครบตัวก้อเปลี่ยนใจพาเราเดินไปที่ลิฟท์แล้วชี้ให้ดูว่าต้องกดชั้นไหน เออ มันเป็นตัวหนังสือจริงๆไม่รู้เขียนว่าอะไร แต่ก้อเอาเถอะ เรารู้แล้วว่าเข้าไปก้อกดตัวนั่นละกัน แล้วเราก้อได้ขึ้นไปที่หอชมวิว 360 องศาของเมือง เห็นเทือกเขา tateyama ด้วย แต่แดดจ้ามากเลยกะจะขึ้นมาดูอีกทีตอนเย็นๆ 



ปราสาทคานาซาวา



แบบแปลนปราสาทไม้คานาซาวา



หมู่บ้านเกอิชาอีกแห่งหนึ่ง




ตอนนี้เที่ยงแล้วไปหาข้าวกินก่อน หลังจากกินข้าวเสร็จก้อเดินไปเที่ยวที่ปราสาทโทยามา ค่าเข้าคนละ 210 เยน ที่นี่มีบรรยายภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ตอนเข้าคนขายตั๋วให้หนังสือคู่มือบางๆมาเล่มนึง ให้อ่านตามนันก้อจะบรรยายเรื่องราวตามนิทรรศการ ทำให้เราเข้าใจประวัติความเป็นมาของเมืองนี้ได้ไม่ยากนัก หลังจากนั้นก้อขึ้นไปชั้น 3 ที่เป็นหอสังเกตุการณ์ของปราสาท แล้วก้อไปถ่ายรูปด้านหน้า. จุดต่อไปก้อเดินเลียบคลองที่ถ้าดูตามรูปเดือนเมษายนดอกซากุระจะบานเต็มสองข้างฝั่งคลอง 







และมีบริการนั่งเรือล่องคลองดูซากุระด้วย แต่ของเรานี่เขียวชะอุ่มสองฝั่งคลองเลย ก้อสดชื่นไปอีกแบบ เดินไปก้อแวะถ่ายรูปปฎิมากรรมไปเป็นระยะๆ  รู้สึกเมืองนี้จะเน้นด้านปฎิมากรรมนะ ข้างถนนก้อมีการตกแต่งประดับด้วยของกระจุกกระจิก ดูอาร์ตๆ  เราเดินจนถึง 3 โมงครึ่งก้อกลับไป chek in แล้วออกมาอีกทีตอน 17.30 ไปที่ดูวิวอีกครั้ง คราวนี้เห็นเทือกเขาชัดขึ้นมากเลย ถ่ายรูปเสร็จไปหาข้าวกิน แล้วก้อไปแวะซื้อเสบียงสำหรับพรุ่งนี้ แล้วกลับที่พัก นอนเอาแรงก่อนดีกว่า สำหรับเมืองนี้ถ้าใครไม่มีเวลามาก ก้อใช้เป็นแค่ทางผ่านไป tateyama ได้เลย เพราะไม่มีอะไรเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่ถ้าพอมีเวลาก้อเดินเล่นชมบรรยากาศเมือง ก้อไม่เลวทีเดียว เพราะเป็นเมืองเล็กๆ สงบ น่ารักดีเหมือนกัน






วิวเมืองโทยามา ด้านหลังคือเทือกเขา tateyama

ค่าใช้จ่าย
ค่าโรงแรม 6000 เยน
ค่าอาหารกลางวัน 600 /2 คน
ค่าเข้าปราสาท 420 เยน/2 คน
ค่าอาหารเย็น 700 เยน/2 คน
ค่าเสบียง 900 เยน



สถานีรถไฟ tateyama alpine route




วันที่่ 15 พค
วันนี้ตื่นแต่ตี 5 เพื่อรีบไปเข้าคิวจองตั๋ว tateyama alpine route ให้ทันรอบแรก ต้องลุ้นกันหน่อยว่าวันนี้จะมีฝนรึป่าว แต่ยังงัยก้อจัดเต็ม ทั้งร่ม ทั้งเสื้อกันฝน เราออกจากโรงแรมตอน 6 โมงกว่าเล็กน้อย ไปถึงมีหนุ่มสาวคู่นึงมารออยู่ก่อนแล้ว เราว่าเราเช้าแล้วนะ เค้าเช้ากว่าเราอีก ขณะรอก้อเดินหาห้องขายตั๋วที่เมื่อวานหาไม่เจอ วันนี้เห็นแล้ว มันเป็นช่องกระจกเล็กๆ อยู่ข้างตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ ส่วนที่ฝากกระเป๋ายังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน พอ 6.30 เห็นหนุ่มสาวคู่นั้นแบกเป้ไปที่ช่องสอบถามของสถานี ดูแล้วน่าจะเป็นการเอากระเป๋าไปฝากส่งเพราะเห็นเขียนใบอะไรด้วย สักพักเราเลยเดินตามไป พอดีเค้าเสร็จเราเลยต่อ ฝากกระเป๋าไปสถานี shinano omachi ราคา 1230 เยน/ใบ เขียนใบฝากเสร็จเค้าจะติด tag ที่กระเป๋าของเรา จ่ายเงินเป็นอันเสร็จพิธี 




เค้าจะมีใบรับกระเป๋ามาให้เราด้วย แล้วกลับไปต่อแถวซื้อตั๋ว ตอนนี้เริ่มมีคนมารอซื้อตั๋วเยอะขึ้นแล้ว ได้ยินเสียคนไทย และจีน เจี๊ยวจ๊าวทีเดียว เราเห็นลุงคนนึงเค้ามากัน 5 คน พ่อแม่ลูก แต่ไปกดซื้อตั๋วที่ตู้อัตโนมัติ ซึ่งมันซื้อได้แค่ถึงสถานี tateyama เท่านั้น แล้วลุงก้อมีกระเป๋าใบใหญ่มาแล้วยังไม่ได้ฝากด้วย ลุงก้อมาเดินอ่านบอร์ดแถวๆช่องซื้อตั๋ว แต่ก้อยังไม่ยอมถามใครอีก เราเลยถามลุงซะเองว่าลุงจะไปไหน ลุงก้อบอกจะไป route เดียวกะเรา เราเลยถามแล้วไม่ซื้อตั๋วเหรอ ลุงก้อตอบเหมือนมีข้อมูลแน่นว่า จะซื้อตั๋วไป tateyama แล้วไปซื้อที่เหลือต่อเอาข้างหน้า เราเลยถามอีกว่าแล้วไม่ส่งกระเป๋าเหรอ ลุงก้อบอกว่าไปส่งที่ tateyama อีก 



ทางขึ้น จะมีจอถ่ายทอดสดสภาพอากาศบนจุดท่องเที่ยว บอกความสูง และอุณหภูมิ ณ ขณะนั้น




แกบอกเหมือนกันว่า จะซื้อแบบเราเลยก้อได้ แบบแกก้อได้ เราก้อเลย อ๋อ พอดีถึงคิวเราซื้อตั๋ว เราเลยปล่อยให้แกทำอย่างที่แกมีข้อมูลไป แล้วแต่ความถนัดของแต่ละบุุคคล เราได้ตั๋วขึ้นเคเบิ้ลคาร์ รอบ 8.40 น เสร็จแล้วก้อไปเดินสำรวจพื้นที่ รอเวลารถไฟออก 7.11 น ระหว่างนี้กลับมาที่ลุงอีกครั้ง สุดท้ายเราเห็นลุงกลับไปที่ช่องขายตั๋ว น่าจะเป็นการไปซื้อตั๋วเหมือนคนอื่นๆเค้านะ แล้วเราไปเข้าห้องน้ำ กลับออกมาเห็นกระเป๋าครอบครัวลุงหายไปแล้ว ก้อน่าจะเอาไปฝากเหมือนคนอื่นๆแล้วนะ จากนั้นทุกคนก้อไปขึ้นรถไฟ ซึ่งออกตรงเวลา ใช้เวลา 1 ชม ถึงสถานีปลายทาง แล้วก้อไปต่อ cable car ตามเวลาที่ระบุไว้ในบัตร นั่งไป 7 นาที ก้อไปต่อรถบัสอีก ใช้เวลา 50 นาที ระหว่างนั่งรถบัส คนขับก้อจะจอดและบอกให้ดูต้นไม้ข้างทางอายุ 300 ปี น้ำตกสูงๆ อีก 2 สาย รู้สึกว่าถ้านั่งหน้าสุดกะทางซ้ายมือถึงจะถ่ายรูปได้นะ ระหว่างทางไปสองข้างมีหิมะตลอดทาง ยิ่งขึ้นไปสูงยิ่งเยอะขึ้น 



ระหว่างทางไปที่มูโรโด



ภาพแรกบนมูโรโด

ตามแผนที่เราสามารถลงไปเดินตามเส้นทางชมธรรมชาติได้ แต่น่าจะเป็นเดือนมิถุนายนจนถึงก่อนหน้าหนาวนะ เพราะถ้าช่วงมีหิมะ ก้อจะไม่มีอะไรให้ดูนอกจากหิมะ เรามาลงที่สถานี murodo ซึ่งเป็นสานีที่มีกำแพงหิมะ มันสูงมากเหมือนกัน เค้าบรรยายว่ากลางเมษาจะสูงถึง 16 เมตร หรือประมาณตึก 5 ชั้น นี่ยังเตี้ยลงมาแล้ว เราเข้าไปตั้งหลักในสถานีก่อน เนื่องจากเค้าเปิดให้ชมกำแพงหิมะตอน 10-15.50 น เราเลยต้องรอเวลาเปิด พอถึงเวลาก้อเดินลงไปตามทางที่เค้ากำหนดไว้ ก้อได้ไปชมกำแพงหิมะตามที่ตั้งใจแล้ว ทีแรกฝนเริ่มลงเม็ดเล็กน้อย ประมาณเดินเล่นได้โดยไม่ต้องใช้ร่ม สัก 10 นาที ก้อหยุดไป แล้วท้องฟ้าก้อใส เป็นสีฟ้าพักนึง ก้อมีเมฆมาก ดีเหมือนกันที่ไม่ร้อนแดด และฝนก้อไม่ตกด้วย



ทางเดินชมกำแพงหิมะ




 ถ้าดูจากท้องฟ้าตอนนี้ เราว่าเราคงเที่ยวได้จบโดยไม่เจอฝน แต่ฟ้าอาจจะไม่ใสเท่าที่ควร แต่ก้อยังดีกว่าฝนตก จากจุดนี้แล้วก้อเดินไปตามป้ายที่บอกไปจุดชมวิว ที่จุดชมวิวนี่สวยมาก เป็นลานหิมะกว้างๆที่ให้เราไปเดินเล่นได้ นอนกล้ิงบนหิมะก้อได้ถ้าอยากจะทำ แถมมีฉากหลังเป็นภูเขาที่เราเห็นตอนเราอยู่ที่พื้นราบ มันสวยมาก ๆ เลย เราใช้เวลาที่สถานีนี้ 1.15 ชม จากจุดนี้เราก้อไปนั่งรถบัสไฟฟ้าลอดอุโมงค์ประมาณ 10 นาที เพื่อไปที่สถานีไดกันโบ ที่นี่เราตรงไปจุดชมวิว ซึ่งจะเห็นภูเขา tateyama แบบใกล้ ๆ โดยมีวิวทะลสาบ และเขื่อนคุโรเบะด้วย สวยมากจริงๆ น่าประทับใจกับผลงานการก่อสร้างของคนญี่ปุ่นจริงๆ จากนี้เราไปขึ้นกระเช้าไฟฟ้่ากันอีก 7 นาที ซึ่งกระเช้าไฟฟ้าที่นี่ไม่เหมือนที่เคยขึ้นที่อื่นๆ



ป้ายยินดีต้อนรับ หลายภาษา




 เพราะจุคนได้เยอะมากเป็น 20-30 คน ถึงแล้วก้อมีจุดชมวิวและเป็นลานหิมะให้เดินเล่นอีก แต่เราว่ามันไม่สวยเท่าไรก้อเลยผ่านไป นั่งเคเบิ้ลคาร์อีก 5 นาที ก้อถึงบริเวณสันเขื่อน ช่วงที่เรามานี่ไม่มีการปล่อยน้ำ มีแต่วิวทะเลสาบที่น้ำเป็นสีมรกตสวยงามมาก เดินเล่นบริเวณสันเขื่อนแล้วไปขึ้นรถบัสไปยังสถานีสุดท้ายของ route นี้ คือ สถานี ogizawa ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากสถานี ogizawa เราต้องซื้อตั๋วรถบัสไปยังสถานี shinano omachi ราคา 1330/ คน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เราถึงปลายทางบ่าย 2 นิดหน่อย ซึ่งยังรับกระเป๋าไม่ได้ เค้าเปิดให้รับตอน 3 โมง เราซื้อตั๋วรถไฟ มีเที่ยว 15.05 แต่กลัวว่าจะรับกระเป๋าเสร็จไม่ทัน เลยซื้อเที่ยว 15.27 น 



รอยยิ้มอย่างมีความสุขกับการเล่นหิมะ



เพลินในความงามของฟ้า และภูเขาหิมะ


ปรากฎว่าขณะเดินเล่นอยู่เห็นรถบรรทุกกระเป๋ามาส่งที่ร้านรับกระเป๋า ตอนบ่ายสองครึ่ง แล้วมีคนไปรับก่อนเค้าก้อหาให้ตอนนั้นเลย ดังนั้นถ้าใครไปถึงแล้วรีบเดินทาง ก้อลองไปถามหรือขอรับดู ก่อนซื้อตั๋วรถไฟก้อได้ แต่เราไม่ได้รีบก้อเลยไปเดินเล่นแถวๆนั้นซึ่งมีร้านขายของตลอดแนว แล้วกลับมาตอนสามโมง รับกระเป๋าแล้วไปขึ้นรถไฟ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม ก้อถึง matsumoto โดยฝนตกตั้งแต่เราเริ่มออกจากสถานีจนถึง matsumoto ก้อยังตกอยู่ เราแวะไปจองตั๋วรถบัสก่อนเข้าโรงแรม เข้าไปอาบน้ำแล้วออกไปเดินดูปราสาทมัตสึโมโตตอนกลางคืน สวยดี แวะแถวถนนกบด้วย เค้าปิด 3 ทุ่ม เราไปตอน 1 ทุ่ม เงียบมาก มีร้านเปิดแค่ไม่กี่ร้าน เลยไม่ได้เดินเข้าไปด้านในวันนี้ซื้อข้าวกล่องไปกินในห้อง เลยรีบกลับไปกินข้าวแล้วพักผ่อนดีกว่า






โชคดีที่มีฟ้าเปิดชั่วครู่ ทำให้เห็นฟ้าและเมฆสวยๆ กับภูเขาหิมะ




ค่าใช้จ่าย
ค่าตั๋ว route 9490/ คน
ค่าฝากกระเป๋า 1230/ คน
ค่ารถไปขึ้นรถไฟ 1330/ คน
ค่าคั๋วรถไฟไป matsumoto 670/ คน
ค่าตั๋วรถบัสไป nagoya 3000/. คน
ค่าโรงแรม 7480
ค่าหารเย็น 1000 เยน/2 คน



เดินไปตามทางหิมะ












โรงแรมที่มูโรโด






ลวดลายธรรมชาติบนพื้นหิมะ



อุโมงค์รถบัสไฟฟ้า



ทะเลสาบที่เขื่อนคุโรเบะ






ดอกหญ้าริมทาง





 

Create Date : 22 มิถุนายน 2557
0 comments
Last Update : 22 มิถุนายน 2557 17:06:57 น.
Counter : 2237 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.